วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2568

เรื่องที่ 236 : คำว่า “การขัดข้อง (Impairment)” ภายใต้ความคุ้มครองธุรกิจหยุดชะงักกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น สำหรับการประกันภัยไซเบอร์ (Cyber Business Interruption & Extra Expense Coverage) ควรแปลความหมายเช่นไร?

 

(ตอนที่หนึ่ง)

 

เรามักคุ้นเคยกันดี

 

การประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก สำหรับทรัพย์สินทั่วไป (Property Business Interruption Insurance) ให้ความคุ้มครองความสูญเสียทางการเงินจาก “การหยุดชะงัก (interruption) หรือการได้รับผลกระทบ (interference)” ต่อธุรกิจที่เอาประกันภัย (business insured) อันสืบเนื่องมาจากความเสียหายของทรัพย์สินจากภัยที่คุ้มครอง

 

ขณะที่การประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก สำหรับไซเบอร์ บริษัทประกันภัยผู้ร่างข้อตกลงคุ้มครองกลับเลือกถ้อยคำ “การได้รับผลขัดข้องอย่างแท้จริง (actual impairment)” หรือการไม่สามารถให้บริการ (denial of service) ในการประกอบธุรกิจที่เอาประกันภัย (business operations) อันเป็นผลโดยตรงมาจากการละเมิดข้อมูล (data breach) ใช้แทน

 

แม้ศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถานจะให้คำแปลภาษาไทยของ Impairment หมายความถึง ความบกพร่อง, ความเสื่อมโทรม

 

แต่ในที่นี้ ขอใช้คำแปลว่า “การขัดข้อง” แทนน่าจะได้ใจความกับเนื้อเรื่องมากกว่า

 

ฉะนั้น การหยุดชะงัก (interruption) กับการขัดข้อง (impairment) ควรจะมีความหมายเหมือนกัน หรือแตกต่างกัน?

 

คุณมีความคิดเช่นไรครับ?

 

ประเด็นนี้ได้ก่อให้เกิดปัญหาข้อพิพาทในการแปลความหมายนั้นขึ้นมาแล้วนะครับ

 

เนื่องจากบริษัทประกันภัยผู้ร่างถ้อยคำตีความว่า ทั้งสองคำนั้นล้วนให้ความหมายเช่นเดียวกัน

 

โดยปกติการประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักนั้นจะมีผลให้ความคุ้มครองได้ต่อเมื่อได้เข้าองค์ประกอบดังต่อไปนี้อย่างครบถ้วน

 

1) ได้เกิดความเสียหายทางกายภาพต่อทรัพย์สินที่คุ้มครองขึ้นมาเสียก่อน

 

2) จากภัยที่คุ้มครอง

 

3) ส่งผลสืบเนื่องถึงขนาดการประกอบธุรกิจที่ได้เอาประกันภัยไว้

 

4) ต้องเกิดการหยุดชะงัก หรือการได้รับผลกระทบไปบางส่วน หรือทั้งหมด

 

5) ก่อให้เกิดความสูญเสียทางการเงินแก่ผู้เอาประกันภัยซึ่งสามารถคำนวณโดยอาศัยผลลัพธ์อ้างอิงถึงการลดลงของยอดรายได้ตามสูตรที่กำหนดไว้เป็นเกณฑ์

 

ทีนี้ เราลองนำตัวอย่างคดีศึกษาต่างประเทศมาปรับพิจารณาตามองค์ประกอบข้างต้น

 

ผู้เอาประกันภัยประกอบธุรกิจเป็นผู้ให้คำปรึกษาทางด้านสารสนเทศ และพัฒนาซอฟท์แวร์แก่ลูกค้ามากมาย

 

วันหนึ่งในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2019 ได้มีคนร้ายลักลอบเข้ามาปลอมตัวตนเป็นพนักงานฝ่ายบัญชีของผู้เอาประกันภัย เพื่อหลอกลวงให้ลูกค้าชำระเงินเข้าไปสู่บัญชีที่ถูกสร้างขึ้นแทนที่บัญชีรับเงินจริงของผู้เอาประกันภัย ซึ่งได้มีลูกค้ารายหนึ่งของผู้เอาประกันภัยสำคัญผิดหลงกลชำระเงินสองยอดเข้าสู่บัญชีของคนร้าย แต่โชคดีที่ได้มีการตรวจพบความผิดปกตินั้นได้อย่างรวดเร็วจนสามารถระงับการทำธุรกรรมชำระยอดเงินได้ทันเพียงบางส่วน ส่งผลทำให้ผู้เอาประกันภัยสูญยอดเงินที่ควรจะได้รับชำระจากลูกค้ารายนี้ให้แก่คนร้ายเป็นยอดเงินรวมจำนวนทั้งสิ้น 148,000 ดอลลาร์สหรัฐ (หรือเทียบเท่า 4,798,160 บาท)  

 

ภายหลังเมื่อได้ปรับแก้ไขระบบป้องกันแล้ว ผู้เอาประกันภัยก็ดำเนินธุรกิจต่อไปตามปกติ

 

เนื่องจากผู้เอาประกันภัยได้จัดทำประกันภัยคุ้มครองธุรกิจหยุดชะงักกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น สำหรับการประกันภัยไซเบอร์ (Cyber Business Interruption & Extra Expense Coverage) ไว้ จึงยื่นเรื่องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนสำหรับจำนวนเงินที่สูญเสียไปดังกล่าวต่อบริษัทประกันภัยของตน แต่กลับได้รับคำปฏิเสธว่า เหตุการณ์นี้ไม่ได้อยู่ภายใต้ข้อตกลงคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาท

 

หากท่านใดสนใจจะทดลองแจกแจงดูก็ได้นะครับว่า

 

ก) กรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จะสามารถเข้าองค์ประกอบข้างต้นของการประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักในข้อใดได้บ้าง หรือได้ทุกข้อหรือเปล่า? และ

 

ข) ผู้เอาประกันภัยรายนี้ควรจะได้รับความคุ้มครองการประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักฉบับพิพาทนี้ไหม?

 

ไม่ยังงั้น สัปดาห์หน้า เราค่อยมาฟังผลทางคดีเรื่องนี้กันครับ จะตรง หรือไม่ตรงกับสิ่งที่คุณคิดบ้างไหม?

 

บริการ

 

-     รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย

-     รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)

สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com

 

อ่านบทความอีกชุดที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ -กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น