วันเสาร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2563

เรื่องที่ 113: จะเกิดอะไรขึ้นกับบริษัทประกันภัยต่อไป เมื่อมีคำพิพากษาศาลฎีกาเรื่องกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก (Business Interruption Insurance Policy) ออกมาเช่นนั้น?


(ตอนที่สาม)

ตอนล่าสุดได้ทิ้งท้ายว่า สรุปแล้ว วัตถุประสงค์ของกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักให้ความคุ้มครองอะไร? กำไรขั้นต้น หรือการสูญเสียรายได้กันแน่

ถ้าย้อนกลับไปดูประวัติของการประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักซึ่งมีอายุยาวนานสองร้อยกว่าปี ได้มีการลองผิดลองถูกเรื่อยมาจนถึงเงื่อนไขความคุ้มครองปัจจุบันที่ถูกใช้มานับร้อยปีแล้ว โดยพยายามยึดหลักการประกันภัยในเรื่องการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามความเป็นจริง (Principle of Indemnity) เพื่อทำการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เอาประกันภัยกลับคืนสู่สถานะทางการเงินดังเดิมเสมือนหนึ่งมิได้เกิดความเสียหายขึ้นมา โดยสามารถแสดงวิธีการคำนวณเป็นสูตรคณิตศาสตร์ให้ผู้ขอเอาประกันภัยได้เห็นภาพตั้งแต่ก่อนจะตกลงทำประกันภัยนี้ด้วยซ้ำไป

ทำได้ยังไง?

อย่างที่เคยเกริ่น ต้องขอบคุณตารางมหัศจรรย์ของ Mr. Brian Berry

สกุลเงิน - บาท
รายการ
ก่อนเกิดเหตุ
%
หลังเกิดเหตุ
%
ยอดรายได้
100,000,000

50,000,000

ค่าใช้จ่ายผันแปร
70,000,000
70
35,000,000
70
ค่าใช้จ่ายคงที่
20,000,000
20
20,000,000
40
กำไรสุทธิ
10,000,000
10
-
-
ขาดทุนสุทธิ
-
-
(5,000,000)
(10)

ธุรกิจที่จะทำประกันภัยประเภทนี้ได้จำต้องมีระบบบันทึกบัญชีมาตรฐาน เพราะจะอาศัยอ้างอิงเป็นหลักฐานเวลากำหนดทุนประกันภัยและเวลาพิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนด้วย

อย่างไรก็ดี ข้อควรคำนึง คือ คำเรียกบางคำจะให้ความหมายเช่นเดียวกับศัพท์บัญชี แต่บางคำจะมีความหมายแตกต่างไป ดั่งเช่น “กำไรขั้นต้น” โดยทั่วไป ในแง่การประกันภัยประเภทนี้หมายความถึง ผลรวมระหว่างค่าใช้จ่ายคงที่กับกำไรสุทธิเท่านั้น

กลับมาพิจารณาตัวอย่างตารางข้างต้นที่เปรียบเทียบงบบัญชีกำไรขาดทุนของโรงงานผลิตแห่งหนึ่งก่อนเกิดเหตุความเสียหายกับภายหลังความเสียหาย 

ก่อนเกิดเหตุ โรงงานแห่งนี้มีกำไรสุทธิอยู่ 10 ล้านบาทหรือคิดเป็น 10% ของยอดรายได้

ความเสียหายจากไฟไหม้ส่งผลทำให้ผลประกอบการกลายเป็นขาดทุนสุทธิ 5 ล้านบาทหรือคิดเป็น (10%) ของยอดรายได้หลังเกิดเหตุ

ถ้าโรงงานแห่งนี้มีประกันภัยประเภทนี้คุ้มครองอยู่ บริษัทประกันภัยจะทำการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กลับมามีกำไรสุทธิได้ดังเดิม

คุณเชื่อคำพูดเช่นนี้ของบริษัทประกันภัยไหมครับ?

ถ้าไม่เชื่อ ก็ต้องพิสูจน์ ผมมักใช้คำถามคำตอบลักษณะนี้เวลาบรรยายการประกันภัยประเภทนี้

หากนำข้อกำหนดความคุ้มครองเฉพาะ แบบ 1 สำหรับการประกันภัยกำไรขั้นต้น (แบบหลักเกณฑ์ผลต่าง) มาใช้บังคับกับตัวอย่างนี้  

(ก)  ในกรณีของการลดลงของยอดรายได้ :
       บริษัทจะชดใช้จำนวนเงินที่คำนวณได้จากการนำอัตรากำไรขั้นต้น คูณกับจำนวนยอดรายได้ที่ขาดหายไป ในระหว่างระยะเวลาการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน

กำไรขั้นต้นก่อนเกิดเหตุ (ผลรวมระหว่างค่าใช้จ่ายคงที่กับกำไรสุทธิ) คือ 30 ล้านบาท (20 ล้านบาท + 10 ล้านบาท) หรือเท่ากับอัตรากำไรขั้นต้น 30% นั่นเอง

เมื่อนำไปคูณกับยอดรายได้ที่ขาดหายไป ในที่นี้ คือ 50 ล้านบาท (100 ล้านบาท - 50 ล้านบาท) ผลลัพธ์ที่ได้จะเท่ากับค่าสินไหมทดแทนที่จะได้รับ 15 ล้านบาท เมื่อนำไปบันทึกระบบบัญชีจะแสดงผลกลับมาเป็นกำไรสุทธิดังเดิม

แต่ถ้าเปลี่ยนไปทำทุนประกันภัยจากยอดรายได้แทน อัตราที่จะนำใช้คำนวณเท่ากับ 100% ผลลัพธ์ที่ได้จะเท่ากับ 50 ล้านบาท ไม่สะท้อนความเป็นจริง เพราะรายการค่าใช้จ่ายผันแปรที่ขาดหายไป 35 ล้านบาท (70 ล้านบาท - 35 ล้านบาท) ไม่ถือเป็นความเสียหายเนื่องจากเป็นกรณีที่ผู้เอาประกันภัยมิได้ใช้จ่ายออกไปจริง จะต้องนำมาหักจากผลลัพธ์ที่ได้นั้น ตัวเลขคงเหลือจะไม่แตกต่างกับของกำไรขั้นต้น แต่สิ่งที่สำคัญ คือ ผู้เอาประกันภัยเสียเบี้ยประกันภัยโดยเปล่าประโยชน์

นั่นคือ เหตุผลสำคัญที่ทำไมบริษัทประกันภัยถึงกำหนดเงื่อนไขความคุ้มครองให้เป็นเกณฑ์กำไรขั้นต้น

โปรดระลึกด้วยนะครับว่า ตัวอย่างนี้เป็นเพียงหลักการพื้นฐานเบื้องต้น เพราะในความเป็นจริงยังมีรายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ อีกที่คู่สัญญาประกันภัยทั้งสองฝ่ายจำต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องตรงกันเสียก่อน เพื่อลดข้อพิพาทที่อาจจะเกิดขึ้นมาได้ให้เหลือน้อยที่สุด

การประกันภัยประเภทนี้จึงอาจไม่ง่ายนักเวลาจะทำประกันภัย และเวลาพิจารณาค่าสินไหมทดแทน แต่ให้ประโยชน์อย่างมากมายแก่ธุรกิจและแก่สังคมในภาพรวม ในช่วงเวลาที่เกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2554 ผมพยายามย้ำเสมอเวลาบรรยายต่ออายุบัตรตัวแทน/นายหน้าประกันวินาศภัยว่า ถ้าโรงงานอุตสาหกรรมหรือธุรกิจใดที่ประสบภัยและมีประกันภัยประเภทนี้อยู่ เราคงไม่เห็นภาพคนงานถูกเลิกจ้างหรือถูกลอยแพดั่งที่ปรากฏในภาพข่าว ซึ่งเป็นสิ่งที่ชวนหดหู่ใจนะครับ

ตอนหน้าจะมาคุยกันต่อในอีกสองประเด็นที่เหลือ

บริการ
-     รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
-     รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น