วันจันทร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2561

เรื่องที่ 63:ภายหลังจากผู้รับเหมาติดตั้งเครื่องจักรเสร็จสิ้น และส่งมอบงานไปเรียบร้อยแล้ว ระหว่างที่เจ้าของโรงงานกำลังใช้งานเครื่องจักรนั้นอยู่ ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาสร้างความเสียหาย จะยังคงได้รับความคุ้มครองจากกรมธรรม์ประกันภัยการปฏิบัติงานตามสัญญา (Contract Works Insurance Policy) หรือกรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทุกชนิด สำหรับผู้รับเหมา (Contractor’s All Risks Insurance Policy) อยู่หรือไม่?

(ตอนที่สอง)

คดีนี้ ศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐานต่าง ๆ จากคู่ความทั้งสองฝ่ายแล้ว มีความเห็นว่า สัญญาว่าจ้างรับเหมางานกับบัญชีแสดงปริมาณวัสดุ และปริมาณแรงงานประกอบกับราคาที่ใช้ในการก่อสร้าง (Bill of Quantities) กำหนดเงื่อนไขที่สำคัญให้ผู้รับเหมาทำประกันภัยคุ้มครองความเสียหายต่อตัวงานทั้งหมด ตลอดจนวัสดุกับสินค้าต่าง ๆ จนกว่าผู้ว่าจ้างจะได้มีการออกใบรับรองว่างานแล้วเสร็จในระดับที่ใช้การได้ (Certificate of Practical Completion) และจนกว่าจะได้มีหนังสือแจ้งให้ยกเลิกการจัดทำประกันภัยดังกล่าวได้
เมื่อใดก็ตาม ก่อนที่จะได้มีการออกใบรับรองว่างานแล้วเสร็จในระดับที่ใช้การได้นั้น และด้วยความเห็นชอบของผู้รับเหมา ผู้ว่าจ้างจะเข้าไปครอบครอง (take possession) ส่วนหนึ่งส่วนใด หรือหลายส่วนของพื้นที่ทำงานนั้นก็ได้ โดยที่สถาปนิกของผู้ว่าจ้างจะต้องออกใบรับรองแสดงมูลค่างานในส่วนนั้นโดยประมาณการภายในเจ็ดวัน และให้ถือว่า พื้นที่ส่วนนั้นจะตกอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ว่าจ้างแต่ผู้เดียว  
ประเด็นที่จำต้องพิจารณาต่อไปว่า ก่อนเกิดเหตุไฟไหม้ ผู้ว่าจ้างได้เข้าไปครอบครองพื้นที่ส่วนนั้นแล้วหรือยัง?
ก) ถ้าใช่ ก็ตกอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ว่าจ้างเอง
ข) ถ้าไม่ใช่ ผู้รับเหมาจำต้องรับผิดชอบไปตามข้อกำหนดของสัญญานั้น
ฝ่ายผู้รับเหมากล่าวว่า จำต้องพิจารณาตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น คือ ผู้ว่าจ้างได้เข้าไปติดตั้งเครื่องจักร ทั้งเริ่มประกอบการผลิตไปบ้างแล้วในบางพื้นที่ และบางพื้นที่ก็ได้นำเอาสต็อกม้วนกระดาษไปเก็บไว้จำนวนมาก
ฝั่งผู้ว่าจ้างโต้แย้งว่า จำต้องพิจารณาตามข้อกำหนดของสัญญาที่ระบุว่า จะต้องมีใบรับรองยืนยันประกอบด้วย
ครั้นไล่พิจารณาไปทีละจุดของส่วนงาน จะเห็นว่า ณ วันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 1970 ซึ่งเกิดเหตุไฟไหม้ขึ้น
(1) สถานที่จอดรถได้สร้างเสร็จเกือบสมบูรณ์พร้อมใช้งานตั้งแต่เดือนกันยายน ค.ศ. 1969 เหลือเพียงเก็บงานบางส่วนอีกเพียงเล็กน้อย ซึ่งสถาปนิกของผู้ว่าจ้างได้มาตรวจรับมอบงาน และได้ออกใบรับรองแสดงมูลค่างานในส่วนนั้นโดยประมาณการลงวันที่ 22 กันยายน ค.ศ. 1969 เพื่อยืนยันการรับมอบงานแล้ว โดยมีเงื่อนไขที่ผู้รับเหมาจะต้องเข้ามาเก็บงานที่เหลือ และแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ ด้วย ซึ่งเป็นเพียงจุดเดียวเท่านั้นที่ได้ทำการรับมอบงานอย่างเป็นทางการ
(2) อาคารโรงงานผลิตแห่งที่สอง สภาพที่มองเห็นได้ โรงงานนั้นดูเสมือนเสร็จแล้ว เนื่องจากได้ติดตั้งเครื่องจักรเรียบร้อย และดำเนินการผลิตไปบ้างแล้วด้วย แม้จะคงมีงานบางอย่างที่ผู้รับเหมาจะต้องเข้ามาทำต่อ เป็นต้นว่า ประตูป้องกันไฟ (fire door)
สถาปนิกของผู้ว่าจ้างทำหนังสือถึงผู้รับเหมาแจ้งการเข้ามาตรวจรับงานเฉพาะส่วนพื้นของโรงงานเท่านั้น ดังนั้น ยังไม่อาจถือได้ว่า ได้มีการตรวจรับมอบงานในส่วนของโรงงานนี้ทั้งหมดแล้ว ทั้งยังมิได้มีการออกใบรับรองใด ๆ เป็นหลักฐานประกอบเลย
(3) โกดังเก็บสินค้า พื้น หลังคากับผนังทำเสร็จแล้ว ขาดแต่ประตู งานระบบไฟฟ้า งานทาสี งานเคลือบบางส่วนเท่านั้น ผู้ว่าจ้างได้นำสต็อกม้วนกระดาษจำนวนมากมาจัดเก็บไว้ภายในแล้ว และสถาปนิกได้ทำหนังสือแจ้งการตรวจรับงานพื้นบางส่วนเท่านั้น ในวันที่ 9 มกราคม ค.ศ. 1970  
(4) ส่วนขยายอาคารหลังเดิม งานคืบหน้าไปมาก และได้มีการนำสต็อกม้วนกระดาษจำนวนหนึ่งเข้ามาจัดเก็บไว้บางจุดแล้วเช่นกัน สถาปนิกยังมิได้เข้ามาดำเนินการใด ๆ เลย
ดังนั้น จากหลักฐานข้อตกลงที่เป็นลายลักษณ์อักษรของคู่สัญญาจ้างเหมาฉบับนี้ เป็นที่เห็นอย่างชัดเจนได้ว่า นอกเหนือจากสถานที่จอดรถแล้ว ผู้ว่าจ้างยังมิได้รับงานอย่างเป็นทางการเลย หากส่วนงานใดที่ผู้รับเหมาเห็นว่า ผู้ว่าจ้างได้เข้าครอบครองบางส่วนไปแล้ว ควรที่จะเร่งรัดให้ผู้ว่าจ้าง หรือตัวแทนของผู้ว่าจ้าง ในที่นี้ คือ สถาปนิกเข้าไปตรวจรับมอบงาน และออกใบรับรองไว้เป็นหลักฐานตามที่ได้ตกลงกันไว้ในสัญญาดังกล่าว เพื่อให้เกิดความชัดเจน ไม่เป็นที่สงสัย หรือเข้าใจไปเอง 
เมื่อมิได้เป็นเช่นนั้น จึงวินิจฉัยว่า ผู้รับเหมา (รวมทั้งบริษัทประกันภัยโครงการนี้) จำต้องรับผิดชอบ สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นตามที่ได้กำหนดไว้ดังกล่าว (อ้างอิงจากคดี English Industrial Estates Corporation v. George Wimpey & Co. Ltd (1972) 7 BLR 122 (117))
คดีนี้ให้แนวทางแก่คู่สัญญาจ้างเหมางานว่า ควรยึดถือปฏิบัติให้เป็นไปตามสัญญาที่ได้ตกลงกันไว้อย่างเคร่งครัด และครบถ้วน หากเวลาทำสัญญากัน ยังมีสิ่งใดที่มิได้กำหนดไว้ จำต้องระบุลงไปให้ชัดเจนเสียดีกว่า
ข้อตกลงการรับมอบงานของต่างประเทศ จะสามารถจำแนกออกได้ ดังนี้
1) Early Use ขอแปลว่า “การขอเข้าใช้งานก่อนล่วงหน้า” ของผู้ว่าจ้าง แต่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้รับเหมาเสียก่อน โดยยังไม่ถือว่า เป็นการรับมอบงานอย่างเป็นทางการ เพราะพื้นที่ส่วนอื่นคงยังทำงานกันอยู่ และควรตกลงกันด้วยว่า หากมีอะไรเกิดขึ้น ณ พื้นที่บริเวณนั้น ผู้ใดจะรับผิดชอบ? ทั้งควรแจ้งต่อบริษัทประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองระหว่างก่อสร้าง/ติดตั้งด้วยว่า จะยินยอมให้ความคุ้มครองต่อไปไหม? อย่างไร?
2) Partial Possession เป็นการขอเข้าครอบครองพื้นที่งานบางส่วนก่อนของผู้ว่าจ้าง เพื่อจะได้ใช้งานได้ตามจุดประสงค์ของสัญญา ทั้งนี้ ด้วยความยินยอมของผู้รับเหมา โดยจะต้องมีใบรับรองว่างานแล้วเสร็จในระดับที่ใช้การได้ (Certificate of Practical Completion) ไว้เป็นหลักฐานด้วย และจะเริ่มนับระยะเวลาบำรุงรักษา (Maintenance Period) หรือระยะเวลารับประกันผลงานของผู้รับเหมา (Defects Liability Period) เฉพาะพื้นที่ส่วนนั้น
3) Sectional Completion เป็นการขอเข้าครอบครองส่วนงานที่แบ่งเป็นส่วน ๆ ของผู้ว่าจ้าง คล้ายกับข้อ 2) ข้อแตกต่างสำคัญ คือ กรณีนี้จะมีวางแผนกันไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ต้นด้วยการจัดแบ่งแยกส่วนงานออกเป็นส่วน ๆ อย่างชัดเจน เมื่อส่วนงานใดเสร็จสมบูรณ์แล้ว ผู้รับเหมาจะอนุญาตให้ผู้ว่าจ้างเข้าไปครอบครองได้ และจะได้ใช้งานตามจุดประสงค์ของสัญญาได้ โดยจะต้องมีใบรับรองว่างานแล้วเสร็จในระดับที่ใช้การได้ (Certificate of Practical Completion) ไว้เป็นหลักฐานด้วยเช่นกัน และจะเริ่มนับระยะเวลาบำรุงรักษา (Maintenance Period) หรือระยะเวลารับประกันผลงานของผู้รับเหมา (Defects Liability Period) เฉพาะพื้นที่ส่วนงานนั้น
4) Practical Completion ดังชื่อที่เรียกว่า งานแล้วเสร็จในระดับที่ใช้การได้แล้ว หรือบางครั้งเรียกว่า Substantial Completion อาจเป็นเพียงบางส่วนงานเช่นในข้อ 2) กับ 3) หรือส่วนงานทั้งหมดก็ได้ เพื่อจะได้ใช้งานตามจุดประสงค์ของสัญญาได้ โดยจะต้องมีใบรับรองว่างานแล้วเสร็จในระดับที่ใช้การได้ (Certificate of Practical Completion) ไว้เป็นหลักฐานด้วยเช่นกัน และจะเริ่มนับระยะเวลาบำรุงรักษา (Maintenance Period) หรือระยะเวลารับประกันผลงานของผู้รับเหมา (Defects Liability Period) เฉพาะพื้นที่ส่วนงานนั้น หรือพื้นที่ทั้งหมด แล้วแต่กรณี
5) Final Completion เป็นขั้นตอนสุดท้ายเมื่อครบระยะเวลาบำรุงรักษา (Maintenance Period) หรือระยะเวลารับประกันผลงานของผู้รับเหมา (Defects Liability Period) แล้ว และเป็นอันสิ้นสุดภาระผูกพันของผู้รับเหมาอย่างสมบูรณ์ครบถ้วน
(อ้างอิง และเรียบเรียงจากบทความ Partial possession/sectional completion/early use by the employer by Brodies LLP, 2017 และ JBCC: practical completion, works completion and final completion: a brief overview by Niel Coerste, 2011)

ตอนที่สาม จะขอมองเทียบเคียงกับหลักกฎหมายบ้านเราในมุมมองของนักประกันภัยคนหนึ่งครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น