วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

เรื่องที่ 158 : การฉ้อฉลหลอกลวงทางคอมพิวเตอร์ (Computer Fraud) มีความหมายมากกว่าการแค่เพียงใช้คอมพิวเตอร์กระทำการ?

 

(ตอนที่หนึ่ง)

 

ยุคสมัยไซเบอร์นี้ เราคงพอคุ้นกับคำว่า “Phishing” อันเป็นกลวิธีหนึ่งของแฮกเกอร์ที่ใช้จู่โจมลวงล่อให้เหยื่อหลงเชื่อทางอินเทอร์เน็ต โดยสามารถจัดแบ่งออกได้เป็นหลากหลายรูปแบบ เช่น Spear Phishing ซึ่งเป็นการโจมตีแบบเจาะจงเหยื่อเป้าหมาย จะเหมือนดั่งในตัวอย่างคดีศึกษาที่นำมาเล่าสู่กันฟังนี้หรือเปล่า? มาลองพิจารณาดูกันนะครับ

 

บริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติแห่งหนึ่งของต่างประเทศซึ่งมีสาขาอยู่ในหลากหลายประเทศ วันหนึ่งได้มีโทรศัพท์เข้ามาสาขาแห่งหนึ่งอ้างว่า เป็นคู่ค้าที่ประสงค์จะขอแจ้งเปลี่ยนแปลงบัญชีธนาคารรับชำระเงินใหม่ เนื่องด้วยตามระเบียบปฏิบัติของบริษัทนั้นคงไม่สามารถดำเนินการให้ได้ เว้นแต่จะได้รับหนังสือเป็นทางการจากคู่ค้ารายนั้นเสียก่อน

 

หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีหนังสือเป็นทางการปรากฏมีหัวกระดาษระบุชื่อบริษัทของคู่ค้านั้นอย่างถูกต้องติดตามมาแนบมาให้ทางอีเมล เพื่อความแน่ใจ พนักงานประจำสาขาแห่งนั้นได้โทรศัพท์กลับไปยังหมายเลขที่ปรากฏอยู่ในหนังสือฉบับนั้น เพื่อขอคำยืนยันอีกครั้งหนึ่ง และเมื่อได้รับฟังคำยืนยันแล้วจึงได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งจัดการโอนเงินที่ถึงกำหนดชำระพอดีเข้าไปยังบัญชีใหม่นั้นให้ด้วยเป็นจำนวนเงินรวมเจ็ดล้านเหรียญสหรัฐ

 

โชคดียังพอมีอยู่บ้าง ถัดไปอีกหนึ่งสัปดาห์ คู่ค้าตัวจริงรายนั้นได้ติดตามทวงถามการชำระเงิน ถึงตอนนั้น สาขาบริษัทนั้นเพิ่งรู้ตัวว่า ถูกหลอกแล้ว ได้พยายามระงับการสั่งจ่ายเงินนั้นกลับคืนมาได้เพียงบางส่วนกว่าครึ่งหนึ่ง

 

ด้วยความที่บริษัทแห่งนี้ได้จัดทำประกันภัยที่เรียกว่า “กรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองการฉ้อฉลหลอกลวงทางคอมพิวเตอร์ (Computer Fraud Insurance)” เอาไว้แล้ว จึงได้นำเรื่องแจ้งเพื่อเรียกร้องจำนวนเงินที่สูญเสียไปนั้นจากบริษัทประกันภัยของตน

 

โดยข้อตกลงคุ้มครองได้ระบุว่า

 

บริษัทจะชดใช้ความสูญเสีย และความสูญเสียอันเนื่องจากความเสียหายต่อเงิน หลักทรัพย์ และทรัพย์สินอื่นที่เอาประกันภัยไว้ ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ใด ๆ เพื่อทำการหลอกลวงให้โอนทรัพย์สินเช่นว่านั้นไปจากสถานที่เอาประกันภัย หรือที่ทำการของธนาคาร เพื่อไปยังบุคคลรายอื่นใด หรือสถานที่แห่งอื่นใดที่อยู่นอกสถานที่เอาประกันภัย

 

บริษัทประกันภัยนั้นปฏิเสธความรับผิดโดยอ้างว่า ความสูญเสียนั้นมิได้เป็นผลโดยตรงมาจากการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์กระทำการฉ้อฉล หรือการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อหลอกลวงให้โอนเงินแต่ประการใด

 

ผู้เอาประกันภัยรายนี้จึงจำต้องนำคดีขึ้นสู่ศาล

 

ยกแรก ศาลชั้นต้นตัดสินให้ฝ่ายโจทก์ผู้เอาประกันภัยชนะคดี

 

ฝ่ายจำเลยบริษัทประกันภัยอุทธรณ์

 

ยกสอง

 

คุณจะลุ้นฝ่ายใดครับ?

 

อดใจรอติดตามต่อตอนหน้าอีกเช่นเคย

 

บริการ

-     รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย

-     รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)

สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com

 

อ่านบทความอีกชุดที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul

 

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น