เรื่องที่ 127
: การที่ผู้เอาประกันภัยนำบ้านไปปล่อยให้ผู้อื่นเช่าอยู่อาศัยแทน
จะส่งผลกระทบต่อความคุ้มครองของบ้านเช่าหลังนั้นหรือไม่?
(ตอนที่หนึ่ง)
มีคำถามสอบถามเข้ามาประเด็นเรื่องการประกันภัยทรัพย์สินกับการให้เช่าบ้านหรือที่พักอาศัย
เห็นว่าน่าสนใจมาก กอปรกับได้รับบทความคดีศึกษาเรื่องนี้จากต่างประเทศพอดี
เรามาลองดูคดีศึกษาต่างประเทศกันก่อนนะครับ
พนักงานสาขาของธุรกิจแห่งหนึ่งจำต้องถูกโยกย้ายเพื่อไปกินตำแหน่งที่สูงขึ้น
ณ สำนักงานใหญ่ซึ่งตั้งอยู่อีกรัฐหนึ่ง โดยที่ยังไม่ได้รับแจ้งเลยว่าจะต้องใช้ช่วงเวลาทำงาน
ณ สถานที่แห่งนั้นนานขนาดไหน
ด้วยความที่พนักงานผู้นี้ไม่อยากปล่อยบ้านเดิมซึ่งอยู่มาตั้งแต่ปี
ค.ศ. 2005 ทิ้งไว้เฉย
ๆ จึงได้ปล่อยให้เช่าบ้านหลังนั้นแก่เพื่อนของตนเองเป็นระยะเวลาหนึ่งปี นับแต่เดือนเมษายน
ค.ศ. 2014 ที่ตนได้ถูกโยกย้ายไป ครั้นเมื่อครบอายุสัญญาเช่าดังกล่าวแล้ว
ก็ได้มีการต่ออายุสัญญาเช่านั้นอีกเพียงเดือนต่อเดือน เนื่องจากไม่แน่ใจว่า
ตนจะถูกย้ายกลับมาเมื่อใด
จวบจนกระทั่งมาเกิดไฟไหม้บ้านหลังนั้นในวันที่
3 ธันวาคม
ค.ศ. 2016 เนื่องจากความประมาทเลินเล่อของผู้เช่า
ซึ่งตั้งแต่ช่วงเวลาที่ให้เช่าบ้านหลังนั้นจนถึงวันที่เกิดไฟไหม้ดังกล่าว
ตนเองได้มีโอกาสแวะกลับมาดูบ้านเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
โชคดีที่ตนได้จัดทำประกันภัยคุ้มครองบ้านหลังนั้นพร้อมทั้งทรัพย์สินของตนเอาไว้แล้ว
โดยใช้ชื่อของตนเองเป็นผู้เอาประกันภัย มีระยะเวลาประกันภัยหนึ่งปีระหว่างวันที่ 22
กันยายน ค.ศ. 2016
ถึง ค.ศ. 2017 แต่ครั้นเมื่อไปแจ้งเหตุเพื่อขอเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนสำหรับความเสียหายจากไฟไหม้
กลับถูกบริษัทประกันภัยปฏิเสธด้วยการอ้างว่า
การให้เช่าบ้านหลังที่เอาประกันภัยนั้นถือเป็นการประกอบกิจการค้า
มิใช่เพื่ออยู่อาศัยเอง อันเป็นการผิดเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัยสำหรับบ้านอยู่อาศัยฉบับดังกล่าว
ซึ่งได้กำหนดคำนิยาม “การประกอบกิจการค้า (business
purposes)” หมายความรวมถึง การให้เช่าทรัพย์สิน
หรือการมีทรัพย์สินเพื่อให้เช่า เว้นแต่ถ้าการให้เช่านั้นเป็นการให้เช่าเป็นครั้งคราวเพื่อการอยู่อาศัย (it is rented occasionally for use as a residence)
ผู้เอาประกันภัยรายนี้จึงได้นำคดีขึ้นสู่ศาล
ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีนี้พบว่า
ในกรมธรรม์ประกันภัยสำหรับบ้านอยู่อาศัยฉบับพิพาทได้ระบุการใช้สถานที่เป็นที่อยู่อาศัย
(residence premises) และมีเงื่อนไขกำหนดไว้อย่างชัดแจ้งว่า
จะไม่คุ้มครองส่วนหนึ่งส่วนใดของสถานที่นั้นซึ่งได้ถูกใช้เพื่อประกอบกิจการค้า ซึ่งได้กำหนดคำนิยาม “การประกอบกิจการค้า (business
purposes)” หมายความรวมถึง การให้เช่าทรัพย์สิน
หรือการมีทรัพย์สินเพื่อให้เช่า เว้นแต่
ก) ถ้าการให้เช่านั้นเป็นการให้เช่าเป็นครั้งคราวเพื่อการอยู่อาศัย (it is rented occasionally for use as a residence)
ข) ถ้าให้เช่าพื้นที่บางส่วนแก่ผู้เช่าพักอาศัยไม่เกินสองคน
ค) ถ้าให้เช่าพื้นที่บางส่วนให้เป็นโรงรถส่วนบุคคล
ประเด็นปัญหา คือ
ผู้เอาประกันภัยโจทก์จะสามารถใช้ข้อยกเว้น ก) มาโต้แย้งได้ไหมว่า
การให้เช่าของตนเป็นเพียงครั้งคราว?
เนื่องจากคำว่า “เป็นครั้งคราว
(occasionally)” มิได้ถูกกำหนดคำนิยามเอาไว้
ศาลชั้นต้นจำต้องอาศัยการแปลความหมายจากพจนานุกรมหลายฉบับ บ้างให้ความหมายถึง บางครั้ง
(now and then) บ้างก็ให้ความหมายว่า ไม่บ่อยครั้ง ไม่สม่ำเสมอ (not
often or regularly) ซึ่งทั้งหมดล้วนมีความหมายถึงเป็นการกระทำที่มีลักษณะไม่บ่อยครั้ง
หรือไม่สม่ำเสมอนั่นเอง
ฉะนั้น การที่ผู้เอาประกันภัยโจทก์ได้ให้เช่าบ้านทั้งหลังรวมทั้งสิ่งของเครื่องใช้ประจำบ้านไปด้วย
รวมระยะเวลาประมาณเกินกว่าสองปีครึ่ง แม้สามารถจัดแบ่งช่วงเวลาเช่าออกเป็นหนึ่งปีตอนต้นกับช่วงเวลาต่อมาเป็นเดือนต่อเดือนได้ก็ตาม
นอกจากนี้ ขณะที่ได้ไปจัดทำประกันภัยบ้านอยู่อาศัยฉบับพิพาทและตลอดช่วงระยะเวลาประกันภัย
โจทก์ก็มิได้เคยพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นเลย ประกอบกับปรากฏพยานคำให้การรับฟังได้อีกว่า
ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2017 (ภายหลังเหตุไฟไหม้)
โจทก์ได้ปฏิเสธข้อเสนอที่จะให้โอนย้ายกลับเมืองที่ตนเคยอยู่แต่แรก และเป็นสถานที่ตั้งบ้านหลังนี้ด้วย
เนื่องจากสมาชิกครอบครัวบางรายมีปัญหา
จากเหตุผลข้างต้น ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า
การให้เช่าบ้านหลังนั้นมิได้ตกอยู่ในความหมายเป็นครั้งคราวอันที่จะอยู่ในข้อยกเว้นของเงื่อนไขดังกล่าวที่โจทก์กล่าวอ้าง
ดังนั้น บริษัทประกันภัยจำเลยจึงไม่จำต้องรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
และให้ความเห็นเพิ่มเติมอีกว่า หากถ้อยคำของข้อยกเว้นดังกล่าวเขียนว่า “เป็นการให้เช่าในโอกาสเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย (it is rented for an occasion for use
as a residence)” ประกอบกับพยานหลักฐานเสริมอีกว่า
โดยมีวัตถุประสงค์โดยชัดแจ้งเพื่อให้คงสภาพบ้านที่มีคนอยู่อาศัยเอาไว้ในช่วงเวลาที่เจ้าของบ้านได้ไปพักอาศัยอยู่ที่อื่นชั่วคราว
กรณีนี้อาจช่วยสนับสนุนคำกล่าวอ้างของโจทก์ให้ศาลรับฟังได้อีกแง่มุมหนึ่ง แต่เนื่องจากถ้อยคำที่กำหนดในกรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาทค่อนข้างชัดเจน
คือ คำว่า “เป็นครั้งคราว” นั้นเป็นการขยายถึงถ้อยคำของคำว่า “ให้เช่า”
(อ้างอิงและเรียบเรียงมาจากคดี Kelly v. Metropolitan
Group Property & Casualty Insurance Co., No. 19-1326, 2020 WL 1845869 (6th
Cir. Apr. 13, 2020))
หากนำคดีนี้มาปรับใช้เทียบเคียงกับกรมธรรม์ประกันทรัพย์สินฉบับมาตรฐานบ้านเรา
ไม่ว่าจะเป็นกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย
หรือกรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน
คุณคิดว่า จะให้ผลทางคดีเหมือนกันหรือแตกต่างออกไปบ้างไหมครับ?
สัปดาห์หน้า
เราค่อยมาวิเคราะห์กันนะครับ
บริการ
-
รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
- รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ
vivatchai.amornkul@gmail.com
อ่านบทความอีกชุดที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน
พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet
Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น