วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

เรื่องที่ 161 : การใช้ความระมัดระวังตามสมควร (Reasonable Precautions) มีความหมาย และขอบเขตขนาดใด? – รถวิ่งฝ่าฝืนป้ายเตือนจำกัดความสูงจะได้รับความคุ้มครองหรือไม่?

 

(ตอนที่สอง)

 

เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ประเทศออสเตรเลีย

 

ในวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 2003 ลูกจ้างสองรายของผู้เอาประกันภัยได้ขับรถบรรทุกพ่วงขนรถขุด (excavator) ขนาดน้ำหนัก 16 ตัน เพื่อขนส่งไปสู่จุดหมายปลายทาง โดยลูกจ้างรายหนึ่งเป็นพนักงานขับรถบรรทุกคันนั้น อีกรายที่นั่งไปด้วยกัน คือ พนักงานผู้ควบคุมรถขุดนั้นนั่นเอง

 

ระหว่างทางขับไปถึงด่านชั่งน้ำหนักของกรมทางหลวงชนบทแห่งประเทศออสเตรเลีย เจ้าพนักงานประจำด่านชั่งน้ำหนักตรวจพบความไม่สมดุลย์ของการกระจายน้ำหนักบรรทุก (weight distribution) ซึ่งมาอยู่ช่วงตอนท้าย (rear axel) มากเกินไป จึงได้สั่งให้มีการขยับรถขุดนั้นเลื่อนตำแหน่งขึ้นไปอีก ส่งผลทำให้ระดับความสูงโดยรวมเพิ่มสูงจากแรกเริ่มบรรทุกอยู่ที่ 4.49 เมตร ขยับขึ้นมาเป็น 5.46 เมตรแทน

 

หลังจากผ่านการตรวจที่ด่านชั่งน้ำหนักแล้ว รถบรรทุกคันนั้นถูกขับเคลื่อนต่อไปตามเส้นทางจนมาก่อเหตุ แขนของรถขุดที่บรรทุกมานั้นเกิดเกี่ยวเข้ากับบางส่วนของตัวสะพานข้าม สร้างความเสียหายแก่ตัวสะพานนั้นอย่างมากมายดังกล่าวมาแล้ว

 

กรมทางหลวงชนบทแห่งประเทศออสเตรเลียในฐานะเจ้าของสะพานข้ามแห่งนั้นจึงได้เรียกร้องให้บริษัทเจ้าของรถบรรทุกคันนั้นรับผิดชอบ ด้วยการที่มีประกันภัยรถยนต์คุ้มครองรถบรรทุกคันนั้นอยู่แล้ว บริษัทเจ้าของรถในฐานะผู้เอาประกันภัยได้ส่งเรื่องต่อไปให้บริษัทประกันภัยของตนเข้ามารับผิดชอบแทน

 

บริษัทประกันภัยนั้นตอบปฏิเสธความรับผิดชอบตามกรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาท โดยหยิบยกข้อยกเว้นกับเงิ่อนไขที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกำหนดดังนี้

 

ข้อยกเว้นที่เกี่ยวข้อง

 

บริษัทประกันภัยจะไม่ชดใช้ให้ในกรณีความสูญเสีย หรือความเสียหาย หรือความรับผิด อันมีสาเหตุมาจาก

 

ความสะเพร่า (recklessness) ของผู้เอาประกันภัย หรือผู้กระทำการแทนผู้เอาประกันภัย หรือจากความสะเพร่าในการไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย หรือกฎข้อบังคับของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจตามกฎหมาย เพื่อความปลอดภัยของการใช้รถยนต์ หรือการบรรทุกสินค้า และสิ่งของที่บรรทุกนั้นเอง

 

เงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง

 

บริษัทประกันภัยอาจปฏิเสธไม่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ หรืออาจลดจำนวนเงินที่จะต้องชดใช้ให้ หากปรากฏว่า ผู้เอาประกันภัยได้ฝ่าฝืนเงื่อนไขใดในกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้จนก่อให้เกิด หรือมีส่วนในการก่อให้เกิดความสูญเสีย ความเสียหาย หรือความรับผิด หรือการส่งผลกระทบต่อส่วนได้เสีย หรือสิทธิต่าง ๆ ของบริษัทประกันภัย ในกรณีการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนนั้น

 

การใช้ความระมัดระวังตามควร (Reasonable Care)

 

ผู้เอาประกันภัย และผู้กระทำการแทนในนามของผู้เอาประกันภัยจะต้องดำเนินการด้วยการใช้ความระมัดระวังตามสมควรในการดูแลรักษา และการป้องกันความสูญเสีย หรือความเสียหายอันจะมีต่อรถยนต์คันที่เอาประกันภัย รวมทั้งการที่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย หรือกฎข้อบังคับของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจตามกฎหมาย เพื่อความปลอดภัยของการใช้รถยนต์ หรือการบรรทุกสินค้า และสิ่งของที่บรรทุกนั้นเอง

 

ผู้เอาประกันภัยได้นำเรื่องยื่นฟ้องเป็นคดี

 

เมื่อศาลชั้นต้นได้พบว่า

 

ผู้ขับขี่รถบรรทุกพ่วงคันนั้นได้รับรู้อยู่แล้ว ก่อนที่จะขับออกไปจากด่านชั่งน้ำหนักว่า ระดับความสูงโดยรวมเพิ่มสูงขึ้นไปมาก แต่มิได้รับรู้ระดับความสูงที่แท้จริง

 

ผู้ควบคุมรถขุดซึ่งนั่งไปด้วยกันได้แสดงความกังวลถึงระดับความสูงโดยรวมที่เพิ่มสูงขึ้นไปมากด้วย

 

ผู้ขับขี่รถบรรทุกพ่วงคันนั้นได้มองเห็นป้ายสัญญาณเตือนจำกัดระดับความสูงแล้วก่อนขับขึ้นสะพานนั้น ทั้งผู้ควบคุมรถขุดที่นั่งคู่กันยังพูดหยอกเย้าว่า หวังว่าคงผ่านไปได้นะ

 

จึงวินิจฉัยให้บริษัทประกันภัยฝ่ายจำเลยไม่จำต้องรับผิด

 

ผู้เอาประกันภัยฝ่ายโจทก์ยื่นอุทธรณ์

 

ศาลอุทธรณ์พิจาณาว่า เมื่อบริษัทประกันภัยฝ่ายจำเลยได้หยิบข้อยกเว้นกับเงื่อนไขดังกล่าวมากล่าวอ้างปฏิเสธความรับผิด จำต้องมีภาระหน้าที่ในการพิสูจน์ให้ศาลรับฟังอย่างสิ้นสงสัย แต่สำหรับคดีนี้ ศาลอุทธรณ์ยังมีประเด็นคำถามเกิดขึ้นมา ดังนี้

 

(1) ผู้ขับขี่รถบรรทุกพ่วงคันดังกล่าวรับรู้อย่างแท้จริงถึงโอกาสความเสี่ยงภัยที่จะเกิดขึ้นนั้นไหม?

(2) ถ้าใช่ ผู้ขับขี่รถบรรทุกพ่วงคันดังกล่าวรับรู้ถึงขนาดไหน?

(3) มาตรการตอบสนองต่อโอกาสความเสี่ยงภัยที่จะเกิดขึ้นนั้นเหมาะสมเพียงพอแล้วหรือเปล่า?

 

จากพยานหลักฐานของฝ่ายผู้เอาประกันภัยโจทก์ ผู้ควบคุมรถขุดซึ่งนั่งไปด้วยกันไม่ได้คิดเลยว่า รถจะเกี่ยวสะพาน แถมทั้งสองคนยังพูดหยอกล้อกันอีก นอกจากนี้ ตอนที่ทำตามคำสั่งของเจ้าพนักงานประจำด่านชั่งน้ำหนัก ผู้ขับขี่รถบรรทุกพ่วงคันดังกล่าวก็ยังเชื่อว่า ระดับความสูงที่เปลี่ยนแปลงนั้น (ไม่ได้วัดระดับจริงกันเลย) ไม่น่าจะก่อให้เกิดปัญหาขึ้นมาได้ และได้บอกกล่าวกับผู้ควบคุมรถขุดซึ่งนั่งไปด้วยกันไปเช่นนั้นด้วย และเจ้าพนักงานประจำด่านชั่งน้ำหนักก็มิได้ว่ากล่าวตักเตือนใด ๆ เลย

 

อนึ่ง เวลาที่ขับรถคันนั้นขึ้นสะพาน ผู้ขับขี่รถบรรทุกพ่วงคันดังกล่าวยังคงใช้ความเร็วตามปกติ โดยไม่ได้หยุด หรือชะลอรถคันนั้นด้วยความลังเลใจแต่ประการใด

 

ฉะนั้น ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาให้บริษัทประกันภัยฝ่ายจำเลยต้องรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาท

 

แม้นยังไม่ปรากฏข้อมูลเพิ่มเติมว่า คดีนี้สิ้นสุดลงเพียงชั้นศาลอุทธรณ์หรือเปล่า? แต่ในคดีอื่นที่เทียบเคียงกัน ศาลอื่นก็เดินตามแนวทางนี้ เช่นเดียวกับศาลประเทศอังกฤษ โดยยึดหลักการ ผู้ใดกล่าวอ้าง ผู้นั้นมีหน้าที่พิสูจน์ให้สามารถรับฟังได้อย่างสิ้นข้อสงสัย

 

น่าสนใจดีนะครับ

 

(อ้างอิง และเรียบเรียงมาจากคดี Barrie Toepfer Earthmoving and Land Management Pty Ltd v CGU Insurance Ltd [2016] NSWCA 67 (Barrie Toepfer))

 

บริการ

-     รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย

-     รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)

สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com

 

อ่านบทความอีกชุดที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul

 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น