เรื่องที่ 161 : การใช้ความระมัดระวังตามสมควร (Reasonable Precautions) มีความหมาย และขอบเขตขนาดใด? – รถวิ่งฝ่าฝืนป้ายเตือนจำกัดความสูงจะได้รับความคุ้มครองหรือไม่?
(ตอนที่สอง)
เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ประเทศออสเตรเลีย
ในวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 2003 ลูกจ้างสองรายของผู้เอาประกันภัยได้ขับรถบรรทุกพ่วงขนรถขุด (excavator) ขนาดน้ำหนัก 16 ตัน เพื่อขนส่งไปสู่จุดหมายปลายทาง โดยลูกจ้างรายหนึ่งเป็นพนักงานขับรถบรรทุกคันนั้น อีกรายที่นั่งไปด้วยกัน คือ พนักงานผู้ควบคุมรถขุดนั้นนั่นเอง
ระหว่างทางขับไปถึงด่านชั่งน้ำหนักของกรมทางหลวงชนบทแห่งประเทศออสเตรเลีย เจ้าพนักงานประจำด่านชั่งน้ำหนักตรวจพบความไม่สมดุลย์ของการกระจายน้ำหนักบรรทุก (weight distribution) ซึ่งมาอยู่ช่วงตอนท้าย (rear axel) มากเกินไป จึงได้สั่งให้มีการขยับรถขุดนั้นเลื่อนตำแหน่งขึ้นไปอีก ส่งผลทำให้ระดับความสูงโดยรวมเพิ่มสูงจากแรกเริ่มบรรทุกอยู่ที่ 4.49 เมตร ขยับขึ้นมาเป็น 5.46 เมตรแทน
หลังจากผ่านการตรวจที่ด่านชั่งน้ำหนักแล้ว รถบรรทุกคันนั้นถูกขับเคลื่อนต่อไปตามเส้นทางจนมาก่อเหตุ แขนของรถขุดที่บรรทุกมานั้นเกิดเกี่ยวเข้ากับบางส่วนของตัวสะพานข้าม สร้างความเสียหายแก่ตัวสะพานนั้นอย่างมากมายดังกล่าวมาแล้ว
กรมทางหลวงชนบทแห่งประเทศออสเตรเลียในฐานะเจ้าของสะพานข้ามแห่งนั้นจึงได้เรียกร้องให้บริษัทเจ้าของรถบรรทุกคันนั้นรับผิดชอบ ด้วยการที่มีประกันภัยรถยนต์คุ้มครองรถบรรทุกคันนั้นอยู่แล้ว บริษัทเจ้าของรถในฐานะผู้เอาประกันภัยได้ส่งเรื่องต่อไปให้บริษัทประกันภัยของตนเข้ามารับผิดชอบแทน
บริษัทประกันภัยนั้นตอบปฏิเสธความรับผิดชอบตามกรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาท โดยหยิบยกข้อยกเว้นกับเงิ่อนไขที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกำหนดดังนี้
ข้อยกเว้นที่เกี่ยวข้อง
บริษัทประกันภัยจะไม่ชดใช้ให้ในกรณีความสูญเสีย หรือความเสียหาย หรือความรับผิด อันมีสาเหตุมาจาก
ความสะเพร่า (recklessness) ของผู้เอาประกันภัย หรือผู้กระทำการแทนผู้เอาประกันภัย หรือจากความสะเพร่าในการไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย หรือกฎข้อบังคับของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจตามกฎหมาย เพื่อความปลอดภัยของการใช้รถยนต์ หรือการบรรทุกสินค้า และสิ่งของที่บรรทุกนั้นเอง
เงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง
บริษัทประกันภัยอาจปฏิเสธไม่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ หรืออาจลดจำนวนเงินที่จะต้องชดใช้ให้ หากปรากฏว่า ผู้เอาประกันภัยได้ฝ่าฝืนเงื่อนไขใดในกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้จนก่อให้เกิด หรือมีส่วนในการก่อให้เกิดความสูญเสีย ความเสียหาย หรือความรับผิด หรือการส่งผลกระทบต่อส่วนได้เสีย หรือสิทธิต่าง ๆ ของบริษัทประกันภัย ในกรณีการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนนั้น
การใช้ความระมัดระวังตามควร (Reasonable Care)
ผู้เอาประกันภัย และผู้กระทำการแทนในนามของผู้เอาประกันภัยจะต้องดำเนินการด้วยการใช้ความระมัดระวังตามสมควรในการดูแลรักษา และการป้องกันความสูญเสีย หรือความเสียหายอันจะมีต่อรถยนต์คันที่เอาประกันภัย รวมทั้งการที่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย หรือกฎข้อบังคับของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจตามกฎหมาย เพื่อความปลอดภัยของการใช้รถยนต์ หรือการบรรทุกสินค้า และสิ่งของที่บรรทุกนั้นเอง
ผู้เอาประกันภัยได้นำเรื่องยื่นฟ้องเป็นคดี
เมื่อศาลชั้นต้นได้พบว่า
ผู้ขับขี่รถบรรทุกพ่วงคันนั้นได้รับรู้อยู่แล้ว ก่อนที่จะขับออกไปจากด่านชั่งน้ำหนักว่า ระดับความสูงโดยรวมเพิ่มสูงขึ้นไปมาก แต่มิได้รับรู้ระดับความสูงที่แท้จริง
ผู้ควบคุมรถขุดซึ่งนั่งไปด้วยกันได้แสดงความกังวลถึงระดับความสูงโดยรวมที่เพิ่มสูงขึ้นไปมากด้วย
ผู้ขับขี่รถบรรทุกพ่วงคันนั้นได้มองเห็นป้ายสัญญาณเตือนจำกัดระดับความสูงแล้วก่อนขับขึ้นสะพานนั้น ทั้งผู้ควบคุมรถขุดที่นั่งคู่กันยังพูดหยอกเย้าว่า หวังว่าคงผ่านไปได้นะ
จึงวินิจฉัยให้บริษัทประกันภัยฝ่ายจำเลยไม่จำต้องรับผิด
ผู้เอาประกันภัยฝ่ายโจทก์ยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจาณาว่า เมื่อบริษัทประกันภัยฝ่ายจำเลยได้หยิบข้อยกเว้นกับเงื่อนไขดังกล่าวมากล่าวอ้างปฏิเสธความรับผิด จำต้องมีภาระหน้าที่ในการพิสูจน์ให้ศาลรับฟังอย่างสิ้นสงสัย แต่สำหรับคดีนี้ ศาลอุทธรณ์ยังมีประเด็นคำถามเกิดขึ้นมา ดังนี้
(1) ผู้ขับขี่รถบรรทุกพ่วงคันดังกล่าวรับรู้อย่างแท้จริงถึงโอกาสความเสี่ยงภัยที่จะเกิดขึ้นนั้นไหม?
(2) ถ้าใช่ ผู้ขับขี่รถบรรทุกพ่วงคันดังกล่าวรับรู้ถึงขนาดไหน?
(3) มาตรการตอบสนองต่อโอกาสความเสี่ยงภัยที่จะเกิดขึ้นนั้นเหมาะสมเพียงพอแล้วหรือเปล่า?
จากพยานหลักฐานของฝ่ายผู้เอาประกันภัยโจทก์ ผู้ควบคุมรถขุดซึ่งนั่งไปด้วยกันไม่ได้คิดเลยว่า รถจะเกี่ยวสะพาน แถมทั้งสองคนยังพูดหยอกล้อกันอีก นอกจากนี้ ตอนที่ทำตามคำสั่งของเจ้าพนักงานประจำด่านชั่งน้ำหนัก ผู้ขับขี่รถบรรทุกพ่วงคันดังกล่าวก็ยังเชื่อว่า ระดับความสูงที่เปลี่ยนแปลงนั้น (ไม่ได้วัดระดับจริงกันเลย) ไม่น่าจะก่อให้เกิดปัญหาขึ้นมาได้ และได้บอกกล่าวกับผู้ควบคุมรถขุดซึ่งนั่งไปด้วยกันไปเช่นนั้นด้วย และเจ้าพนักงานประจำด่านชั่งน้ำหนักก็มิได้ว่ากล่าวตักเตือนใด ๆ เลย
อนึ่ง เวลาที่ขับรถคันนั้นขึ้นสะพาน ผู้ขับขี่รถบรรทุกพ่วงคันดังกล่าวยังคงใช้ความเร็วตามปกติ โดยไม่ได้หยุด หรือชะลอรถคันนั้นด้วยความลังเลใจแต่ประการใด
ฉะนั้น ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาให้บริษัทประกันภัยฝ่ายจำเลยต้องรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาท
แม้นยังไม่ปรากฏข้อมูลเพิ่มเติมว่า คดีนี้สิ้นสุดลงเพียงชั้นศาลอุทธรณ์หรือเปล่า? แต่ในคดีอื่นที่เทียบเคียงกัน ศาลอื่นก็เดินตามแนวทางนี้ เช่นเดียวกับศาลประเทศอังกฤษ โดยยึดหลักการ ผู้ใดกล่าวอ้าง ผู้นั้นมีหน้าที่พิสูจน์ให้สามารถรับฟังได้อย่างสิ้นข้อสงสัย
น่าสนใจดีนะครับ
(อ้างอิง และเรียบเรียงมาจากคดี Barrie Toepfer Earthmoving and Land Management Pty Ltd v CGU Insurance Ltd [2016] NSWCA 67 (Barrie Toepfer))
บริการ
- รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
- รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com
อ่านบทความอีกชุดที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น