วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2566

เรื่องที่ 175 : เจอเคลมแบบนี้ บริษัทประกันภัยก็หัวเราะไม่ออก?

(ตอนที่หนึ่ง)

 

ประเภทของการประกันภัยซึ่งส่วนตัวของผมแล้ว รู้สึกค่อนข้างมีความยากลำบาก และสับสนมากที่สุดในการตีความ เวลาเมื่อเกิดข้อพิพาทขึ้นมา

 

นั่นคือ การประกันภัยรถยนต์

 

จากประสบการณ์ส่วนตัว และเท่าที่ศึกษาค้นคว้ามา รู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ

 

อาจเป็นเพราะเงื่อนไขความคุ้มครองไปผูกไว้กับเกณฑ์ว่า “เกิดขึ้นมาจากใช้รถ หรือการใช้ทาง (being used or is in run-way)” อย่างแน่นหนามากเกินไปหรือเปล่า? ไม่แน่ใจเหมือนกัน

 

ถึงแม้นจะเป็นประเภทการประกันภัยซึ่งผู้คนทั่วไปรู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ในทางกลับกันก็เป็นประเภทการประกันภัยซึ่งมีสถิติร้องเรียนสูงสุด

 

ไม่เพียงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเราเท่านั้น ในต่างประเทศก็เช่นเดียวกัน

 

เพียงแค่ถ้อยคำ “เกิดขึ้นมาจากการใช้รถ หรือการใช้ทาง” อ่านเผิน ๆ ดูเสมือนหนึ่งน่าจะเข้าใจได้ง่าย ไม่จำต้องแปลความหมายอะไรมากมาย?

 

ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น ลองนำถ้อยคำนั้นไปเทียบเคียง หรือปรับใช้กับข่าวอุบัติเหตุmk'รถยนต์ที่เกิดขึ้นอย่างหลากหลายประจำวันดูสิครับ กรณีใดเข้าข่าย “การใช้รถ” และ/หรือ “การใช้ทาง” ได้บ้าง?

 

การใช้รถ” และ/หรือ “การใช้ทาง” หมายความถึงอะไร?

 

การใช้รถ” และ/หรือ “การใช้ทาง” มีจุดเริ่มต้นเมื่อใด และมีจุดสิ้นสุดเมื่อไรกันแน่?

 

ถ้ารถคันนั้นจอดอยู่ในบ้าน หรือไปถึงจุดหมายเรียบร้อยแล้ว ยังคงได้รับความคุ้มครองอยู่ต่อไปหรือไม่?

 

เพื่อลดความสับสน ที่ต่างประเทศ กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์บางฉบับได้ทำให้เงื่อนไขความคุ้มครองมีความชัดเจนมากขึ้น ด้วยการขยายความเพิ่มเติม “เกิดขึ้นมาจาก หรือเกิดขึ้นเนื่องมาจากการเป็นเจ้าของรถ การบำรุงรักษา การใช้รถ หรือการใช้ทาง (arise out of the ownership, maintenance, use or operation of insured vehicle)

 

กระนั้นยังไม่ชัดเจนเพียงพอ เพราะอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ทางรถยนต์ที่เกิดขึ้นจริงนั้นมิได้จำกัดอยู่เพียงแค่รถพลิกคว่ำ รถชนกัน รถชนคน หรือสัตว์ สิ่งของเท่านั้น มีกรณีอื่น ๆ อยู่ด้วย

 

รวมถึงกรณีที่เป็นข่าวสร้างความฮือฮาไปทั่วสองฝากฝั่งของตลาดประกันภัยยักษ์ใหญ่ของโลก คือ ที่อเมริกา และอังกฤษ เมื่อกลางปีที่แล้ว

 

ถึงขนาดทำให้บริษัทประกันภัยคู่คดีนั้นหัวร่อไม่ออกเลยทีเดียว

 

คุณคิดว่า ทุกวันนี้ คนเราใช้รถทำอะไรบ้างครับ?

 

ทั่วไปอาจตอบว่า เพื่อไปทำงาน ไปเรียนหนังสือ ไปท่องเที่ยว ไปทานอาหาร ไปไปซื้อของ ไปส่งของ ฯลฯ

 

หากมีอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นในระหว่างนั้น คาดหวังน่าจะได้รับความคุ้มครองใช่ไหมครับ?

 

แล้วถ้าเกิดมีใครใช้รถไปกระทำเช่นนี้ คุณคิดว่า กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ควรคุ้มครองไหม?

 

เมื่อสุภาพสตรีผู้หนึ่งไปยื่นฟ้องต่อศาลที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเรียกร้องให้สุภาพบุรุษรายหนึ่งรับผิดชอบ โทษฐานทำให้เธอติดเชื้อไวรัสอันตราย HPV ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Diseases (STDs)) ระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ด้วยกันอยู่ในรถยนต์ของฝ่ายชาย โดยที่ฝ่ายชายมิได้ใช้มาตรการป้องกันใด หรือไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้าเลยว่า ตนตกเป็นผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว เหตุเกิดขึ้นช่วงปลายปี ค.ศ. 2017

 

เนื่องด้วยเหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นบนรถยนต์ และฝ่ายชายเองได้มีกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์คุ้มครองอยู่ด้วย จึงบอกฝ่ายหญิงไม่ต้องห่วงอะไร? เดี๋ยวจะแจ้งบริษัทประกันภัยรถยนต์ของตนมารับผิดชอบแทนให้

 

ฝ่ายชายในฐานะผู้เอาประกันภัยได้ไปแจ้งเหตุนั้นแก่บริษัทประกันภัยของตนจริง ๆ

 

คุณคิดว่า

 

(1) บริษัทประกันภัยนั้นจะตอบกลับมาเช่นไรบ้างครับ?

(2) เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนรถคันนั้น เกิดจากการใช้รถไหมครับ?

 

และผลทางคดีจะเป็นไรนั้น กรุณาติดตามต่อตอนหน้าครับ

 

บริการ

-     รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย

-     รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)

สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com ต่างกัน

 

อ่านบทความอีกชุดที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น