เรื่องที่ 183 : เมื่อลูกระเบิดจากสงครามโลกครั้งที่สองตามมาหลอกหลอนถึงทุกวันนี้?
(ตอนที่หนึ่ง)
ไม่ได้เปลี่ยนมาเขียนเรื่องราวลี้ลับเหนือธรรมชาตินะครับ คงยังเขียนบทความเกี่ยวกับการประกันภัยอยู่เช่นเดิม เพียงแต่ล่าสุดได้อ่านพบตัวอย่างคดีศึกษาจากประเทศอังกฤษซึ่งเพิ่งมีคำพิพากษาออกมาไม่กี่เดือนนี้นี่เอง เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับหัวข้อข้างต้นที่สร้างความน่าฉงน และกระแสความน่าสนใจได้ไม่น้อยเลย
ตัวอย่างคดีศึกษานี้มีความเกี่ยวพันกับหลักการประกันภัย ข้อที่ 6 กล่าวคือ หลักสาเหตุใกล้ชิด (Proximate Cause Insurance Principle) ซึ่งค่อนข้างยากลำบากในการทำความเข้าใจมากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับหลักการอื่น ๆ อีกห้าข้อ
งั้นเรามาทบทวนถึงความหมายของสาเหตุใกล้ชิดอีกครั้งกันก่อนนะครับ
จากคู่มือปฏิบัติงานสำหรับนายหน้าประกันวินาศภัยของสำนักงาน คปภ. บทที่ 2 กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับนายหน้าประกันวินาศภัย เรื่องที่ 2.6 หลักสาเหตุใกล้ชิด และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หน้า 2-39 เขียนว่า
“1. ความหมายของสาเหตุใกล้ชิด
คำว่า “สาเหตุใกล้ชิด (Proximate Cause)” หรือตามพจนานุกรมศัพท์ประกันภัย ฉบับราชบัณฑิตยสภา (2560, น. 235) เรียกว่า “เหตุใกล้ชิด (Proximate Cause)” หมายถึง “ต้นเหตุโดยตรงหรือต้นเหตุหลักที่ก่อให้เกิดผลหรือความเสียหาย โดยไม่มีเหตุอื่นเข้ามาแทรกทาให้ขาดตอน ซึ่งหากไม่เกิดเหตุนี้ก็ไม่เกิดผล เช่น ในกรมธรรม์ประกันภัยอัคคีภัยที่คุ้มครองไฟไหม้ หากเกิดไฟไหม้ขึ้นกับทรัพย์สินที่เอาประกันภัย จึงมีการฉีดน้ำเพื่อดับไฟ ผลจากการกระทำดังกล่าวทำให้มีทรัพย์สินที่เอาประกันภัยบางส่วนเปียกน้ำ ความเสียหายจากการเปียกน้ำดังกล่าวจึงได้รับความคุ้มครองจากเหตุไฟไหม้ด้วย โดยไฟไหม้ถือเป็นเหตุใกล้ชิดของการที่ทรัพย์สินเปียกน้ำ”
สาเหตุใกล้ชิด อาจหมายความถึง
เหตุแห่งการกระทำที่เป็นจุดเริ่มต้นจนก่อให้เกิดผลติดตามมาโดยปกติอย่างต่อเนื่องโดยไม่ขาดตอน
จนทำให้เกิดความเสียหายขึ้นมาในที่สุด
คำว่า “สาเหตุใกล้ชิด”
อาจจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิด โดยมุ่งเน้นไปถึงระยะทาง
หรือระยะเวลาที่ใกล้ชิด แต่ในแง่ของกฎหมายเพียงเน้นถึง
“ความเป็นธรรมและความยุติธรรม”
เท่านั้น ทั้งจะต้องมิใช่เป็นสาเหตุที่ห่างไกลเกินไป”
ถ้ามีผู้ใดตั้งคำถาม
ลูกระบิดที่ตกค้างตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองจะสามารถส่งผลกระทบแก่ความคุ้มครองปัจจุบันได้บ้างไหม?
คุณจะเชื่อไหม และจะแสดงความคิดเห็นเช่นไรครับ?
ลำดับต่อไป ลองมาพิจารณาถึงตัวอย่างคดีศึกษานี้กันครับ
สงครามโลกครั้งที่สองซึ่งกินระยะเวลายาวนานถึงเจ็ดปีระหว่างปี ค.ศ. 1939 - ค.ศ. 1945 (พ.ศ. 2482 – พ.ศ. 2488) มีจุดเริ่มต้น ณ ทวีปยุโรปก่อนแล้วค่อยขยายตัวบานปลายออกไปสู่ภูมิภาคอื่น ๆ ของโลก ได้สร้างความเสียหายอย่างมากมาย โดยมีผู้เสียชีวิตประมาณ 15 ล้านคน และสร้างผลกระทบทางเศษฐกิจสูงถึงประมาณ 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ลำพังทั่วภูมิภาคยุโรปแห่งเดียวมีการทิ้งลูกระเบิดเข้าใส่นับปริมาณหลายล้านตัน แต่เชื่อว่า มีจำนวนอยู่ประมาณร้อยละ 10 – 20 ที่ยังไม่ระเบิดออกมา ส่งผลทำให้ทุกวันนี้ สามารถค้นพบลูกระเบิดที่ตกค้างเหล่านั้นได้บ่อยครั้ง โดยเฉพาะในพื้นที่บริเวณที่มีโครงการก่อสร้าง หรือการปรับปรุงพื้นที่หลายแห่งในประเทศอังกฤษ โชคดีส่วนใหญ่แล้วสามารถกู้คืน เพื่อนำไปทำลาย ณ จุดที่ควบคุมแห่งอื่นได้อย่างปลอดภัย
แต่ก็มิได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป
ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 คนงานได้ขุดเจอลูกระเบิดที่ตกค้างจากสงครามโลกครั้งที่สองหนึ่งลูกขนาดน้ำหนัก 1,000 กิโลกรัม ซึ่งมีชื่อเล่นเรียกว่า “เฮอร์มานน์” อันถูกทิ้งลงมาจากเครื่องบินของกองกำลังนาซีเยอรมัน เมื่อปี ค.ศ. 1942 ณ โครงการก่อสร้างใกล้กับอาณาเขตของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
ภายหลังจากการขุดกู้ตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการของภาครัฐ ได้ผลรายงานว่า ไม่อาจเคลื่อนย้ายลูกระเบิดนั้นออกไป เพื่อไปทำลายยังจุดควบคุมแห่งอื่นได้ จำเป็นจะต้องระเบิดทำลาย ณ สถานที่พบนั้นอย่างไม่มีทางเลือกอื่น จึงทำให้ต้องกั้นพื้นที่โดยรอบในรัศมี 400 เมตร พร้อมอพยพนักศึกษา บุคลากรของมหาวิทยาลัยแห่งนั้น ตลอดจนผู้อยู่อาศัยที่อยู่รอบบริเวณนั้นทั้งหมดออกไปเสียก่อนเพื่อความปลอดภัย
อนึ่ง เพื่อลดผลกระทบต่อแรงระเบิดที่อาจไปสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่ภายในรัศมี ผู้ชำนาญการภาครัฐได้จัดสร้างกระบะใส่ทราย (Sand Box) ปริมาณ 400 ตันถมอัดเข้าไปโดยรอบจุดที่ตั้งลูกระเบิดนั้น พร้อมมีรั้วเหล็กกั้นยันไว้ รวมทั้งขุดร่องโดยรอบอีกชั้นหนึ่ง ทั้งนี้ เพื่อช่วยลดแรงกระแทกของแรงระเบิดซึ่งอาจกระจายไปสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินที่ตั้งอยู่โดยรอบบริเวณนั้นด้วย
อย่างไรก็ดี แม้จะได้พยายามวางมาตรการปกป้องดังกล่าวแล้วก็ตาม ผลของแรงระเบิดซึ่งถูกจุดทำลายด้วยระบบควบคุมทางไกล ณ เวลา 18.10 ของวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 ยังสามารถสร้างความเสียหายให้บังเกิดขึ้นแก่บางอาคารสิ่งปลูกสร้างที่ตั้งอยู่ใกล้สุดอยู่ดี
เนื่องด้วยทางมหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้จัดทำกรมธรรม์ประกันภัยทรัพย์สิน และกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักเอาไว้อยู่แล้ว โดยมีระยะเวลาประกันภัยหนึ่งปีระหว่างวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 2020 ถึงวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 2021 จึงได้ทำการยื่นเรื่องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากทั้งสองกรมธรรม์ประกันภัย สำหรับความเสียหายที่บังเกิดขึ้นต่อบริษัทประกันภัยของตน
ณ วันที่ 28 เมษายน ค.ศ. 2021 บริษัทประกันภัยนั้นได้ตอบปฏิเสธความรับผิดอย่างเป็นทางการ ด้วยการหยิบยกข้อยกเว้นว่าด้วยภัยสงคราม (War Exclusion Clause) ที่ปรากฏอยู่ในกรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาททั้งสองฉบับมากล่าวอ้าง
ส่งผลทำให้เกิดเป็นคดีข้อพิพาทขึ้นมาสู่ศาลเพื่อพิจารณาตัดสิน
ถึงตรงนี้ คุณจะเชียร์เข้าข้างฝ่ายใดครับ?
ลูกระเบิดที่ถูกทิ้งลงมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อประมาณ 79 ปีก่อน โดยช่วงเวลานั้น ยังไม่ปรากฏมีบางอาคารสิ่งปลูกสร้างที่เอาประกันภัยนี้ ซึ่งได้รับความเสียหายอยู่ด้วยซ้ำไป จะยังสามารถส่งผลกระทบแก่ความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาทในปัจจุบันนี้ได้จริงหรือ?
ทั้งที่บ่อยครั้งเรามักจะได้ยินคำกล่าวที่ว่า สาเหตุใกล้ชิดจะต้องเกิดขึ้นในลักษณะต่อเนื่องโดยไม่ขาดตอน (unbroken chain of events)
แต่นี่ผ่านมาร่วมประมาณ 79 ปีแล้วนะ
อดใจรออ่านผลสรุปคดีนี้ ในสัปดาห์หน้าเช่นเคยครับ
บริการ
- รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
- รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com ต่างกัน
อ่านบทความอีกชุดที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น