เรื่องที่ 169 : งูกัดลูกค้า เจ้าของสถานที่บริการแห่งนั้นจำต้องรับผิดตามกฎหมายหรือไม่?
(ตอนที่หนึ่ง)
ต้นเดือนมีภาพข่าวลูกค้าห้างสรรพสินค้าดังแห่งหนึ่งถูกงูกัดในบริเวณที่จอดรถ ก่อให้เกิดคำถามตามมาหลายกระแสว่า ห้างแห่งนั้นควรต้องรับผิดชอบหรือไม่?
ประเด็นนี้ได้มีผู้รู้หลายท่านได้ออกแสดงความคิดเห็นไปบ้างแล้ว
คงไม่ขอไปก้าวล่วง เพราะมิได้มีความรู้มากมายอะไรขนาดนั้น เพียงแต่สนใจถึงแนวทางสรุปในประเด็นนี้ว่า ควรจะมีแนวทางออกมาเช่นใด? เนื่องจากปกติ ห้างได้มีการทำประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอก (Public Liability Insurance) อยู่แล้ว ฉะนั้น ในแง่ประกันภัย บริษัทประกันภัยซึ่งให้ความคุ้มครองควรเข้าไปรับผิดแทนในนามของห้างผู้เอาประกันภัยได้ไหม?
ได้พยายามสืบค้นแนวคำพิพากษาศาลไทย ยังไม่พบเจอ เลยลองสืบค้นต่อของต่างประเทศ ก็พบเจอหลายคดี พอนำมาเทียบเคียงในการวิเคราะห์ได้ ลองพิจารณาดูนะครับ
ส่วนตัวเคยหยิบยกประเด็นธนาคาร หรือศูนย์การค้าจำต้องรับผิดตามกฎหมายหรือเปล่า เวลาที่มีโจรเข้าไปจี้ปล้น? มาเขียนไปหลายตอนในเรื่องที่ 114 แล้ว โดยขอนำมากล่าวทบทวนอีกครั้งถึงแนวคิดของนักกฎหมายต่างประเทศซึ่งมองว่า เจ้าของสถานที่ (หรือผู้ครอบครอง) อาจมีความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลอื่นจากการที่มิได้จัดการดูแลรักษาความปลอดภัย (Duty of Care บุคคลมีหน้าที่พึงระวังไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น แต่ในที่นี้ผมขอแปลว่า การที่มิได้จัดการดูแลรักษาความปลอดภัยแก่ผู้อื่น) ภายในสถานที่ของตนได้ดีพอ ส่วนการที่ผู้เสียหายจะสามารถเรียกร้องค่าชดเชยจากเจ้าของสถานที่นั้นได้หรือไม่? ขึ้นอยู่กับการพิสูจน์ให้ศาลยอมรับฟังด้วย
การจำแนกประเภทของบุคคลภายนอกที่เข้ามาในสถานที่ต่าง ๆ สามารถจำแนกออกได้เป็น 3 ประเภท โดยจะมีการวางแนวทางระดับการดูแลรักษาความปลอดภัยแตกต่างกันไป กล่าวคือ
1) ผู้มิได้รับเชิญ หรือผู้บุกรุก (Trepasser)
ปกติแล้ว เจ้าของสถานที่ไม่มีหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยแก่บุคคลประเภทนี้ซึ่งเข้ามาในสถานที่นั้นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ถ้าจะมีก็อยู่ในระดับต่ำที่สุด กรณีเพียงแค่จะต้องไม่วางกับดัก หรือกระทำการสิ่งใดโดยเจตนาอันอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้บุกรุกเท่านั้น แต่ระดับอาจเพิ่มสูงขึ้นได้ หากเป็นผู้บุกรุกซึ่งเจ้าของสถานที่คุ้นเคยกับพฤติกรรมของผู้บุกรุกหน้าเดิมอยู่แล้ว และละเลยไม่พยายามดำเนินการป้องกันด้วยกลไกทางกฎหมาย ฉะนั้น โดยทั่วไป ผู้บุกรุกซึ่งถูกคนร้ายเข้ามาทำร้ายภายในสถานที่ จึงไม่สามารถเรียกร้องให้เจ้าของสถานที่นั้นรับผิดได้
2) ผู้ได้รับอนุญาต หรือผู้มาเยือน (Licensee)
บุคคลประเภทนี้ซึ่งเกิดจากความสัมพันธ์ทางสังคมอาจจำแนกย่อยออกได้เป็นสองลักษณะ ได้แก่ ผู้มาเยือนที่นัดหมาย (Invited Licensee) เช่น ญาติพี่น้อง เพื่อน คนรู้จัก เป็นต้น กับผู้มาเยือนที่ถือวิสาสะ (Uninvited Licensee) เช่น พนักงานไปรษณีย์ คนสอบถามเส้นทาง เป็นต้น เจ้าของสถานที่มีหน้าที่เพียงเตือนถึงจุดพึงระวังอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เนื่องจากความไม่คุ้นเคยกับสถานที่ของบุคคลประเภทนี้เท่านั้น คือ อยู่ระดับกลางของการดูแลรักษาความปลอดภัย เช่นนี้ ในกรณีที่มีคนร้ายบุกเข้ามาทำร้ายผู้มาเยือนจึงมิอาจเรียกร้องให้เจ้าของสถานที่รับผิดได้ เพราะอยู่นอกเหนือการควบคุมของเจ้าของสถานที่นั้นเอง
3) ผู้ได้รับเชิญ (Invitee)
เป็นบุคคลประเภทซึ่งเจ้าของสถานที่จะได้ประโยชน์จากการที่เข้ามาในสถานที่ของตน โดยแบ่งย่อยออกได้เป็นผู้ได้รับเชิญทั่วไป (Public Invitee) เช่น ลูกค้า และผู้ได้รับเชิญทางธุรกิจ (Business Invitee) เช่น คู่ค้า พนักงานขาย พนักงานธนาคาร เป็นต้น เนื่องจากเจ้าของสถานที่มุ่งหวังประโยชน์จากผู้ได้รับเชิญเหล่านี้ จึงจำต้องใช้ระดับการดูแลรักษาความปลอดภัยสูงสุด ด้วยการเตือนถึงอันตรายที่ตนรับรู้ และจะต้องหมั่นคอยตรวจตราดูแลรักษาความปลอดภัยให้อยู่ในสภาพที่ดี รวมทั้งการใช้ความระมัดระวังถึงเหตุอันพึงคาดหวังได้กรณีที่อาจมีคนร้ายบุกเข้ามาด้วย (Foreseeable Third-party Crimes)
เมื่อเราเห็นภาพประเภทของบุคคลที่เข้ามากับระดับการดูรักษาความปลอดภัยของเจ้าของสถานที่ต่อบุคคลเหล่านั้นแล้ว ต่อไปมาลองดูตัวอย่างคดีศึกษาที่เกิดขึ้นในต่างประเทศกันบ้างในสัปดาห์หน้านะครับ ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในบ้านเราซะทีเดียว แต่น่าจะเทียบเคียงได้บ้าง
คดีแรก ลูกค้าถูกงูกัดในบริเวณปั๊มน้ำมัน หรือสถานบริการน้ำมัน (น่าสนใจนะครับ บ้านเรามีสถานบริการจำพวกนี้ค่อนข้างเยอะ ทั่วประเทศก็ว่าได้)
บริการ
- รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
- รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com
อ่านบทความอีกชุดที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/
และที่ https://www.facebook.com/BestTrainingAdvisory
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น