วันจันทร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2566

เรื่องที่ 183 : เมื่อลูกระเบิดจากสงครามโลกครั้งที่สองตามมาหลอกหลอนถึงทุกวันนี้?

 

(ตอนที่สอง)

 

เรามาทบทวนลำดับวันเวลาที่เกี่ยวข้องอีกครั้งนะครับ

 

วันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1939 สงครามโลกครั้งที่สองเริ่มอุบัติขึ้น ณ ทวีปยุโรป

 

วันที่ไม่มีบันทึกข้อมูล ค.ศ. 1942 ลูกระเบิดถูกทิ้งลงมาแล้วเกิดด้าน ณ เมืองที่เกิดเหตุ

 

วันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 1945 สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง ณ ทวีปยุโรป

 

วันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1945 สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ

 

วันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 2020 2021 ช่วงระยะเวลาประกันภัยหนึ่งปี

 

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 คนงานได้ขุดเจอลูกระเบิดที่ตกค้างฝังในดิน

 

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 เจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการภาครัฐจุดระเบิดทำลายทิ้ง

 

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 บังเกิดความสูญเสียทางการเงิน และความเสียหายทางทรัพย์สินแก่ผู้เอาประกันภัย

 

วันที่ 28 เมษายน ค.ศ. 2021 บริษัทประกันภัยนั้นได้ตอบปฏิเสธความรับผิด

 

คดีพิพาทได้ถูกนำเสนอต่อศาลชั้นต้นแห่งประเทศอังกฤษ เพื่อพิจารณาตัดสินประเด็นข้อโต้แย้งประเด็นเดียวของคดีนี้ กล่าวคือ

 

ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นมีสาเหตุใกล้ชิดจากภัยข้อยกเว้นของภัยสงครามหรือไม่?

 

ฝ่ายผู้เอาประกันภัยต่อสู้ว่า

 

ตนได้รับความเสียหายเนื่องจากภัยระเบิดจากการกระทำโดยจงใจของเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการภาครัฐ ซึ่งจัดอยู่ในภัยที่คุ้มครอง มิใช่เกิดจากการทิ้งลูกระเบิดลงมาในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง (ตั้งแต่ประมาณ 79 ปีก่อนหน้านั้น) อันเป็นภัยที่ถูกยกเว้นเอาไว้ ภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาท

 

ขณะที่ฝ่ายบริษัทประกันภัยนั้นได้โต้แย้งว่า

 

ความเสียหายที่ได้รับนั้นตกอยู่ในข้อยกเว้นว่าด้วยภัยสงครามของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาท ซึ่งเขียนว่า ไม่คุ้มครอง สำหรับกรณีดังต่อไปนี้

 

ความสูญเสีย ความวินาศ ความเสียหาย การเสียชีวิต การบาดเจ็บทางร่างกาย การทุพพลภาพ หรือความรับผิด ตลอดจนความเสียหายสืบเนื่องใดก็ตาม อันเป็นเหตุมาจาก (occasioned by) ภัยสงคราม การรุกราน การกระทำของศัตรูต่างชาติ การกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ (ไม่ว่าจะได้มีการประกาศหรือไม่ก็ตาม) สงครามกลางเมือง การกบฏ การปฏิวัติ การแข็งข้อ หรือการยึดอำนาจการปกครองโดยทหาร หรือการช่วงชิงอำนาจ

 

โดยที่การทิ้งลูกระเบิดระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองนั้นจัดเป็นสาเหตุใกล้ชิดโดยตรงจากภัยสงคราม (the proximate cause) ในการก่อให้เกิดความเสียหายเหล่านี้จึงส่งผลทำให้ไม่ได้รับความคุ้มครองดังกล่าว

 

แม้นกระนั้น หากว่า การทิ้งลูกระเบิดนั้นเองถือเป็นสาเหตุใกล้ชิดจากภัยอื่น ๆ (a proximate cause) ในที่นี้ คือ การจุดระเบิดทำลายโดยเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการภาครัฐ มิใช่สาเหตุใกล้ชิดโดยตรง (the proximate cause) ในการก่อให้เกิดความเสียหายเหล่านี้ก็ตาม นั่นหมายความว่า กลายเป็นมีภัยที่เข้ามาเกี่ยวข้องหลายภัย อันส่งผลทำให้เข้ากฎเกณฑ์สาเหตุที่พ้องกัน (concurrent causes rule) ซึ่งกำหนดว่า ถ้าภัยที่คุ้มครองมาเกิดขึ้นพ้องกันกับภัยที่ยกเว้น ให้ภัยที่ยกเว้นนั้นมีผลใช้บังคับเหนือกว่า กล่าวคือ ก็จะคงไม่ได้รับความคุ้มครองเช่นว่านั้นอยู่ดี

 

ฝ่ายผู้เอาประกันภัยตอบโต้ว่า

 

ตนเชื่อว่า ผู้ร่างกรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาทไม่น่ามีเจตนารมณ์เขียนข้อยกเว้นภัยสงครามนี้ให้มีผลย้อนหลังครอบคลุมรวมไปถึงภัยสงครามต่าง ๆ ในอดีตด้วย ฉะนั้น กรณีนี้มิใช่การพิจารณาโดยอาศัยกฎเกณฑ์สาเหตุที่พ้องกัน (concurrent causes rule) แต่ควรใช้เป็นกฎการตีความสัญญากำกวม (contra proferentem rule) (กฎของการตีความในสัญญา ถ้าหากฝ่ายใดเป็นผู้ร่างสัญญา และข้อความในสัญญากำกวมหรือคลุมเครือ ศาลจะตีความเป็นประโยชน์แก่คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งมิใช่ผู้ร่างสัญญา - https://www.oic.or.th/th/node/27611) มากกว่า

 

ความเห็นของศาลชั้นต้นแห่งประเทศอังกฤษ

 

ได้พินิจพิเคราะห์จากพยานหลักฐานของคู่ความทั้งสองฝ่ายแล้ว ให้ความเห็นไว้ดังนี้

 

1) สำหรับประเด็นเรื่องความกำกวมของถ้อยคำดังอ้างอิงในสัญญาประกันภัย/กรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาทนั้น

 

ศาลไม่เห็นว่า มีความกำกวมไม่ชัดเจนแต่ประการใด เนื่องจากไม่ปรากฏมีข้อความของข้อยกเว้นนี้เขียนในลักษณะว่า ไม่คุ้มครองความเสียหายทั้งโดยทางตรง หรือโดยทางอ้อมจากภัยสงคราม ทำให้จำต้องอาศัยหลักสาเหตุใกล้ชิดมาใช้บังคับในการตีความ ซึ่งฝ่ายผู้เอาประกันภัยก็เห็นพ้องด้วยแล้ว ทั้งยังได้ต่อสู้การจุดระเบิดทำลายดังกล่าวมิใช่มีสาเหตุมาจากการกระทำสงคราม ฉะนั้น สาเหตุใกล้ชิดต่อความเสียหายเหล่านั้นก็ไม่ได้บังเกิดจากการกระทำสงครามเช่นเดียวกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ ศาลจึงไม่รับฟังประเด็นข้อตอบโต้นี้

 

2) ส่วนประเด็นความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นมีสาเหตุใกล้ชิดจากภัยข้อยกเว้นของภัยสงครามหรือไม่?

 

การพิจารณาถึงความเสียหายว่า จะมีสาเหตุมาจากภัยที่คุ้มครองหรือเปล่านั้น ถือเป็นการแปลถ้อยคำของสัญญาประกันภัย ฉะนั้น หลักสาเหตุใกล้ชิดก็คือข้อตกลงในการแปลถ้อยคำของสัญญาประกันภัยนั้นเอง โดยอาศัยการพิจารณาถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงของคู่สัญญานั้นเป็นสำคัญ โดยที่คำว่าสาเหตุ “ใกล้ชิด (proximate)” เทียบเคียงได้กับคำว่าสาเหตุ “ฉับพลันทันที (immediate)” อันตรงข้ามกับคำว่าสาเหตุ “ห่างไกล (remote)” แต่ศาลจะต้องขยายความให้กว้างกว่าคำว่าสาเหตุ “ฉับพลันทันที (immediate)” เพื่อค้นหาสาเหตุ “แท้จริง (real)” ออกมาให้ได้

 

ทั้งนี้ ศาลได้หยิบยกตัวอย่างคดีศึกษาหลายคดีที่มีชื่อเสียง และเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางทั่วโลกมาอ้างอิง หนึ่งในนั้น คือ คดี Leyland Shipping Company v Norwich Union Fire Insurance Society Limited [1918] AC 350 กรณีเรือที่เอาประกันภัยลำหนึ่งได้รับความเสียหาย เนื่องจากถูกโจมตีด้วยตอร์ปิโดจากเรือดำน้ำของกองกำลังนาซีเยอรมัน และได้ถูกลากจูงเข้าเทียบท่าเรือใกล้ที่สุด เพื่อรอการซ่อมแซม แต่ต่อมาได้ถูกลากจูงให้ออกไปทิ้งสมอจอดลอยลำเรือนอกชายฝั่ง ท่ามกลางกระแสลม และคลื่นที่ปั่นป่วน สามวันถัดมา เรือลำนั้นก็จมลงสู่ท้องทะเลในท้ายที่สุด   

 

ศาลสูงสุดแห่งประเทศอังกฤษได้พิจารณาว่า แม้เรือลำนั้นได้รับความคุ้มครองจากภัยทางทะเล (perils of the sea) แต่เนื่องด้วยปรากฏมีข้อยกเว้นของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาทระบุไม่คุ้มครองถึงผลสืบเนื่องต่าง ๆ จากการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ หรือการปฏิบัติการเยี่ยงสงคราม เมื่อความเสียหายที่บังเกิดขึ้นนั้นมีสาเหตุใกล้ชิดมาจากการถูกยิงด้วยตอร์ปิโด ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ดังว่านั้น จึงส่งผลทำให้ไม่ได้รับความคุ้มครอง

 

ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อเรือลำนั้นได้ถูกลากจูงมาถึงท่าเรือ ก็สามารถลอยลำจอดเทียบท่าเรือนั้นได้อย่างปลอดภัย และจะคงอยู่ในสภาพเช่นนั้น หากได้รับอนุญาตให้จอดอยู่ได้ต่อไป อย่างไรก็ดี เนื่องด้วยสภาวะอากาศที่แปรปรวนขณะนั้น ได้สร้างความกังวลใจอย่างมากแก่เจ้าหน้าที่ของการท่าเรือว่า ถ้าเรือลำนั้นบังเอิญเกิดจมลงไป ก็อาจไปกีดขวางการเข้าเทียบท่าของเรือลำอื่น ๆ ได้ ซึ่งในสภาวะสงครามจำต้องเตรียมความพร้อมในการให้บริการโดยไม่ติดขัด เพื่อปกป้องความเสียหายที่อาจบังเกิดแก่เรือลำอื่น ๆ ได้ เจ้าหน้าที่ของการท่าเรือแห่งนั้นโดยไม่มีทางเลือกอื่นจำต้องออกคำสั่งให้กัปตันของเรือลำนั้นเคลื่อนย้ายออกไปจอดทิ้งสมอลอยลำนอกชายฝั่ง จนท้ายที่สุดไม่อาจทนสภาพแปรปรวนของคลื่นลมได้อีกต่อไป เรือลำนั้นก็จมตัวลงกลายเป็นความเสียหายโดยสิ้นเชิงในอีกไม่กี่วันถัดมา

 

ในการค้นหาสาเหตุใกล้ชิดคดีนี้ ให้มองข้ามการพยายามที่จะทุเลา หรือหยุดยั้งความเสียหายของมนุษย์ ด้วยการลากจูงเรือลำนั้นมาจอดเทียบท่าเรือแต่แรก โดยมองผ่านไปถึงการนำเรือลำนั้นไปจอดทิ้งสมอนอกชายฝั่งได้เลย ด้วยเหตุนี้ สาเหตุใกล้ชิดนั้นไม่จำต้องเป็นสาเหตุใกล้ชิดที่สุดเสมอไป ให้พยายามอาศัยหลักสามัญสำนึก (common sense) ตามความเข้าใจของทั่วไปในการพิจารณามากกว่าเพียงอาศัยความรู้สึกส่วนตนเป็นเกณฑ์

 

เช่นเดียวกับคดีนี้ ถ้ามองข้ามการกระทำของมนุษย์ (ตราบเท่าที่มีเหตุผลสมควร) ในการจุดระเบิดทำลายลูกระเบิดนั้น การทิ้งลูกระเบิดนั้นลงมาถือเป็นสาเหตุใกล้ชิดของความเสียหายที่บังเกิดขึ้นดังกล่าวท้ายที่สุด กรณีจึงไม่เข้าข่ายที่จำต้องไปจำแนกออกเป็นหลายภัยที่เข้ามาเกี่ยวข้องตามกฎเกณฑ์สาเหตุที่พ้องกัน (concurrent causes rule) ดังอ้างอิงข้างต้น

 

อย่างไรก็ตาม หากทดลองด้วยการไม่มองข้ามถึงการกระทำของมนุษย์ การพิจารณาโดยอาศัยสามัญสำนึกในที่นี้ ก็คือ ความเสียหายเหล่านั้นได้เกิดจากการระเบิด โดยฝีมือของเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการภาครัฐซึ่งมีอำนาจตามกฎหมาย และได้กระทำการตามความจำเป็นในขอบเขตอำนาจนั้นด้วย เนื่องจากการคงอยู่ของลูกระเบิดนั้นซึ่งอาจเกิดระเบิดขึ้นมาเองได้ทุกเมื่อ ดังนั้น ถ้าไม่มีลูกระเบิดนั้นปรากฏอยู่เลย ก็คงไม่จำต้องมีการจุดระเบิดทำลายขึ้นมาเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุผลดังกล่าว ศาลจึงเห็นว่า การทิ้งลูกระเบิดนั้นลงมาถือเป็นสาเหตุใกล้ชิดโดยตรงต่อความเสียหายเหล่านั้นเองอยู่ดี

 

ตัดสินให้ฝ่ายบริษัทประกันภัยนั้นไม่ต้องรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาท

 

(อ้างอิง และเรียบเรียงมาจากคดี Allianz Insurance Plc v The University of Exeter [2023] EWHC 630)

 

หมายเหตุ

 

คดีนี้มีคำตัดสินออกมาโดยศาลชั้นต้นแห่งประเทศอังกฤษเมื่อวันที่ 22 มีนาคม ค.ศ. 2023 นี้เอง น่าสนใจว่า ฝ่ายผู้เอาประกันภัยจะร้องอุทธรณ์ต่อไปหรือไม่? ถ้ามี ก็จะนำมาอัพเดทให้อ่านกันครับ

 

อนึ่ง เมื่ออ่านตัวอย่างคดีศึกษานี้แล้ว อดนึกไม่ได้ นี่อาจจะเป็นเรื่องใกล้ตัวบ้านเราได้เช่นกัน เนื่องด้วยยังมีข่าวพบเจอลูกระเบิดด้านตกค้างตามพื้นที่ต่าง ๆ ของบ้านเราอยู่บ่อยครั้ง สมมุติถ้าบังเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ขึ้นมาจริง ศาลไทยท่านจะพิจารณาเช่นใดกันหนอ? ยิ่งกรมธรรม์ประกันภัยทุกประเภทล้วนมีข้อยกเว้นลักษณะนี้อยู่เสียด้วย

     

บริการ

 

-     รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย

-     รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)

สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com ต่างกัน

 

อ่านบทความอีกชุดที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น