วันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

เรื่องที่ 61: ผู้เช่าส่วนหนึ่งของอาคารทำร้านอาหาร แล้วทำให้เกิดไฟไหม้อาคารที่เช่าทั้งหลัง หลังจากบริษัทประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองอาคารที่เช่านั้นได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ให้เช่า ซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยของตนไปแล้ว สามารถรับช่วงสิทธิไปไล่เบี้ยเอากับผู้เช่าที่เป็นต้นเพลิงได้หรือไม่?



(ตอนที่สาม)

แม้ขึ้นหัวเรื่องใหม่ แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องการรับช่วงสิทธิของบริษัทประกันภัยที่ไปไล่เบี้ยกับผู้เช่าอาคาร ซึ่งเป็นผู้ก่อให้เกิดไฟไหม้
คดีนี้เกิดขึ้นทางฝั่งประเทศอังกฤษ
เจ้าของอาคารหลังหนึ่งได้แบ่งพื้นที่ของอาคารทั้งหลังให้เช่าแก่ผู้เช่าสามราย ผู้เช่ารายหนึ่งได้เช่าชั้นใต้ดินทำเป็นร้านอาหาร อยู่มาวันหนึ่ง ได้เกิดไฟลุกไหม้ขึ้นที่ส่วนจัดเก็บสต็อกวัสดุไวไฟของร้านอาหารนั้น และลุกลามอย่างรุนแรงจนทำให้อาคารทั้งหลังนั้นเสียหายโดยสิ้นเชิง
โชคดีที่เจ้าของอาคารนั้นได้จัดทำประกันภัยทรัพย์สินคุ้มครองภัยไฟไหม้ไว้กับบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง โดยระบุเพียงชื่อเจ้าของอาคารนั้นเป็นผู้เอาประกันภัยเพียงรายเดียว เมื่อบริษัทประกันภัยได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัย ซึ่งเป็นเจ้าของอาคารนั้นไปแล้ว ก็สวมสิทธิของผู้เอาประกันภัยของตน มาไล่เบี้ยเอากับผู้เช่ารายที่เป็นต้นเพลิงตามกฎหมาย ผู้ซึ่งมีประกันภัยเพียงกรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอกเท่านั้น แต่ได้รับการปฏิเสธจากผู้เช่ารายนั้น บริษัทประกันภัยดังกล่าวจึงนำคดีนี้ขึ้นสู่ศาล
ศาลชั้นต้นตัดสินให้ฝ่ายจำเลยผู้เช่าชนะคดี ฝ่ายโจทก์บริษัทประกันภัยจึงนำคดีขึ้นสู่ชั้นศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้อสัญญาเช่าได้กำหนดให้ผู้เช่าต้องรับผิดในค่าเบี้ยประกันภัยของตัวอาคารนั้นตามส่วนของพื้นที่ที่ตนเช่าอยู่ เผื่อเวลาเมื่อเกิดความเสียหายอย่างเช่นไฟไหม้ขึ้น เจ้าของอาคารนั้นจะได้รับเงินชดเชยจากบริษัทประกันภัย เพื่อไปจัดทำให้อาคารนั้นกลับคืนสู่สภาพดังเดิมได้ แม้กรมธรรม์ประกันภัยทรัพย์สินดังกล่าวจะระบุเพียงเจ้าของอาคารนั้นเป็นผู้เอาประกันภัยไว้เท่านั้น ก็มิได้หมายความว่า จำเลยผู้เช่ารายนี้ถือเป็นบุคคลภายนอก ไม่อาจใช้ประโยชน์ความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยฉบับดังกล่าวได้เลย เนื่องจากจำเลยเองก็มีส่วนในค่าเบี้ยประกันภัยของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนั้นด้วยเช่นกัน แม้จะเพียงตามส่วนก็ตาม ข้อโต้แย้งของฝ่ายโจทก์เรื่องส่วนได้เสียของจำเลยที่จำกัดอยู่เพียงตามส่วนของพื้นที่เช่า มิใช่ทั้งตัวอาคารนั้น ศาลไม่เห็นพ้องด้วย เพราะหากเกิดไฟไหม้ตรงจุดอื่น ก็อาจส่งผลกระทบต่อจำเลยผู้เช่านี้ได้เช่นกัน ประกอบกับกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้ให้ความคุ้มครองต่อทรัพย์สินที่เอาประกันภัยจากภัยที่กำหนดคุ้มครองเอาไว้ ในกรณีนี้ คือ ไฟไหม้ จึงไม่คำนึงว่า ไฟไหม้นั้นจะเกิดด้วยความประมาทเลินเล่อของจำเลยผู้เช่านี้หรือไม่ ก็ล้วนจะได้รับความคุ้มครองทั้งสิ้น ดังนั้น โจทก์บริษัทประกันภัยจึงมิอาจไล่เบี้ยเอากับจำเลยผู้เช่า ซึ่งถือเสมือนเป็นผู้เอาประกันภัยร่วมรายนี้ได้
คดีนี้ยุติเพียงชั้นศาลอุทธรณ์ เพราะโจทก์บริษัทประกันภัยมิได้ยื่นฎีกาคัดค้าน (อ้างอิงจากคดี Mark Rowlands v Berni Inns Ltd [1986] 1QB 211) ภายหลังศาลสูงในคดีอื่นที่คล้ายคลึงกันของประเทศอังกฤษก็ได้อ้างอิง และเดินตามแนวทางคดีนี้ด้วยเช่นกัน
เราจะมาสรุปภาพรวมกันทั้งหมดในตอนที่สี่ของเรื่องนี้อีกที ในสัปดาห์หน้านะครับ  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น