วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2561

เรื่องที่ 88: ข้อยกเว้นว่าด้วยการเคลื่อนตัวของพื้นดินภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สินหมายความถึงอะไรได้บ้าง?


(ตอนที่สอง)

ที่ต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกามักจะมีข้อพิพาทเรื่องความหมายของข้อยกเว้นการเคลื่อนตัวของดินอยู่บ่อยครั้ง ถึงแม้จะได้มีการกำหนดคำนิยามไว้แล้วก็ตาม เนื่องจากการตีความถ้อยคำอาจทำให้เกิดมุมมองที่แตกต่างกันขึ้นมาได้ ประกอบกับข้อความจริงของแต่ละเหตุการณ์ที่ผันแปรไป ยิ่งส่งผลทำให้ไม่อาจฟันธงลงไปได้ว่า จะต้องตีความออกมาในแนวทางหนึ่งแนวทางใดเสมอไป

ดังในคดีที่สามของบทความชุดนี้

เรื่องที่เกิดขึ้นก็เป็นเรื่องเดิม ๆ เช่นเดียวกับสองคดีแรก

ผู้เอาประกันภัยเป็นเจ้าของอาคารอะพาร์ตเมนต์ (คำทับศัพท์ที่ถูกต้องตามราชบัณฑิตยสถาน) หลังหนึ่งได้รับความเสียหายอย่างมากจากการที่ผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการข้างเคียงทำการขุดดินเพื่อก่อสร้างที่จอดรถใต้ดิน แรกเริ่มที่ปรากฏความเสียหาย ผู้เอาประกันภัยรายนี้พยายามแจ้งต่อทั้งเจ้าของโครงการข้างเคียงกับผู้รับเหมาให้เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น แต่มิได้รับความใส่ใจ จนความเสียหายเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ จำต้องไปร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง โดยได้มีคำสั่งให้หยุดทำการก่อสร้างออกมาหลายฉบับ ก็ยังไม่ยอมหยุดดำเนินการแต่ประการใด สุดท้ายผู้เอาประกันภัยรายนี้ต้องไปพึ่งศาลให้ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเพื่อให้หยุดการกระทำดังกล่าวโดยเร็ว เนื่องจากสภาพความเสียหายทวีความรุนแรงมากขึ้นจนถึงขนาดไม่น่ามีความปลอดภัยเพียงพอแก่การพักอาศัยอยู่ในอะพาร์ตเมนต์หลังนั้นได้อีกต่อไป น่าแปลกใจที่ประเทศที่เจริญแล้วอย่างอเมริกา และทั้งที่เกิดขึ้น ณ กรุงนิวยอร์ก จะมีเหตุไม่ใส่ใจกฎหมายได้ขนาดนี้ คือ ทั้งเจ้าของโครงการกับผู้รับเหมาก่อสร้างต่างยังคงเพิกเฉยกับคำสั่งศาลที่ออกมา และดำเนินการก่อสร้างต่อไปโดยไม่ใส่ใจอะไรทั้งสิ้น

มองในแง่ดีอีกมุมหนึ่ง อาจเป็นไปได้ว่า เจ้าของโครงการกับผู้รับเหมาก่อสร้างดังกล่าวอาจทำประกันภัยการปฏิบัติงานตามสัญญา (Contract Works Insurance) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า “การประกันภัยความเสี่ยงภัยทุกชนิดสำหรับผู้รับเหมา (Constractor’s All Risks Insurance)” ซึ่งได้ขยายเงื่อนไขพิเศษความคุ้มครองถึงการสั่นสะเทือน การเคลื่อนตัว หรือการอ่อนตัวของสิ่งค้ำยัน (Vibration or Removal or Weakening of Support Clause) เอาไว้ แต่อาจเห็นว่า เงื่อนไขดังกล่าวมิได้คุ้มครองถึงการแตกร้าว เลยทำงานต่อไปให้ถึงขนาดเกิดการพังทลายทั้งหมดและบางส่วนของอาคารข้างเคียงจะได้เข้าเงื่อนไขดังกล่าวหรือเปล่า? ไม่แน่ใจเหมือนกัน

ถ้าคุณเป็นเจ้าของอะพาร์ตเมนต์หลังนี้ คุณหวังจะไปพึ่งใครต่อดีครับ?

เมื่อตนเองมีประกันภัยแบบระบุภัยที่ให้ความคุ้มครองแก่ทรัพย์สินที่เอาประกันภัยของตน คือ ตัวอาคารหลังนี้อยู่ ก็เรียกให้บริษัทประกันภัยของตนมารับผิดชอบแทนไปก่อน และค่อยให้สวมสิทธิของตนเองไปไล่เบี้ยเอากับคู่กรณีภายหลังน่าจะดีกว่า คิดได้ดังนั้น จึงดำเนินการไป แต่ผลออกมาเป็นเช่นเดียวกับสองคดีแรกครับ บริษัทประกันภัยรายนี้ได้หยิบยกข้อยกเว้นการเคลื่อนตัวของดิน (Earth Movement) มาอ้างปฏิเสธความรับผิด ซึ่งกำหนดคำนิยามไว้ค่อนข้างชัดเจนว่า ไม่คุ้มครองทั้งกรณีที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติกับด้วยน้ำมือมนุษย์

เอาไงดีล่ะทีนี้ ขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านประกันภัยกับกฎหมายดีกว่า และได้รับคำแนะนำให้นำคดีขึ้นสู่ศาล โดยตั้งประเด็นข้อต่อสู้ใหม่ว่า ขอให้บริษัทประกันภัยรับผิดภายใต้ภัยการกระทำโดยป่าเถื่อน (Vandalism) ซึ่งให้ความคุ้มครองอยู่แทน

บริษัทประกันภัยฝ่ายจำเลยก็โต้แย้งทันทีว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ไม่เข้าข่ายภัยการกระทำโดยป่าเถื่อน (Vandalism) ซึ่งกำหนดคำนิยามไว้อย่างชัดเจนว่า ต้องเป็นการกระทำอย่างจงใจ หรืออย่างมุ่งร้ายโดยตรงต่อทรัพย์สินที่เอาประกันภัยเท่านั้น แต่ไม่ปรากฏเลยว่า คู่กรณีได้กระทำเช่นนั้นต่อทรัพย์สินดังกล่าวของผู้เอาประกันภัย ศาลชั้นต้นเห็นด้วยกับข้อโต้แย้งของฝ่ายจำเลย

ครั้นเมื่อคดีขึ้นสู่ศาลอุทธรณ์ ได้กำหนดประเด็นในการพิจารณาไว้สองประเด็น คือ

(1) การกระทำของเจ้าของโครงการกับผู้รับเหมาก่อสร้างดังกล่าวถือเป็นการกระทำโดยป่าเถื่อน (Vandalism) หรือไม่?

(2) การกระทำของเจ้าของโครงการกับผู้รับเหมาก่อสร้างดังกล่าวเรียกได้ว่าเป็นการกระทำอย่างจงใจ หรืออย่างมุ่งร้ายหรือไม่?

ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์อย่างละเอียดแล้ว มีความเห็นดังนี้

(1) การกระทำของเจ้าของโครงการกับผู้รับเหมาก่อสร้างดังกล่าวถือเป็นการกระทำโดยป่าเถื่อน (Vandalism) หรือไม่?
      โดยทั่วไป การกระทำโดยป่าเถื่อนหมายความถึง การกระทำด้วยความคึกคะนอง นึกสนุก มิได้มีเจตนามุ่งร้าย หรือทำให้เกิดอันตรายโดยตรง เพียงแต่ไม่ใส่ใจว่า การกระทำของตนเองจะส่งผลอย่างใดต่อผู้ใดเท่านั้น ดังนั้น ศาลอุทธรณ์มองว่า การกระทำโดยป่าเถื่อนไม่ควรตีความอย่างแคบว่า จำกัดเพียงแค่เป็นการกระทำโดยตรงต่อทรัพย์สินที่เอาประกันภัยเท่านั้น แม้จะมิได้กระทำโดยตรง แต่อาจส่งผลสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินที่เอาประกันภัย ก็ควรพิจารณาเป็นการกระทำโดยป่าเถื่อนได้เหมือนกัน

(2) การกระทำของเจ้าของโครงการกับผู้รับเหมาก่อสร้างดังกล่าวเรียกได้ว่าเป็นการกระทำอย่างจงใจ หรืออย่างมุ่งร้ายหรือไม่?
      การกระทำโดยตั้งใจ และไม่ใส่ใจต่อผลแห่งความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อบุคคลอื่นนั้น ศาลอุทธรณ์ก็เห็นว่า แทบจะไม่แตกต่างจากการกระทำอย่างจงใจ หรืออย่างมุ่งร้ายเลย

ด้วยเหตุผลดังกล่าว ศาลอุทธรณ์จึงวินิจฉัยให้ผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายชนะคดีนี้

(อ้างอิงจากคดี Georgitsi Realty, LLC v. Penn-Star Ins. Co., 2013-06731 (N.Y. 10/17/2013))

คุณเห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลในคดีนี้ไหมครับ?

ตอนแรกที่ได้อ่านคำพิพากษาคดีนี้อย่างผิวเผิน ไม่ใคร่เห็นด้วยเหมือนกัน เพราะยิ่งมาเทียบเคียงกับบทความที่ตนเองเขียนไว้ใน พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว เรื่องที่ 2 ซึ่งพูดเปรียบเทียบระหว่างความหมายของภัยการกระทำอย่างป่าเถื่อน (Vandalism) กับภัยการกระทำอันมีเจตนาร้าย (Malicious Act) โดยในบ้านเรา ภัยการกระทำอย่างป่าเถื่อน (Vandalism) ได้ถูกยุบลงไป คงเหลือเพียงภัยการกระทำอันมีเจตนาร้ายเท่านั้น ซึ่งภายใต้ภัยเพิ่มเติม อค. 1.51 ได้ให้ความหมายเอาไว้ว่า

ความเสียหายโดยตรงจากการกระทำอันมีเจตนาร้าย (Malicious Act) หมายถึง การกระทำอย่างจงใจเพื่อให้เกิดความเสียหายโดยตรงต่อตัวทรัพย์สินที่เอาประกันภัย ไม่ว่าการกระทำดังกล่าวจะเป็นการก่อกวนความสงบสุขแห่งสาธารณชนหรือไม่ก็ตาม แต่ทั้งนี้ไม่รวมความเสียหายใด ๆ ต่อกระจก (เว้นแต่เป็นกระจกบล็อกที่ใช้ในการก่อสร้าง) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตัวอาคาร

ฉะนั้น การตีความภัยการกระทำอันมีเจตนาร้ายข้างต้นจะต้องตีความในแนวทางนั้นด้วยหรือเปล่า? จะขัดแย้งกับถ้อยคำที่เขียนไว้ชัดเจนนั้นหรือไม่?

แต่เมื่ออ่านทบทวนคำพิพากษาคดีดังกล่าวหลายครั้ง กอปรกับบทความที่เขียนไว้เมื่อกลางปี พ.ศ. 2559 เรื่องที่ 25 : ความเสียหายจากสาเหตุโดยตรง (Directly Caused) หมายถึงอะไร? เรื่องที่ 27 : อะไร คือ ความสูญเสีย หรือความเสียหายโดยตรง (Direct Loss or Damage)? ก็ช่วยทำให้เข้าใจได้ดียิ่งขึ้น และเห็นด้วยกับคำพิพากษาคดีนี้ ดังเช่นคำถามที่ผมเคยตั้งกับผู้รับฟังการบรรยายว่า กรมธรรม์ประกันอัคคีภัยซึ่งคุ้มครองไฟไหม้ จำเป็นไหม? จะต้องเกิดไฟไหม้บ้านผู้เอาประกันภัยเท่านั้น ถึงจะได้รับความคุ้มครอง ลองไปค้นหาอ่านทำความเข้าใจกันนะครับ

เคยรับฟังว่า มีข้อพิพาทเกิดขึ้นมาแล้วในบ้านเราเกี่ยวกับการตีความข้อยกเว้นการเคลื่อนตัวของพื้นดินภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน ซึ่งมิได้กำหนดคำนิยามเอาไว้ แต่โชคดีที่ยังไม่มีใครตีความให้ยกเว้นถึงภัยแผ่นดินไหวเข้าไปด้วย แต่เมื่อมาพิจารณาถึงถ้อยคำภาษาอังกฤษที่เป็นต้นฉบับ กลับเขียนไว้ ดังนี้

1.13  subsidence, ground heave or landslip   
1.13 การยุบตัว  การโก่งตัว  หรือการเคลื่อนตัวของพื้นดิน

เทียบเคียงกันแล้ว เห็นว่า ต้นฉบับภาษาอังกฤษมิได้มีเจตนารมณ์ที่จะให้ยกเว้นกว้างถึงขนาดนั้นเลย

หากท่านใดมีปัญหาการตีความข้อยกเว้นนี้ จะลองอาศัยแนวทางการต่อสู้คดีที่หนึ่ง หรือที่สามดูบ้างก็ได้ ได้ผลยังไง? ส่งข่าวมาให้รับทราบกันบ้างก็ดีนะครับ

เรื่องต่อไป ท่านใดชอบทานไวน์ สะสมไวน์ จะซื้อไวน์ไปฝากใคร ขอให้ลองอ่านเรื่องนี้ไว้บ้างก็ดีครับ?  

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น