วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2563

เรื่องที่ 114: ธนาคาร หรือศูนย์การค้าจำต้องรับผิดตามกฎหมายหรือเปล่าที่มีโจรเข้าไปจี้ปล้น?


(ตอนที่หนึ่ง)

เราท่านอาจเคยรับฟังข่าวโจรจี้ชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ ชิงเงินในธนาคาร หรือชิงทองในร้านทองกันหลายครั้งหลายครากันแล้ว แต่ก็ไม่มีครั้งใดที่สร้างกระแสความรู้สึกร่วมกันมากเท่ากับเหตุการณ์สะเทือนใจที่คนร้ายเข้าไปจี้ชิงทอง พร้อมยิงผุ้คนจนตายและเจ็บหลายคน ณ ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เมื่อช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ในที่สุดคนร้ายก็ไม่อาจหลุดรอดเงื้อมมือกฎหมายไปได้
ผมคงขอผ่านข่าวคราวเรื่องนี้ไป เพราะเชื่อว่า หลายท่านได้รับทราบรายละเอียดหลายแง่มุมบ้างแล้ว แต่จะขอนำเสนอในแง่มุมบางมุมของการประกันภัยกันบ้าง โดยบางท่านได้สนใจใคร่รู้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ถือเป็นความประมาทเลินเล่อของห้างสรรพสินค้าที่ปล่อยให้คนร้ายเข้าไปกระทำการดังกล่าวได้หรือไม่?  หากใช่ กรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายที่ทำเอาไว้ก็น่าจะให้ความคุ้มครองแก่ผู้ต้องสูญเสีย หรือเสียหายได้ใช่ไหม?

เท่าที่ได้ไปค้นคว้าดูทั้งของบ้านเราและต่างประเทศ ผมได้ข้อมูลมาพอสรุป ดังนี้

ก่อนอื่นจำต้องพิจารณาแนวคิดของนักกฎหมายต่างประเทศซึ่งมองว่า เจ้าของสถานที่ (หรือผู้ครอบครอง) อาจมีความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลอื่นจากการที่มิได้จัดการดูแลรักษาความปลอดภัย (Duty of Care บุคคลมีหน้าที่พึงระวังไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น แต่ในที่นี้ผมขอแปลว่า การที่มิได้จัดการดูแลรักษาความปลอดภัยแก่ผู้อื่น) ภายในสถานที่ของตนได้ดีพอ ซึ่งบางประเทศเห็นว่า อาจรวมถึงกรณีที่เกิดเนื่องจากการกระทำโดยเจตนาของคนร้ายที่เข้ามาทำอันตรายต่อบุคคลอื่นในสถานที่ของตนด้วย ส่วนการที่ผู้เสียหายจะสามารถเรียกร้องค่าชดเชยจากเจ้าของสถานที่นั้นได้หรือไม่? ขึ้นอยู่กับการพิสูจน์ให้ศาลยอมรับฟังด้วย

บุคคลภายนอกที่เข้ามาในสถานที่นั้น สามารถจำแนกออกได้เป็น 3 ประเภท โดยจะมีการวางแนวทางระดับการดูแลรักษาความปลอดภัยแตกต่างกันไป กล่าวคือ

1) ผู้มิได้รับเชิญ หรือผู้บุกรุก (Trepasser)

ปกติแล้ว เจ้าของสถานที่ไม่มีหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยแก่บุคคลประเภทนี้ซึ่งเข้ามาในสถานที่นั้นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ถ้าจะมีก็อยู่ในระดับต่ำที่สุด กรณีเพียงแค่จะต้องไม่วางกับดัก หรือกระทำการสิ่งใดโดยเจตนาอันอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้บุกรุกเท่านั้น แต่ระดับอาจเพิ่มสูงขึ้นได้ หากเป็นผู้บุกรุกซึ่งเจ้าของสถานที่คุ้นเคยกับพฤติกรรมของผู้บุกรุกหน้าเดิมอยู่แล้ว และละเลยไม่พยายามดำเนินการป้องกันด้วยกลไกทางกฎหมาย ฉะนั้น โดยทั่วไป ผู้บุกรุกซึ่งถูกคนร้ายเข้ามาทำร้ายภายในสถานที่ จึงไม่สามารถเรียกร้องให้เจ้าของสถานที่นั้นรับผิดได้
 
2) ผู้ได้รับอนุญาต หรือผู้มาเยือน (Licensee)

บุคคลประเภทนี้ซึ่งเกิดจากความสัมพันธ์ทางสังคมอาจจำแนกย่อยออกได้เป็นสองลักษณะ ได้แก่ ผู้มาเยือนที่นัดหมาย (Invited Licensee) เช่น ญาติพี่น้อง เพื่อน คนรู้จัก เป็นต้น กับผู้มาเยือนที่ถือวิสาสะ (Uninvited Licensee) เช่น พนักงานไปรษณีย์ คนสอบถามเส้นทาง เป็นต้น เจ้าของสถานที่มีหน้าที่เพียงเตือนถึงจุดพึงระวังอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เนื่องจากความไม่คุ้นเคยกับสถานที่ของบุคคลประเภทนี้เท่านั้น คือ อยู่ระดับกลางของการดูแลรักษาความปลอดภัย เช่นนี้ ในกรณีที่มีคนร้ายบุกเข้ามาทำร้ายผู้มาเยือนจึงมิอาจเรียกร้องให้เจ้าของสถานที่รับผิดได้ เพราะอยู่นอกเหนือการควบคุมของเจ้าของสถานที่นั้นเอง

3) ผู้ได้รับเชิญ (Invitee)

เป็นบุคคลประเภทซึ่งเจ้าของสถานที่จะได้ประโยชน์จากการที่เข้ามาในสถานที่ของตน โดยแบ่งย่อยออกได้เป็นผู้ได้รับเชิญทั่วไป (Public Invitee) เช่น ลูกค้า และผู้ได้รับเชิญทางธุรกิจ (Business Invitee) เช่น คู่ค้า พนักงานขาย พนักงานธนาคาร เป็นต้น เนื่องจากเจ้าของสถานที่มุ่งหวังประโยชน์จากผู้ได้รับเชิญเหล่านี้ จึงจำต้องใช้ระดับการดูแลรักษาความปลอดภัยสูงสุด ด้วยการเตือนถึงอันตรายที่ตนรับรู้ และจะต้องหมั่นคอยตรวจตราดูแลรักษาความปลอดภัยให้อยู่ในสภาพที่ดี รวมทั้งการใช้ความระมัดระวังถึงเหตุอันพึงคาดหวังได้กรณีที่อาจมีคนร้ายบุกเข้ามาด้วย (Foreseeable Third-party Crimes)

เมื่อเราเห็นภาพประเภทของบุคคลที่เข้ามากับระดับการดูรักษาความปลอดภัยของเจ้าของสถานที่ต่อบุคคลเหล่านั้นแล้ว ต่อไปมาลองดูตัวอย่างคดีศึกษาที่เกิดขึ้นในต่างประเทศกันบ้างในสัปดาห์หน้านะครับ ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในบ้านเราซะทีเดียว แต่น่าจะเทียบเคียงได้บ้าง

บริการ
-     รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
-     รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น