วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2563

เรื่องที่ 124 : เรื่องวุ่น ๆ ของการประกันภัยก่อสร้าง (Construction Insurance) เมื่อความเสี่ยงภัยทุกชนิด มิได้หมายถึงความเสียหายทุกกรณี

เป็นที่รับรู้ว่า การประกันภัยก่อสร้าง (Construction Insurance) หรือการประกันภัยความเสี่ยงภัยทุกชนิด สำหรับผู้รับเหมา (Contractor’s All Risks Insurance) หรือที่บ้านเราเรียกว่า “การประกันภัยการปฏิบัติงานตามสัญญา (Contract Works Insurance)” นั้น ทั้งหมดจะให้ความคุ้มครองในรูปแบบความเสี่ยงภัยทุกชนิด (All Risks) 

ถ้อยคำซึ่งฟังแล้วดูดีมากและชวนเคลิบเคลิ้มนั้น น่าเสียดายที่มักกลับสร้างความนึกคิดผิด ๆ อยู่บ่อยครั้ง

เหมือนดั่งเช่นที่เกิดเป็นคดีข้อพิพาทเรื่องนี้

ผู้ว่าจ้างได้ทำสัญญาว่าจ้างผู้รับเหมาให้ก่อสร้างอาคารร้านค้าหลังหนึ่งขึ้นมา ภายหลังจากได้รับมอบงานที่ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยจากผู้รับเหมาดังกล่าวและใช้งานไปได้เป็นปีแล้ว ผู้ว่าจ้างได้พบปัญหาวัสดุพรมแผ่นปูพื้น (carpet tiles) เกิดหลุดร่อนออกมาจำนวนมาก และได้นำเรื่องยื่นฟ้องให้ผู้รับเหมานั้นรับผิดชอบ

เนื่องจากผู้รับเหมารายนี้ได้จัดทำประกันภัยคุ้มครองงานก่อสร้างนี้เอาไว้ตามข้อกำหนดของสัญญาว่าจ้าง จึงได้ทำการเรียกให้บริษัทประกันภัยของตนเข้ามาเป็นจำเลยร่วมในคดีด้วย

คดีนนั้นสามารถตกลงกันได้ด้วยการที่ผู้ว่าจ้างได้รับการชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 1,300,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยที่ในส่วนของ 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐตกอยู่ในส่วนความรับผิดของบริษัทประกันภัยตามวงเงินความคุ้มครองสูงสุดภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยก่อสร้างฉบับดังกล่าว

ต่อมา บริษัทประกันภัยเป็นโจทก์นำเรื่องยื่นฟ้องเรียกจำนวนเงินดังกล่าวนั้นคืนจากผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นผู้รับเหมางานก่อสร้างและตกเป็นจำเลยในคดีนี้ โดยอ้างว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามคำฟ้องของผู้ว่าจ้างนั้น มิใช่อุบัติเหตุอันที่จะทำให้ได้รับความคุ้มครองได้ แต่เกิดจากความจงใจของผู้เอาประกันภัยมากกว่า การที่บริษัทประกันภัยจำต้องจ่ายเงินชดใช้ให้แก่ผู้ว่าจ้างไปนั้นเป็นการจ่ายตามคำสั่งศาล ด้วยเหตุที่ว่า ตนมิอาจหยิบยกข้อยกเว้นตามสัญญาประกันภัยไปปฏิเสธกับผู้ว่าจ้างซึ่งเป็นบุคคลภายนอกสัญญาประกันภัยดังกล่าวได้ จึงต้องมายื่นฟ้องเรียกเงินดังกล่าวคืนจากผู้เอาประกันภัยเป็นอีกคดีหนึ่ง

ศาลชั้นต้นพิจารณาจากพยานหลักฐานต่าง ๆ แล้ว รับฟังได้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นน่าจะมิใช่มีสาเหตุมาจากอุบัติเหตุ เพราะก่อนหน้าที่ผู้รับเหมาช่วงงานปูพื้นจะดำเนินการได้หารือกับผู้รับเหมาหลักจำเลยในคดีนี้แล้วว่า ได้ตรวจสอบระดับความชื้นในคอนกรีตภายในพื้นที่ที่จะปูแล้ว ปรากฏยังคงมีความชื้นสูงเกินกว่าแบบที่กำหนดไว้อยู่มาก จำต้องรอคอยอีกช่วงระยะเวลาหนึ่งไปก่อน แต่ด้วยความที่ผู้รับเหมาหลักกังวลเรื่องงานอาจล่าช้าออกไปจนเสร็จไม่ทันกำหนดตามสัญญาว่าจ้าง อันจะส่งผลทำให้ถูกปรับเงินได้ จึงสั่งให้ผู้รับเหมาช่วงนั้นรีบดำเนินการไปได้เลย คาดว่าคงไม่น่าจะเกิดปัญหาตามมาหรอก สุดท้ายก็บังเกิดปัญหาขึ้นมาจนได้ ฉะนั้น ถือว่า ผู้รับเหมาหลักในฐานะตัวการได้สั่งให้ผู้รับเหมาช่วงตัวแทนกระทำการไปทั้งที่ตนรับรู้หรือคาดหมายได้ว่า จะมีปัญหาเกิดขึ้นตามมา และก็ได้บังเกิดขึ้นมาจริงท้ายที่สุด อันไม่เข้าอยู่ในเงื่อนไขความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับดังกล่าว

สำหรับคำโต้แย้งของผู้รับเหมาหลักจำเลยที่ว่า ความเสียหายนั้นมิได้บังเกิดขึ้นทันทีทันใด กลับใช้เวลาเป็นปีจึงปรากฏขึ้นมานั้น อาจเกิดจากสาเหตุอื่นก็เป็นได้ ศาลชั้นต้นไม่อาจรับฟังได้ เนื่องจากพยานหลักฐานกลับแสดงว่า ได้ตรวจพบความเสียหายนั้นครั้งแรกในเวลาไม่กี่เดือนและก่อนหน้าที่เปิดดำเนินกิจการด้วยซ้ำไป อนึ่ง ช่วงระหว่างเวลาที่ลงมือกระทำการกับเวลาที่ความเสียหายปรากฏขึ้นนั้น ไม่จำเป็นจะต้องบังเกิดขึ้นฉับพลันทันที หรือทิ้งช่วงออกไปไม่นาน จำต้องพิจารณาข้อความจริงแต่ละกรณีประกอบไปด้วย และศาลชั้นต้นเองก็ไม่พบปัจจัยอื่นใดที่อาจจะเข้ามาแทรกแซงด้วยเช่นกัน จึงน่าเชื่อว่ามีสาเหตุเกิดขึ้นเพียงจากปัจจัยระดับความชื้นในคอนกรีตสูงเกินกว่าแบบที่กำหนดไว้ดังกล่าว บริษัทประกันภัยโจทก์จึงไม่จำต้องรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยฉบับดังกล่าว

ผู้รับเหมาหลักจำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ตัดสินยืนตามศาลชั้นต้นให้ผู้รับเหมาหลักจำเลยคืนเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่บริษัทประกันภัยโจทก์

(อ้างอิงและเรียบเรียงมาจากคดี Navigators Specialty Insurance Co. v. Moorefield Construction, 6 Cal. App. 5th 1258 (2016))

นี่คือ บทเรียนตัวอย่างเรื่องหนึ่งของความหลงเข้าใจถึงคำว่า “ความเสี่ยงภัยทุกชนิด” ซึ่งไม่ถูกต้อง ทำให้จำต้องมีการพยายามเลี่ยงไปใช้คำว่า “สรรพภัย” แทน 

ไม่มีกรมธรรม์ประกันภัยฉบับใดในโลกหรอกครับที่สามารถให้ความคุ้มครองแบบความเสี่ยงภัยทุกชนิดได้จริง ทั้งขอให้พึงระลึกอยู่เสมอด้วยนะครับว่า ทุกกรมธรรม์ประกันภัยต้องมีข้อยกเว้นและเงื่อนไขกำกับอยู่ด้วยเสมอ

โดยทั่วไป ข้อตกลงคุ้มครองมักจะเขียนในลักษณะว่า ให้ความคุ้มครองถึงอุบัติภัย หรืออุบัติเหตุต่าง ๆ ที่ไม่ได้ปรากฏอยู่ในข้อยกเว้น
 
นั่นหมายความว่า เวลาพิจารณาความคุ้มครองเมื่อเกิดความสูญเสียหรือความเสียหายขึ้นมา โปรดไล่เรียงลำดับเป็นขั้นตอน ดังนี้ 

ลำดับแรก

จะต้องพิจารณาให้ได้เสียก่อนว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นถือเป็น “อุบัติภัย (accidental peril)” หรือมีสาเหตุมาจาก “อุบัติเหตุ (accident)” ใช่หรือไม่?

ถ้าลำดับนี้ ไม่ผ่าน ก็ปิดเรื่องทำใจได้เลย

หากผ่าน ให้ไปพิจารณาลำดับถัดไป

ลำดับที่สอง

วัตถุที่เอาประกันภัยได้รับความสูญเสียหรือความเสียหายใช่หรือไม่?

ถ้าลำดับนี้ ไม่ผ่าน ก็ให้ตัดใจเช่นกัน

หากผ่าน ให้ไปพิจารณาลำดับต่อไป

ลำดับที่สาม

ความสูญเสียหรือความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นตกอยู่ภายใต้ข้อยกเว้นที่ระบุไว้ใช่หรือไม่?

ถ้าลำดับนี้ ไม่ผ่าน ก็หมดหวังได้แล้ว

หากผ่าน ให้เตรียมตัวรับเงินค่าสินไหมทดแทนได้

บังเอิญปัญหาที่มักเกิดขึ้นอยู่เนือง ๆ ทั้งของต่างประเทศกับของบ้านเรา คือ มิได้มีการให้คำนิยามเอาไว้ภายใต้การประกันภัยเหล่านั้นเลยว่า “อุบัติภัย (accidental peril)” หรือ “อุบัติเหตุ (accident)” นั้นมีความหมายเช่นใด?

ถึงต่อให้มีคำนิยามเขียนไว้ก็เถอะ อย่าเพิ่งหลงดีใจ ยังมีประเด็นให้ทะเลาะกันอยู่ดี ไอ้ที่เขียนไว้อย่างนั้น ทำไมถึงเข้าใจได้ไม่ตรงกันเสียนี่?

ช่างน่าปวดหัว และเจ็บปวดกระดองใจจริง ๆ นะครับ

จากประสบการณ์การทำงานในธุรกิจประกันภัย เคยได้รับการปฏิเสธไม่รับผิด เนื่องจากไม่อยู่ในความหมายของอุบัติเหตุหนึ่งครั้ง ยังจำได้อย่างแม่นยำ และได้นำมาหยิบยกเป็นอุทาหรณ์เวลาอบรมให้ความรู้ประกันภัยอยู่เนือง ๆ แต่มิใช่ในฐานะบริษัทประกันภัยไปปฏิเสธลูกค้านะครับ กลับเป็นกรณีผู้รับประกันภัยต่อหยิบยกมาต่างหาก

เรื่องต่อไปขอวนกลับมาเรื่องของประกันภัยรถยนต์อีกครั้ง แม้จะเป็นประเภทประกันภัยที่ผู้คนส่วนใหญ่คุ้นเคยมากที่สุด แต่กลับคงมีประเด็นข้อพิพาทเกิดมากที่สุดเช่นกัน: ประเด็นหน้าที่ความรับผิดของรถโรงเรียนสิ้นสุดเมื่อใด?

บริการ

-     รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
-     รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com

อ่านบทความอีกชุดที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น