เรื่องที่ 122
: ความเสียหายโดยอุบัติเหตุต่อทรัพย์สินที่มิใช่ของ
(Not
Belonging To) ผู้เอาประกันภัยภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอกหมายความถึงอะไร?
(ตอนที่หนึ่ง)
ปัญหาเรื่องการจัดทำประกันภัยระหว่างผู้ให้เช่ากับผู้เช่ามักเกิดเป็นประเด็นถกเถียงกันอยู่เนือง
ๆ ทั้งในต่างประเทศและบ้านเรา
ใครควรเป็นผู้ทำประกันภัย? และ
ควรจัดทำประกันภัยประเภทใด?
ผมเองได้รับการสอบถามเรื่องเหล่านี้อยู่เป็นระยะ ล่าสุดไม่กี่วันมานี้
ก็มีคำถามเข้ามาอีก
ถ้าพิจารณาจากหลักการเบื้องต้นที่ผมยึดถือเสมอมา คือ
ใครเป็นเจ้าของทรัพย์สินใด? ผู้นั้นก็มีส่วนได้เสียและมีหน้าที่จัดทำประกันภัยคุ้มครองทรัพย์สินเหล่านั้นของตนเอง
ทำให้บางครั้งถูกเรียกว่า “การประกันภัยทรัพย์สินของบุคคลที่หนึ่ง
(First
Party Property Insurance)”
โดยถือผู้เอาประกันภัยเป็นบุคคลที่หนึ่ง และบริษัทประกันภัยเป็นบุคคลที่สอง
ทรัพย์สินของบุคคลอื่นจะนำเอามาทำประกันภัยมิได้ เว้นแต่จะจัดทำเป็นประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายเท่านั้น
จึงทำให้บางคราวถูกเรียกว่า “การประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอก
หรือบุคคลที่สาม (Third Party Liability
Insurance)”
โดยถือบุคคลอื่นเป็นบุคคลที่สามนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ทุกหลักการอาจมีข้อยกเว้นได้ เช่นเดียวกับหลักการเบื้องต้นดังกล่าว
เอาไว้จะค่อย ๆ หยิบยกนำมาเล่าสู่กันฟังเพิ่มเติมภายหลังนะครับ
เชื่อว่า ถ้าเราพยายามยึดถือหลักการเบื้องต้นเหล่านี้ ปัญหาข้อพิพาทดังกล่าวระหว่างผู้ให้เช่ากับผู้เช่าน่าจะลดน้อยลงไปได้
แม้กระนั้น กรณีที่เกิดขึ้นจริงอาจมีรายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ
มากมายซึ่งอาจก่อให้เกิดคำถามค้างคาใจ ไม่แน่ใจขึ้นมาได้
ดั่งกรณีคดีศึกษานี้ที่ประเทศอังกฤษซึ่งใช้เวลาต่อสู้คดียาวนานเกือบสิบปีทีเดียว
เจ้าของอาคารหลังหนึ่งสูงสี่ชั้นได้ปล่อยให้บริษัท พี
มาเช่าตั้งแต่ชั้นสองขึ้นไปชั้นสี่ รวมทั้งหมดสามชั้น โดยจัดทำเป็นสัญญาเช่าระยะยาวนานถึง
999 ปี
(นานกว่าสัญญาเช่าเกาะฮ่องกง 99 ปีเสียอีก) ซึ่งบริษัท พี
ผู้เช่าได้ทำสัญญาเช่าช่วงทั้งสามชั้นบนที่จัดเป็นห้องพักได้เจ็ดห้องต่อไปอีกทอดหนึ่ง
ณ วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2010 ได้เกิดเพลิงไหม้ขึ้นจากภัตตาคารที่อยู่ชั้นล่างและประกอบการโดยเจ้าของอาคารเอง
เปลวไฟได้ลุกลามอย่างรุนแรงขึ้นไปชั้นบนจนสร้างความเสียหายอย่างมากแก่อาคารหลังนั้นทั้งสี่ชั้น
ผลการพิสูจน์ไฟไหม้ครั้งนี้มีสาเหตุมาจากความประมาทเลินเล่อของเจ้าของภัตตาคารและเป็นเจ้าของอาคารหลังนั้นด้วย
โชคดีที่เจ้าของอาคารหลังนั้นได้จัดทำชุดกรมธรรม์ประกันภัยทรัพย์สินกับกรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอกรวมอยู่ในฉบับเดียวกันกับบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่งไว้อยู่แล้ว
ดังมีข้อกำหนด เงื่อนไข และข้อยกเว้นที่สำคัญ พอสรุปได้ดังนี้
ก) หมวดความคุ้มครองทรัพย์สิน (Material Damage Section)
ระบุคุ้มครองตัวอาคารทั้งสี่ชั้นและทรัพย์สินที่เป็นของผู้เอาประกันภัยด้วย
ในวงเงิน 700,000 ปอนด์ (เป็นวงเงินที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของทรัพย์สินที่เอาประกันภัย
คือ 900,000 ปอนด์)
ข) หมวดความคุ้มครองความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอกสำหรับเจ้าของสถานที่กับสำหรับผลิตภัณฑ์
(Public & Products Liability Section)
ระบุคุ้มครองความรับผิดตามกฎหมายของผู้เอาประกันภัยต่อบุคคลภายนอก
ทั้งในส่วนชีวิต ร่างกายของบุคคลภายนอก และในส่วนความสูญเสียหรือความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
โดยกำหนดข้อยกเว้นไม่คุ้มครองถึงทรัพย์สินที่เป็นของผู้เอาประกันภัย (not
belonging to) เอง หรือที่ผู้เอาประกันภัยครอบครอง
ดูแล หรือควบคุมอยู่
ทันทีที่บริษัทประกันภัยได้รับแจ้งถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและได้ตรวจสอบรายละเอียดต่าง
ๆ รวมทั้งรายละเอียดของชุดกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าวแล้ว
จึงได้ตกลงชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ดังนี้
ก) ภายใต้หมวดความคุ้มครองทรัพย์สิน
ชดใช้ให้แก่ผู้เอาประกันภัยสำหรับความเสียหายแก่ทรัพย์สินที่ได้เอาประกันภัยไว้
จำนวนเงินทั้งสิ้น 610,000 ปอนด์
(หักส่วนเฉลี่ยการประกันภัยต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงแล้ว)
ข) ภายใต้หมวดความคุ้มครองความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอก
ชดใช้ให้แก่ผู้เช่าช่วงทั้งเจ็ดรายซึ่งได้รับความเสียหายครั้งนี้ เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น
225,250 ปอนด์
ก่อให้เกิดความมึนงงและความไม่พอใจอย่างมากแก่บริษัท พี ผู้เช่า
ซึ่งก็ได้รับความเสียหายด้วยเช่นกัน ทำไมกลับถูกมองข้ามไปได้เสียนี่
จึงได้ยื่นฟ้องบริษัทประกันภัยรายนี้ให้รับผิดชอบตามชุดกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าวในปี
ค.ศ. 2016
โดยอ้างว่า
1) เจ้าของอาคารหลังนี้และในฐานะผู้ให้เช่ามีหน้าที่จะต้องจัดทำประกันภัยคุ้มครองตัวอาคารหลังนี้ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือการทำให้กลับคืนสู่สภาพเดิมด้วย
ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ผู้เช่าจำต้องควักเงินส่วนตัวเป็นค่าใช้จ่ายในการทำให้กลับคืนสู่สภาพเดิมเพิ่มเติมอีก
225,000 ปอนด์ ฉะนั้น บริษัทประกันภัยรายนี้ต้องชดใช้เงินกลับคืนมาให้แก่ตนด้วย
2) บริษัท พี ผู้เช่า วางแผนที่จะทำการปรับปรุงอาคาร
เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และมีโครงการจะขายห้องทั้งเจ็ดห้องแบบมีภาระผูกพันออกไปแทนที่จะปล่อยให้เช่าช่วงแบบเดิม
โดยคาดว่าจะทำให้มีกำไรรวมประมาณ 3,803,721 ปอนด์ แต่จำต้องสูญเสียโอกาสเช่นนี้ไป บริษัทประกันภัยรายนี้ต้องรับผิดชดใช้สำหรับความเสียหายพิเศษนี้ด้วย
หรือมิฉะนั้นก็ให้ชดใช้สำหรับการสูญเสียค่าเช่าที่คาดว่าจะได้รับไปทั้งสิ้น 275,000
ปอนด์
อันที่จริง ได้ยื่นฟ้องผู้ให้เช่าด้วย แต่บังเอิญผู้ให้เช่ากลายมาเป็นบุคคลล้มละลาย ทำให้ไม่มีทางเลือกอื่น
นอกจากมาฟ้องให้บริษัทประกันภัยรายนี้รับผิดชอบแทน
ผลการพิจารณาคดีจะออกมารูปแบบใด? กรุณาอดใจรอติดตามสัปดาห์หน้าครับ
บริการ
-
รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
- รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ
vivatchai.amornkul@gmail.com
อ่านบทความอีกชุดที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน
พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet
Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น