เรื่องที่ 200 : เงื่อนไขการประกันภัยต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก (Under Insured Condition under Business Interruption Insurance Policy)
(ตอนที่สอง)
ตอนที่ผ่านมา ทิ้งประเด็นข้อทักท้วงเพิ่มเติมของฝ่ายบริษัทประกันภัยรายนี้ที่ว่า ฝ่ายผู้เอาประกันภัยควรจะได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนน้อยกว่านั้นลงไปอีก เพราะเหตุที่ได้ทำประกันภัยต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น โดยหยิบยกข้อกำหนดความคุ้มครองว่าด้วยการประกันภัยต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็นมากล่าวอ้าง ดังนี้
“แต่ทั้งนี้ ถ้าหากจำนวนเงินเอาประกันภัยภายใต้รายการที่เอาประกันภัยน้อยกว่าจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ควรจะเป็น ซึ่งคำนวณได้จากการนำอัตรากำไรขั้นต้นคูณกับยอดรายได้รายปี หรือ (คูณกับยอดรายได้รายปีที่เพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนตามระยะเวลาการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสูงสุดที่เกินกว่า 12 เดือน) แล้ว จำนวนเงินที่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจะลดลงตามส่วน”
ฉะนั้น ในกรณีนี้นำตัวเลขต่าง ๆ ที่คำนวณได้มาแทนค่าออกมาได้เป็น
จำนวนเงินเอาประกันภัย สำหรับกำไรขั้นต้น คือ 3 ล้านแรนด์แอฟริกาใต้ (หรือเทียบเท่าประมาณ 5.6 ล้านบาท)
ยอดรายได้รายปีที่คาดการณ์ คือ 9,058,764 แรนด์แอฟริกาใต้ (หรือเทียบเท่าประมาณ 17 ล้านบาท)
อัตรากำไรขั้นต้น คือ 57%
จำนวนเงินเอาประกันภัยที่ควรจะทำ คือ
9,058,764 x 57% = 5,163,495.48
ถือเป็นการทำประกันภัยต่ำกว่าที่ควรจะต้องทำ
3,000,000 = 58%
5,163,495.48
ค่าสินไหมทดแทนที่ควรจะชดใช้ คือ 2,651,588 แรนด์แอฟริกาใต้ (หรือเทียบเท่าประมาณ 5 ล้านบาท)
ค่าสินไหมทดแทนที่ควรจะได้รับ คือ
2,651,588 x 58% = 1,537,921.04
คดีนี้ได้ต่อสู้กันถึงชั้นศาลอุทธรณ์ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการทำประกันภัยต่ำว่ามูลค่าที่ควรจะทำ แต่ทั้งสองชั้นศาลล้วนมีความเห็นพ้องไปในแนวทางเดียวกันว่า เมื่อพิจารณาคำจำกัดความของยอดรายได้รายปีกับยอดรายได้มาตรฐานซึ่งเขียนว่า
“ยอดรายได้รายปี (Annual Turnover) หมายความถึง ยอดรายได้ระหว่างระยะเวลา 12 เดือนโดยนับย้อนหลังจากวันที่เกิดเหตุความเสียหาย
ยอดรายได้มาตรฐาน (Standard Turnover) หมายความถึง ยอดรายได้ที่อยู่ในช่วงระยะเวลาตรงกันกับระยะเวลาการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนซึ่งอยู่ในช่วง 12 เดือนโดยนับย้อนหลังจากวันที่เกิดเหตุความเสียหาย ซึ่งได้รับการปรับปรุงให้เหมาะสมแล้วในกรณีที่ระยะเวลาการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเกินกว่า 12 เดือน”
ตรงข้อความที่ขีดเส้นใต้ล้วนแสดงความหมายคล้ายคลึงกันมาก
ถ้านำอัตรากำไรขั้นต้นไปคูณกับยอดรายได้ตามจริงที่ปรับปรุงแล้ว จะได้ผลลัพธ์
4,406,855 x 57% = 2,511,907.35
ซึ่งผลลัพธ์นั้นจะไม่ได้สูงกว่าจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ได้ทำไว้เลย
ทั้งสองชั้นศาลจึงตัดสินไม่ให้นำข้อกำหนดความคุ้มครองมาใช้บังคับในคดีนี้ โดยให้ฝ่ายบริษัทประกันภัยชดใช้ตามค่าสินไหมทดแทนที่ควรจะต้องชดใช้ กล่าวคือ 2,651,588 แรนด์แอฟริกาใต้ (หรือเทียบเท่าประมาณ 5 ล้านบาท)
(อ้างอิง และเรียบเรียงมาจากคดี Chem Alum (Pty) Ltd v. Mutual & Federal Insurance Co., Ltd [2006] JOL 16404 (D))
ข้อสังเกต
คดีศึกษานี้มีการอ้างอิงตัวเลขค่อนข้างสับสนพอสมควร แต่ใจความสำคัญจะไปอยู่ที่ถ้อยคำของคำจำกัดความระหว่างยอดรายได้รายปี (Annual Turnover) กับยอดรายได้มาตรฐาน (Standard Turnover) มากกว่า
ส่วนตัวแรกเริ่มที่พยายามศึกษาเรียนรู้การประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก พออ่านแล้ว พบว่าทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างสองความหมายเหล่านี้ได้ลำบากมาก เพราะแทบจะไม่เห็นแตกต่างได้
ครั้นต่อมาได้ศึกษาค้นคว้ามากขึ้น จึงค่อย ๆ สามารถจำแนกแยกแยะได้ ทั้งยังได้รับรู้อีกด้วยว่า
ยอดรายได้รายปี (Annual Turnover) นั้น มีจุดประสงค์เพื่อใช้ตรวจสอบการทำประกันภัยต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะทำ
ส่วนยอดรายได้มาตรฐาน (Standard Turnover) นั้น มีจุดประสงค์เพื่อใช้ตรวจสอบยอดรายได้ที่ขาดหายไป
สงสัยเหมือนกันที่ในคดีนี้ ฝ่ายบริษัทประกันภัยกลับนำตัวเลขของยอดรายได้มาตรฐานมาอ้างอิงแทน
แม้การประกันภัยประเภทนี้จะได้ถูกคิดค้นมานานร่วมหลายร้อยปีแล้ว แต่ก็ยังค้นพบข้อบกพร่องอยู่บ้าง
ดังนั้น หลักการนั้นมีอยู่แท้แน่นอน เพียงแต่จะสามารถนำไปใช้บังคับได้อย่างแท้จริงไหม? นั่นคงเป็นเรื่องที่ต้องเผชิญกันต่อไปนะครับ
บริการ
- รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
- รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com
อ่านบทความอีกชุดที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นัราว ใน Facebook Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น