วันอาทิตย์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2561

เรื่องที่ 60: ผู้เช่าบ้านทำให้เกิดไฟไหม้บ้านเช่า หลังจากบริษัทประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองบ้านเช่าได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ให้เช่า ซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยของตนแล้ว สามารถรับช่วงสิทธิไปไล่เบี้ยเอากับผู้เช่าบ้านได้หรือไม่?



(ตอนที่สอง)
เมื่อบริษัทประกันภัยซึ่งเป็นโจทก์ฟ้องไล่เบี้ยเอากับผู้เช่ากับบุตรเป็นจำเลย โทษฐานร่วมกันกระทำละเมิดทำให้เกิดไฟไหม้แก่บ้านเช่า ศาลชั้นต้นได้ตัดสินให้ฝ่ายโจทก์ชนะคดี
ฝ่ายจำเลยจึงนำเรื่องสู่ชั้นศาลอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ฝ่ายจำเลยชนะคดี ด้วยเหตุผลที่ว่า ศาลได้พินิจพิเคราะห์จากพยานหลักฐานและข้อความจริงต่าง ๆ แล้ว มองว่า ผู้เช่านั้นเปรียบเสมือนเป็นผู้เอาประกันภัยร่วม (implied co-insured) ภายใต้กรมธรรม์ประกันอัคีภัยของผู้ให้เช่าเอง เพราะทั้งผู้ให้เช่ากับผู้เช่าต่างก็มีส่วนได้เสียอยู่ในบ้านหลังเดียวกันนั้น กล่าวคือ ผู้ให้เช่ามีส่วนได้เสียในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ ส่วนผู้เช่าก็มีส่วนได้เสียในฐานะผู้ครอบครอง เมื่อผู้ให้เช่าได้จัดทำประกันอัคคีภัยคุ้มครองบ้านหลังนั้น ได้นำเอาเบี้ยประกันภัยมาคิดคำนวณรวมอยู่ในค่าเช่าบ้านด้วย ส่งผลทำให้ผู้เช่าเป็นผู้มีส่วนชำระค่าเบี้ยประกันภัย สำหรับกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยดังกล่าวด้วย ถึงแม้ในกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนั้น จะระบุเพียงชื่อผู้ให้เช่าเป็นผู้เอาประกันภัยเพียงรายเดียวเท่านั้น เพราะผู้เช่าโดยทั่วไปก็คาดหวังว่า ผู้ให้เช่าคงจัดทำประกันภัยคุ้มครองสถานที่เช่าเองอยู่แล้ว นอกเสียจากในสัญญาเช่าจะระบุเอาไว้เป็นอย่างอื่นโดยชัดแจ้ง ให้ผู้เช่าเป็นผู้จัดซื้อกรมธรรม์ประกันภัยนั้นคุ้มครองแทน หรือต่างฝ่ายต่างซื้อ ซึ่งจะก่อให้เกิดความไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องเสียเบี้ยประกันภัยซ้ำซ้อนกัน เทียบเคียงได้กับผู้ให้เช่ากับผู้เช่ารถยนต์ แม้ผู้เช่าจะเป็นคนทำให้รถยนต์เสียหายโดยประมาทเลินเล่อ บริษัทประกันภัยรถยนต์ของผู้ให้เช่า ภายหลังชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ให้เช่าไปแล้ว ก็มิได้มาสวมสิทธิไล่เบี้ยเอากับผู้เช่าแต่อย่างใด
ทั้งอาจยังก่อให้เกิดคดีฟ้องร้องไล่เบี้ยกันไปมาระหว่างผู้ให้เช่ากับผู้เช่า ซึ่งต่างฝ่ายอาจเป็นฝ่ายกระทำละเมิดระหว่างกันขึ้นมาได้ อันอาจก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยของประชาชนขึ้นมาก็ได้เช่นกัน
ตราบเท่าที่สัญญาเช่าบ้านในคดีนี้ มิได้ข้อกำหนดอย่างชัดแจ้งเป็นอย่างอื่นดังกล่าว จึงพิจารณาผู้เช่าเป็นผู้เอาประกันภัยร่วมภายใต้กรมธรรม์ประกันอัคคีภัยฉบับนี้ ดังนั้น ผู้เช่ามิใช่เป็นบุคคลภายนอก อันจะทำให้บริษัทประกันภัยรายนี้สามารถรับช่วงสิทธมาไล่เบี้ยได้ตามกฎหมายดังกล่าว (อ้างอิงจากคดี Sutton v. Jondahl, 532 P.2d 478, 482 (Ct. App. Okla. 1975))
ถึงคดีนี้จะยุติลงเพียงชั้นศาลอุทธรณ์ แต่ก็ก่อให้เกิดเป็นแนวทางที่ถูกใช้อ้างอิงที่เรียกว่า “ทฤษฏีซัตตัน (Sutton Rule)” แก่ศาลต่าง ๆ รวมถึงศาลสูง (ที่ขอเรียกว่า “ศาลฎีกา”) ในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศแคนาดาอย่างกว้างขวาง แต่มิใช่ทุกศาลในแต่ละรัฐจะเห็นด้วยกับทฤษฏีนี้ทั้งหมด บางศาลเห็นว่า ควรใช้กับสัญญาเช่าที่อยู่อาศัยเท่านั้น มิควรนำไปใช้กับสัญญาเช่าเพื่อการพาณิชย์ ซึ่งจะมีข้อกำหนดเงื่อนไขการเช่าที่ซับซ้อนกว่า บางศาลก็เห็นต่างออกไปว่า การตีความเช่นนี้ น่าจะเอื้อประโยชน์แก่ผู้เช่าที่มิได้เป็นผู้มีส่วนร่วมในการร่างสัญญาเช่านั้นมากไปหรือเปล่า? เพราะจะทำให้คนกระทำผิดสามารถลอยนวลได้ อันผิดจากเจตนารมณ์ของหลักการรับช่วงสิทธิ บางศาลบอกว่า คงต้องพิจารณาตามข้อความจริงในแต่ละคดีไป
ตอนต่อไป เราจะข้ามไปพิจารณาผลทางคดีลักษณะนี้ทางฝั่งประเทศอังกฤษกันบ้างนะครับว่า ศาลท่านมีความเห็นแตกต่างกันบ้างหรือเปล่า? แล้วค่อยสรุปเรื่องราวนี้กันท้ายที่สุดอีกครั้ง    

4 ความคิดเห็น:

  1. เรียน คุณvivatchai amornkul

    หากกรมธรรม์อัคคีภัย สำหรับที่อยู่อาศัย ระบุสถานที่เอาประกันภัย "ที่อยู่อาศัย"

    ผู้เอาประกันภัย ได้ใช้สถานที่เอาประกันภัยภัยเป็นบ้านเช่า ต่อมาเกิดเหตุไฟไหม้สถานที่เอาประกันภัย เมื่อเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานชี้มูลว่า สาเหตุความเสียหายได้เกิดขึ้นจากการลัดวงจรภายในบ้าน ผู้เอาประกันภัยสามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากกรมธรรม์ของตนได้หรือไม่ครับ

    ขอบคุณครับ

    ขอแสดงความนับถือ

    ตอบลบ
  2. ผมอ่านแล้วเข้าใจว่า ผู้เอาประกันภัยตามคำถามนี้ หมายถึง เจ้าของบ้านเช่า หรือผู้ให้เช่านะครับ ซึ่งได้กำหนดตัวบ้านหลังนั้นเป็นสถานที่เอาประกันภัย เพื่อการอยู่อาศัย และเป็นทรัพย์สินที่เอาประกันภัยด้วย ภายใต้กรมธรรม์ประกันอัคคีภัย สำหรับที่อยู่อาศัย เมื่อเกิดไฟฟ้าลัดวงจรจนทำให้ไฟลุกไหม้ขึ้นมาสร้างความเสียหายให้แก่ทรัพย์สินที่เอาประกันภัยนั้น ผู้เอาประกันภัยสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนได้ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนั้นครับ ถึงแม้ตัวผู้เช่าจะเป็นผู้กระทำประมาทเลินเล่อทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรขึ้นมาเองก็ตาม

    แต่ถ้าตัวผู้เช่าบ้านหลังนั้นจะเป็นผู้เอาประกันภัยเอง ก็มีส่วนได้เสียตามกฎหมายที่จะทำประกันภัยก็ได้ครับ แต่ควรระบุบ้านเช่าหลังนั้นเป็นทรัพย์สินที่อยู่ในความครอบครอง ควบคุม ดูแลของผู้เอาประกันภัยด้วย เพื่อให้เกิดความชัดเจน และกำหนดให้ผู้ให้เช่าเป็นผู้เอาประกันภัยร่วม หรือผู้รับประโยชน์ก็ได้ หรือมิฉะนั้น ก็ขอแนบเงื่อนไขพิเศษว่าด้วยผู้มีส่วนได้เสียอื่นไว้ก็ได้เช่นกันครับ

    หากจะมีอะไรให้เพิ่มเติมอีก ก็ยินดีนะครับ

    ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เรียนคุณ vivatchai amornkul

      ขอบคุณมากครับที่ให้ความรู้ที่มีประโยชน์ครับ

      โดยส่วนใหญ่เจ้าของบ้านจะเขียนผู้รับผลประโยชน์/ผู้เอาประกันภัยเป็นตนเอง/ครอบครัวของตนครับ หรือไม่ก็กู้ธนาคาร ธนาคารก็ใส่ตนเองเป็นผู้รับผลประโยชน์ครับ น้อยรายที่ผมเจอจักระบุผู้เช่าเป็นผู้เอาประกันภัยด้วย หรือผลยังไม่มีประสบการณ์มากพอจึงไม่เจอ ครับ

      ขอแสดงความนับถือ


      ลบ
  3. เรียน คุณเฟ

    ผมเองทำงานประกันภัยมาค่อนชีวิต เพิ่งได้ความรู้ใหม่เพิ่มเติมจากการค้นคว้าหาเรื่องมาเขียนบทความหลายเรื่องเหมือนกันครับ

    บทความเรื่องที่ ๓๖ ในเดือนมกราคมปีที่ผ่านมา ผมได้ความรู้ว่า กรมธรรม์ประกันภัยฉบับเดียวอาจมีผู้เอาประกันภัยหลายรายก็ได้ มีโอกาสลองกลับไปอ่านดูครับ แต่อย่างที่ให้แง่คิดไปว่า มีแนวทางอื่น ๆ อีกให้เลือกพิจารณาแทนการระบุชื่อผู้เอาประกันภัยหลายราย แนวทางไหนจะเป็นประโยชน์มากที่สุด ก็ลองพิจารณาดูครับ

    ฉะนั้น ถือว่า คุณเฟก็ได้มีโอกาสมาเรียนรู้ไปพร้อมกับผมเหมือนกันครับ อย่าวิตกไปเลย

    ขอบคุณครับ

    วิวัฒน์ชัย

    ตอบลบ