วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เรื่องที่ 26 : เมื่อมีสาเหตุโดยตรง ก็ต้องมีสาเหตุโดยอ้อม (Indirectly Caused) แล้วมันหมายถึงอะไรกันอีกล่ะนี่?



(ตอนที่หนึ่ง)

เรารับทราบกันแล้ว สาเหตุโดยตรงนั้น หมายความถึง เป็นเหตุ (ภัย) เดียว หรือหลายเหตุ (ภัย) ซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไม่ขาดตอนเป็นลำดับ หรือเป็นชุดเดียวกัน ในการก่อให้เกิดความเสียหายโดยตรง ถ้านึกถึงเส้นตรง หรือโดมิโนหลายตัววางเรียงต่อกัน จะเป็นลักษณะเช่นนั้นล่ะครับ

ส่วนสาเหตุโดยอ้อม (Indirectly Caused) คำว่า “โดยอ้อม” ความหมายของพจนานุกรม Merriam-Webster คือ “deviating from a direct line or course หรือ not going straight to the point” ถอดความได้เป็นการเบี่ยงเบนจากเส้นตรง หรือมิได้เป็นเส้นตรง พูดง่าย ๆ เปรียบกับการเดินทางที่มิได้ไปตรง ๆ แต่อ้อมไปนั่นเอง ฉะนั้น เส้นทางที่อ้อมไปนี้ มักจะยาวกว่า ทำให้บางครั้ง เราจะเรียกสาเหตุโดยอ้อม (Indirectly Caused) ในอีกชื่อหนึ่งว่า “สาเหตุที่ห่างไกล (Remote Cause)

ทั้งนี้ สาเหตุโดยอ้อม (Indirectly Caused) มีลักษณะเป็นอีกเหตุการณ์ที่แยกต่างหากออกจากสาเหตุโดยตรง อาจดูเสมือนหนึ่งจะเชื่อมต่อกับสาเหตุโดยตรงก็ได้

ยกตัวอย่างคดี Lawrence v Accidental Insurance Co, (1881) 7 QBD 216  
ผู้เอาประกันภัยเกิดอาการชัก และตกลงลงไปในรางรถไฟใต้ดินจนถูกรถไฟแล่นทับตาย ศาลตัดสินว่า อาการชักของผู้เอาประกันภัยนั้นเป็นสาเหตุที่ห่างไกล (Remote Cause) ส่วนการถูกรถไฟแล่นชนนั้นเป็นสาเหตุใกล้ชิด (Proximate Cause) ซึ่งส่งผลทำให้ผู้เอาประกันภัยต้องเสียชีวิตลงไป

อีกตัวอย่างหนึ่งในคดี ROGERS V. WHITTAKER [1917] 1 KB 942
โกดังของผู้เอาประกันภัยภายใต้กรมธรรม์ประกันอัคคีภัย ซึ่งมีข้อยกเว้นเรื่องภัยสงคราม ได้ถูกฝูงบินของกองกำลังศัตรูต่างชาติทิ้งระเบิดลงมาจนทำให้เกิดไฟไหม้ได้รับความเสียหายโดยสิ้นเชิง ศาลวินิจฉัยว่า แม้โกดังนั้นเสียหายจากไฟไหม้ อันเป็นภัยที่คุ้มครองก็ตาม แต่ภัยสงคราม ซึ่งอยู่ในข้อยกเว้นถือเป็นสาเหตุโดยตรงต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น ขณะที่ภัยไฟไหม้นั้นถือเป็นสาเหตุที่ห่างไกล (Remote Cause)

แม้ทั้งสองคดีตัวอย่างเก่านานมากแล้ว ก็เชื่อว่า น่าจะพอให้เห็นภาพได้บ้าง

บางครั้งอาจมีลักษณะเป็นอีกเหตุการณ์แยกออกไป แต่ยังมีความเชื่อมโยงกันได้อยู่ ถ้าเราย้อนกลับไปนึกถึงคดี Tappoo Holdings Ltd and Another v Stuchbery [2006] 4 LRC 191 ในบทความเรื่องที่ 25 ตอนที่สาม เหตุการณ์การเข้ายึดอำนาจการปกครองในประเทศฟูจิ เวลาคล้อยหลังจากนั้นไม่นานนัก ก็มีกลุ่มคนร้ายฉกฉวยโอกาสที่สภาวะบ้านเมืองระส่ำระสาย เข้าไปปล้นห้างค้าปลีกของผู้เอาประกันภัย แม้เป็นการทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนบุคคล แต่ก็พูดไม่ได้ว่า เป็นผลพวงมาจากการที่บ้านเมืองตกอยู่ในสภาวะไร้ขื่อแป ปราศจากการบังคับใช้กฎหมาย อันเนื่องมาจากการยึดอำนาจการปกครองดังกล่าว การจลาจลปล้นสะดมนั้น จึงถือเสมือนมีสาเหตุโดยอ้อมมาจากการกระทำแข็งข้อ (insurrection) นั้นเอง

หรืออย่างคดีต้นแบบที่ทั่วโลกใช้อ้างอิงเวลาพิจารณาถึงกรณีสาเหตุโดยอ้อม (Indirectly Caused) นั่นคือ คดี Coxe v. Employers Liability Assurance Corp., 1916, 2 K.B. 629 ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงสภาวะสงคราม อันตกอยู่ในข้อยกเว้นทั้งสาเหตุโดยตรง และโดยอ้อมที่เกิดจากภัยสงคราม ภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ได้เกิดขึ้นในขณะที่ผู้เอาประกันภัย ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทหารออกปฎิบัติหน้าที่ในการตรวจตราทหารยามประจำตามจุดต่าง ๆ ข้างทางรถไฟ แล้วปรากฏว่า ผู้เอาประกันภัยได้ถูกรถไฟชนจนเสียชีวิต ทำให้เกิดการตีความว่า การตายของผู้เอาประกันภัยนั้นมีสาเหตุโดยตรง หรือโดยอ้อมมาจากภัยสงครามที่อยู่ในข้อยกเว้นหรือไม่ ซึ่งผลการวินิจฉัย การปฎิบัติหน้าที่ของผู้เอาประกันภัยได้ส่งผลทำให้ผู้เอาประกันภัยตกอยู่ในสภาวะที่อาจเกิดอันตรายได้ และในที่สุดก็เกิดอันตรายขึ้นมาจริง ๆ ดังกล่าว จึงถือได้ว่า การเสียชีวิตของผู้เอาประกันภัยมีสาเหตุโดยอ้อมมาจากภัยสงครามนั้นเอง

คิดว่า พอจับประเด็นในการพิจารณาได้บ้างไหมครับ แล้วเราค่อยคุยกันอีกในตอนต่อไปนะครับ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น