เรื่องที่ 113: จะเกิดอะไรขึ้นกับบริษัทประกันภัยต่อไป
เมื่อมีคำพิพากษาศาลฎีกาเรื่องกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก (Business
Interruption Insurance Policy) ออกมาเช่นนั้น?
(ตอนที่หนึ่ง)
ผมค้นพบคำพิพากษาศาลฎีกาที่
4055/2561 เกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าเป็นคดีแรกของประเทศไทย
เพราะตัวเองได้พยายามค้นหา และรอมานานหลายปีแล้ว แต่ไม่เคยค้นเจอ หากผมเข้าใจคลาดเคลื่อนไป
ต้องขออภัยและขอคำชี้แนะด้วยครับ แรกที่เจอเป็นเพียงฉบับย่อสั้น
อ่านแล้วยังไม่สามารถวิเคราะห์อะไรได้มาก จนได้ฉบับย่อยาวในที่สุด ซึ่งมีข้อมูลเพียงพอที่จะให้แสดงความเห็นเสริมเพิ่มเติมในมุมมองของคนที่เคยทำประกันภัยมาก่อน
และไม่อยากรออ่านคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวฉบับเต็ม
ด้วยเกรงจะนานไป
แต่ขอออกตัวก่อนนะครับ ด้วยความเคารพในคำวินิจฉัยของศาลท่าน
ผมเองมิได้เจตนาอวดตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันภัยประเภทนี้แต่ประการใด เพียงสนใจใฝ่รู้
พยายามค้นคว้าศึกษาอยู่ตลอด ขออนุญาตทำการวิเคราะห์เปรียบเทียบในแง่การเรียนรู้การประกันภัยประเภทนี้ว่า
ควรจะพิจารณาเช่นใดต่อเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างคู่สัญญาประกันภัย
และให้ผู้เอาประกันภัยสามารถได้รับประโยชน์ความคุ้มครองนี้อย่างแท้จริงดั่งที่หลายท่านได้เห็นประโยชน์มาบ้างแล้วช่วงเหตุการณ์สึนามิ
และมหาอุทกภัย
จากประสบการณ์ของตนเอง
ช่วงระยะเวลาที่อยู่บริษัทประกันภัย เคยรับประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักอยู่บ้าง
แม้ยังไม่อาจทำความเข้าใจได้อย่างชัดเจนนัก และด้วยความรู้สึกว่า ทำไมการประกันภัยประเภทนี้ถึงเข้าใจยากจัง
แต่ตั้งใจด้วยความมุ่งมั่นว่า จะต้องพยายามหาหนทางสร้างความเข้าใจให้ดีกว่านี้ให้ได้
ได้มีโอกาสอ่านผ่านตาตำราเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ห้องสมุดเก่าของสมาคมประกันวินาศภัยไทย
สั่งซื้อมาเองก็มี ค้นบทความทางอินเตอร์เน็ตก็เยอะ ทุกวันนี้ยังทำอยู่อย่างสม่ำเสมอ
จำได้คราวหนึ่งไปอบรมที่ประเทศอินเดีย ได้ไปห้องสมุดค้นหาตำราที่ไม่มีในประเทศไทยเพิ่มเติม
แต่เขาไม่ให้ยืม ไม่ให้ถ่ายสำเนา เลยคัดลอกบางส่วนด้วยลายมือก็ทำมาแล้ว
ถึงกระนั้นอาจมีความเข้าใจดีขึ้นกว่าเดิมอยู่บ้าง
แต่ก็ยังรู้สึกเข้าไม่ถึงแก่นแท้มากนัก ด้วยความโชคดีสมัยทำงานอยู่บริษัทประกันภัยร่วมทุนกับต่างชาติแห่งหนึ่งได้ไปอ่านอีเมลของบริษัทประกันภัยในเครือที่ฟิลิปปินส์
ซึ่งเขาเขียนสอบถามหลักการประกันภัยประเภทนี้ไปที่สำนักงานภูมิภาค ณ
ประเทศสิงค์โปร พออ่านแล้วเรียกว่า เกิดดวงตาบรรลุธรรมขึ้นมาทันที สามารถเข้าใจถึงแก่นแท้ได้อย่างชัดเจน
และได้ทดลองนำไปอธิบายให้หลายคนรับฟัง ไม่ว่าเป็นคนประกันภัย คนกลางประกันภัย
หรือลูกค้าที่สนใจ ก็สามารถทำความเข้าใจได้โดยง่าย ต้องกล่าวขอบพระคุณ Mr. Brian Berry มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ประเทศไทยเอง มีกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักฉบับมาตรฐานภาษาไทย
สำหรับของกรมธรรม์ประกันอัคคีภัย ในปี พ.ศ. 2549 และของกรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน
ซึ่งให้เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2562 นี้เอง
ฉะนั้น เข้าใจได้ว่า กรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก
สำหรับกรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สินฉบับที่เป็นข้อพิพาทกันนี้
ยังเป็นต้นฉบับภาษาอังกฤษอยู่ เพราะมีการอ้างถึงคำแปลด้วย ไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์นะครับว่า
มีข้อความเหมือนกับฉบับมาตรฐานภาษาไทยซึ่งผมจะขอนำมาใช้เปรียบเทียบนี้ไหม?
แต่เชื่อว่า น่าจะใกล้เคียงกันมาก มาลองวิเคราะห์ประเด็นดูกันนะครับ
ข้อมูลเบื้องต้นของผู้เอาประกันภัย
โจทก์ประกอบกิจการโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อขายให้แก่บริษัท
ส. จำกัด ได้ทำสัญญาประกันภัยกับบริษัทประกันภัยจำเลยรวม 3 สัญญา ได้แก่
1) กรมธรรม์ประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน
(สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม)
ทุนประกันภัยรวมทั้งสิ้น 218,000,000
บาท
2) กรมธรรม์ประกันภัยเครื่องจักร
ทุนประกันภัยรวมทั้งสิ้น 162,000,000
บาท
3) กรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก
ทุนประกันภัยรวมทั้งสิ้น 30,000,000 บาท
ทั้งสามสัญญามีระยะเวลาประกันภัยตั้งแต่วันที่
2 ตุลาคม พ.ศ. 2551
สิ้นสุดวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2552
เหตุแห่งความเสียหาย
เมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2552 โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าของโจทก์เกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจรเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิต
อุปกรณ์บางส่วนระเบิดใช้การไม่ได้ บริษัทผู้สำรวจภัยอิสระเข้าไปตรวจสอบพบว่า เหตุระเบิดเกิดที่ตู้สวิตซ์เกียร์หมายเลข
52 - 2 ซึ่งเป็นระบบควบคุมป้องกันกระแสไฟฟ้าลัดวงจรและผิดปกติ
ศาลชั้นต้นกับศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยรับผิด
ดังนี้
1) ภายใต้กรมธรรม์ประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน
157,456.50 บาท
2) ภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยเครื่องจักร
165,540.00 บาท
พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
โดยโจทก์และจำเลยไม่ได้ยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกา
ข้อพิพาทของสองกรมธรรม์ประกันภัยเป็นอันสิ้นสุด
จึงไม่จำต้องวิเคราะห์อะไรเพิ่มเติมอีกนะครับ ทั้งข้อมูลก็ได้มาน้อยมาก
ประเด็นข้อพิพาทของกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก
สามารถแบ่งแยกออกได้เป็นสามประเด็น
ดังนี้
(1) วิธีการคำนวณค่าสินไหมทดแทน
(2) ความคุ้มครองในส่วนของค่าปรับการผิดสัญญา
(3) วิธีการบังคับใช้ความเสียหายส่วนแรก 7 วัน
ผมขอยกไปคุยกันต่อสัปดาห์หน้านะครับ
ขอถือโอกาสวาระดิถีขึ้นปีใหม่
พ.ศ. 2563 อาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกท่านเคารพนับถือ
โปรดอำนวยพรให้ทุกท่านมีแต่ความสุข ความเจริญ
และสุขภาพแข็งแรงตลอดทั้งปีด้วยนะครับ
บริการ
- รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
-
รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com
อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย):
เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น