วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2566

เรื่องที่ 175 : เจอเคลมแบบนี้ บริษัทประกันภัยก็หัวเราะไม่ออก? : เมื่อคนขับรถแท็กซี่ข่มขืนผู้โดยสาร

 

(ตอนที่สี่)

 

ผลการพิจารณาคดีนี้ใหม่มิได้ผิดแผกไปจากแนวทางที่ศาลอุทธรณ์ได้วางไว้ กล่าวคือ ให้ทั้งผู้ประกอบการรถแท็กซี่ กับคนขับรถคันนั้นจำต้องรับผิดตามกฎหมายต่อผู้เสียหาย

 

แต่เนื่องด้วยจำนวนเงินค่าเสียหายที่จะต้องชดใช้ให้นั้นดูน้อยไปหน่อย ฝ่ายผู้เสียหายจึงได้ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายเพิ่มเติมจากบริษัทประกันภัยซึ่งให้ความคุ้มครองความรับผิดตามกฎหมายแก่รถแท็กซี่คันนั้นกับตัวคนขับรถคันนั้นด้วย โดยที่กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ฉบับพิพาทนั้นได้กำหนดตอนหนึ่งว่า

 

จะชดใช้ในนามของผู้เอาประกันภัย สำหรับจำนวนเงินทั้งหลายซึ่งผู้เอาประกันภัยมีความรับผิดตามกฎหมายที่จะต้องชดใช้ให้เป็นค่าเสียหาย ในกรณีความบาดเจ็บทางร่างกาย รวมถึงการเสียชีวิตของบุคคลใด อันมีสาเหตุมาจากอุบัติเหตุ และได้เกิดขึ้นเนื่องมาจากการเป็นเจ้าของรถ การบำรุงรักษา หรือการใช้รถคันที่เอาประกันภัยนั้น (caused by accident and arising out of the ownership, maintenance or use of the automobile)

 

สามารถจำแนกออกเป็นประเด็นต่าง ๆ ในการพิจารณา ดังนี้

 

1) ผู้เอาประกันภัยอันที่จะได้รับความคุ้มครอง คือ ผู้ใด?

 

    แม้ในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ฉบับพิพาท ระบุชื่อเพียงชื่อผู้ประกอบการรถแท็กซี่คันนั้นให้เป็นผู้เอาประกันภัยเท่านั้น แต่ก็มีข้อกำหนดที่เรียกว่า “ข้อกำหนดสารพัน (omnibus clause)” ให้ผู้เอาประกันภัย หมายความรวมถึง บุคคลผู้ใดซึ่งได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยดังระบุชื่อให้ใช้รถคันที่เอาประกันภัยนั้นด้วย ในที่นี้ คือ ตัวคนขับรถคันนั้นก็จะได้รับความคุ้มครองเสมือนหนึ่งผู้เอาประกันภัยเช่นเดียวกัน

 

หมายเหตุ

 

ข้อกำหนดสารพัน (omnibus clause) หมายความถึง ข้อกำหนดในกรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดที่ขยายความคุ้มครองรวมไปถึงบุคคลอื่นเพิ่มเติมจากผู้เอาประกันภัย ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย เช่น ในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ในส่วนความคุ้มครองความรับผิดของผู้เอาประกันภัยที่ขยายความคุ้มครองไปถึงบุคคลอื่นที่ได้รับอนุญาตให้ขับขี่รถยนต์นั้น รวมตลอดถึงลูกจ้างหรือผู้โดยสารด้วย (พจนานุกรมศัพ์ประกันภัย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 6 (แก้ไขเพิ่มเติม) พ.ศ. 2560)

 

2) ความบาดเจ็บทางร่างกายดังกล่าวผู้เสียหายในฐานะผู้โดยสารได้เกิดขึ้นจาก

 

    2.1) อุบัติเหตุหรือไม่? และ

 

           ฝ่ายจำเลย (บริษัทประกันภัยกับคนขับรถคันนั้น) ได้พยายามโต้แย้งว่า ไม่ถือเป็นอุบัติเหตุตามความหมายของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ฉบับพิพาท เพราะเกิดขึ้นจากการกระทำโดยเจตนาของผู้กระทำผิดนั้นเอง

 

          ศาลวินิจฉัยว่า ในการวิเคราะห์ความหมายของอุบัติเหตุ จำต้องพิจารณาเสียก่อนว่า จะมองจากมุมมองของฝ่ายผู้กระทำ หรือผู้ถูกกระทำเป็นเกณฑ์

 

          หากมองจากมุมมองของผู้กระทำ แน่นอนว่า เกิดขึ้นจากความจงใจ อันมิใช่อุบัติเหตุ

 

          แต่ถ้าในมุมมองของผู้ถูกกระทำแล้ว มิได้ประสงค์ที่จะให้ตนเองได้รับอันตรายจากการกระทำของผู้ใดก็ตาม เช่นนี้ ถือเป็นอุบัติเหตุ

 

          โดยหลักการตีความทั่วไปตามกฎหมาย สำหรับกรณีความรับผิด จะยึดถือมุมมองของผู้ถูกกระทำเป็นเกณฑ์สำคัญ ฉะนั้น ในกรณีนี้ ถือว่า ฝ่ายโจทก์ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บโดยอุบัติเหตุ     

                                

    2.2) เนื่องมาจากการเป็นเจ้าของรถ การบำรุงรักษา หรือการใช้รถคันที่เอาประกันภัยนั้นหรือเปล่า?

 

           ประเด็นนี้ได้ข้อสรุปชัดเจนแล้วว่า เป็นผลเนื่องมาจากการใช้รถคันที่เอาประกันภัยของคนขับรถคันนั้นซึ่งได้รับความคุ้มครองเสมือนหนึ่งผู้เอาประกันภัย

 

3) กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ฉบับพิพาทนั้นจำต้องรับผิดให้ในนามของผู้เอาประกันภัยด้วยหรือไม่?

 

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ประเด็นต่าง ๆ ข้างต้นล้วนเข้าข้อกำหนดและเงื่อนไขดังระบุไว้ของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ฉบับพิพาทก็ตาม

 

แต่ด้วยเหตุที่การกระทำของคนขับรถคันนั้นเป็นการกระทำผิดโดยเจตนาตามกฎหมายอาญา ดังนั้น ในการที่จะให้บริษัทประกันภัยมาชดใช้แทนนั้นจึงขัดต่อหลักกฎหมายว่าด้วยความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน (อันเสมือนหนึ่งเป็นการสนับสนุนผู้กระทำผิดในทางอ้อม) จึงตัดสินให้บริษัทประกันภัยไม่จำต้องเข้ามาร่วมรับผิดด้วย

 

(อ้างอิง และเรียบเรียงมาจาก

คดีแรก M.O. v Geico Gen. Ins. Co., No. WD 84722, (Mo. Ct. App. June 7, 2022 และ

คดีที่สอง Haser v Maryland Casualty Co., 53 NW 2d 508 (ND 1952))

 

หมายเหตุ

 

สำหรับคดีแรก

 

ถ้าท่านใดสนใจจะลองไปพิจารณาต่อว่า กรณีดังว่านั้นจัดเป็นอุบัติเหตุด้วยหรือไม่? 

 

ให้ลองไปอ่านเพิ่มเติมย้อนหลัง ในบทความของผม เรื่องที่ 39 : การมีเพศสัมพันธ์ และการติดเชื้อโรคทางเพศสัมพันธ์ถือเป็นอุบัติเหตุหรือไม่? ซึ่งได้เขียนไว้นานหลายปีแล้ว

 

และกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์นั้นควรให้ความคุ้มครองได้หรือเปล่า?

 

มีนักกฎหมายต่างประเทศบางท่านได้เขียนดักคอเอาไว้ว่า ถ้าศาลตัดสินคดีดังกล่าวให้ต้องรับผิดชอบแล้ว ต่อจากนี้ไป ก่อนจะมีเซ็กซ์กันในรถ นอกจากควรตรวจสอบอุปกรณ์ป้องกันอย่างอื่น ให้ตรวจสอบเพิ่มด้วยว่า รถคันนั้นยังมีประกันภัยคุ้มครองอยู่ไหม?

 

ส่วนคดีที่สอง

 

ยังมีแนวทางการวินิจฉัยคดีลักษณะนี้ของศาลต่างประเทศที่แตกต่างกันอยู่พอสมควร ศาลส่วนใหญ่จะเดินตามแนวทางนี้ แต่บางศาลกลับมีใจโน้มเอียงไปทางเห็นใจฝ่ายผู้เสียหายมากกว่า อาจตัดสินให้บริษัทประกันภัยเข้ามารับผิดแทน ก็มีพบเห็นอยู่บ้างเหมือนกัน  

 

อนึ่ง บริษัทประกันภัยต่างประเทศบางแห่งถึงขนาดออกแบบกรมธรรม์ประกันภัยเฉพาะให้ความคุ้มครองเรื่องลักษณะนี้ที่เรียกว่า “Sexual Misconduct and Molestation Liability (SMML) Insurance” บ้างแล้วเช่นกัน

 

เดิมทีจะจบบทความเรื่องนี้ลงเสียที แต่ยังรู้สึกไม่สมบูรณ์เพียงพอ และเติมไม่เต็มนัก หากมิได้หยิบยกแนวทางคำพิพากษาศาลฎีกาของไทยมาเทียบเคียง

 

ขอไปต่ออีกตอนก็แล้วกันครับ

 

บริการ

-     รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย

-     รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)

สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com ต่างกัน

 

อ่านบทความอีกชุดที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/

  

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น