วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2561

เรื่องที่ 88: ข้อยกเว้นว่าด้วยการเคลื่อนตัวของพื้นดินภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สินหมายความถึงอะไรได้บ้าง?


(ตอนที่หนึ่ง)

ภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน หมวดที่ 3 ข้อยกเว้น ได้ระบุเรื่องนี้ไว้ว่า

.  สาเหตุของความเสียหายที่ไม่ได้รับความคุ้มครอง
      1. ความเสียหาย อันเกิดจาก
      …………………..
     1.13 การยุบตัว  การโก่งตัว  หรือการเคลื่อนตัวของพื้นดิน

คำว่า “การเคลื่อนตัวของพื้นดิน” กับ “การเคลื่อนตัวของดิน” มีความหมายเช่นไร? และทั้งสองคำให้ความหมายแตกต่างกันหรือไม่?

เนื่องจากมิได้กำหนดคำนิยามเอาไว้อย่างชัดแจ้ง ทำให้จำต้องนึกจินตนาการเอาเองว่า หมายความถึงกรณีดังนี้หรือเปล่า?

การทรุดตัวของดิน
การโก่งตัวของดิน
ดินถล่ม
แผ่นดินไหว
ฯลฯ

หากเทียบเคียงกับข้อยกเว้นทำนองนี้ในกรมธรรม์ประกันภัยของประเทศอเมริกา คือ ข้อยกเว้นการเคลื่อนตัวของดิน (Earth Movement) ซึ่งระบุไว้อย่างชัดเจน และถอดความออกมาเป็นภาษาไทยได้ว่า  

หมายความถึง การยุบตัวลง การยกตัวขึ้น การเบี่ยงเบน การขยายตัว หรือการหดตัวของดิน ไม่ว่าจะมีน้ำเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ตาม การเคลื่อนตัวของดินรวมถึงแต่ไม่จำกัดอยู่เพียงแผ่นดินไหว ดินถล่ม การกัดกร่อน และการทรุดตัวลง (subsidence) แต่ทั้งนี้ไม่รวมถึงการพังทะลายของหลุมยุบ

อนึ่ง หากว่า เกิดความเสียหายทางกายภาพโดยอุบัติเหตุเนื่องจากไฟไหม้ ระเบิดที่มิใช่การระเบิดของภูเขาไฟ ผลจากการลักทรัพย์ หรือการแตกของกระจก บริษัทประกันภัยก็จะชดใช้ให้สำหรับความเสียหายที่เป็นผลจากกรณีดังกล่าว

แม้ข้อยกเว้นดังกล่าวของเขาจะมีคำนิยามชัดเจนเช่นนั้น ก็ยังเกิดเป็นคดีพิพาทขึ้นมาว่า ได้หมายความรวมถึงการที่มีผู้รับเหมาก่อสร้างมาขุดดินเพื่อทำการก่อสร้างโครงการข้างเคียงด้วยหรือไม่?

เรามาพิจารณาเรื่องนี้กันครับ

ผู้เอาประกันภัยรายนี้เป็นเจ้าของอาคารคอนโดมิเนียมที่พักอาศัยแห่งหนึ่งได้ทำประกันภัยกรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทุกชนิดสำหรับตัวอาคารและทรัพย์สินของตนเอาไว้ ต่อมา สังเกตเห็นร่องรอยแตกร้าวที่ตัวอาคารหลายแห่ง เมื่อเรียกวิศวกรผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบ ก็พบและลงความเห็นว่า เป็นผลมาจากการที่ผู้รับเหมาโครงการก่อสร้างข้างเคียงได้ขุดดินจนส่งผลกระทบต่อฐานรากกับโครงสร้างของอาคารคอนโดมิเนียมดังกล่าว

ผู้เอาประกันภัยรายนี้จึงไปเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยของตน แต่กลับถูกอ้างว่า ไม่อาจให้ความคุ้มครองได้ เพราะเหตุการณ์นี้ตกอยู่ภายใต้ข้อยกเว้นการเคลื่อนตัวของดิน (Earth Movement) ดังมีใจความข้างต้น ทั้งยังตกอยู่ในข้อยกเว้นอีกข้อที่ระบุไม่คุ้มครอง

การเลื่อนข้าง (settling) การแตกร้าว การหดตัว การโป่งนูน หรือการขยายตัว เว้นแต่มีสาเหตุโดยตรงจากภัยที่คุ้มครองจนทำให้เกิดความเสียหายทางกายภาพขึ้นมา หรือเป็นผลทำให้เกิดการแตกของกระจก 

โดยที่การเคลื่อนตัวของดินนั้นเองทำให้เกิดการเลื่อนข้าง การแตกร้าวโดยตรงต่อตัวอาคารดังกล่าวด้วย วิศกรผู้เชี่ยวชาญก็ยืนยันเช่นนั้น

เมื่อเป็นคดีขึ้นสู่ศาล ประเด็นที่ศาลจำต้องพิจารณา คือ ข้อยกเว้นดังกล่าวอ้างมีความกำกวม หรือไม่ชัดเจนใช่หรือไม่? หากไม่ชัดเจน โดยหลักกฎหมาย การตีความข้อยกเว้นเช่นนั้น ให้ตีความเป็นประโยชน์แก่ผู้เอาประกันภัย

ผู้เอาประกันภัยฝ่ายโจทก์โต้แย้งว่า ข้อยกเว้นการเคลื่อนตัวของดินมีความกำกวม ไม่ชัดเจน คนทั่วไปอ่านแล้วเข้าใจเสมือนหนึ่งเน้นยกเว้นการเคลื่อนตัวของดินที่มีสาเหตุจากภัยธรรมชาติเท่านั้น เนื่องจากตัวอย่างที่หยิบยกขึ้นมาทั้งในกรณีแผ่นดินไหว ดินถล่ม การกัดกร่อน และการทรุดตัวลงล้วนสื่อออกไปในกรณีจากภัยเช่นนั้น ส่วนการขุดดินเป็นการกระทำของมนุษย์ จึงไม่เข้าข้อยกเว้นดังกล่าว หากบริษัทประกันภัยประสงค์จะให้รวมถึงการกระทำของมนุษย์ด้วย ก็จะต้องระบุลงไปให้ชัดเจน เพื่อที่จะเข้าใจได้ตรงกัน

เช่นเดียวกับกับข้อยกเว้นอีกข้อ คนทั่วไปอ่านแล้วคงนึกไม่ได้เองว่า จะมิได้รวมถึงอุบัติที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันจากการขุดดินโดยจงใจของผู้รับเหมาก่อสร้างด้วย

ศาลได้พิจารณาพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้ว เห็นพ้องกับฝ่ายโจทก์ว่า ข้อยกเว้นดังกล่าวมีความกำกวม ไม่ชัดเจนจริง จึงตัดสินให้บริษัทประกันภัยฝ่ายจำเลยรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้

บริษัทประกันภัยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีความเห็นยืนตามศาลชั้นต้น

(อ้างอิงจากคดี Pioneer Tower Owners Ass’n v. State Farm Fire & Cas. Co., 12 N.Y.3d 302 (2009))

ถัดมา ได้เกิดกรณีลักษณะคล้ายกันเช่นนี้ขึ้นอีก คือ การขุดดินของโครงการก่อสร้างข้างเคียงทำให้อาคารที่เอาประกันภัยแตกร้าว เมื่อผู้เอาประกันภัยเจ้าของอาคารที่เสียหายไปเรียกร้องค่าสินไหนทดแทนจากบริษัทประกันภัยของตนซึ่งให้ความคุ้มครองตัวอาคารนี้อยู่ ก็ได้ถูกปฏิเสธโดยอ้างถึงข้อยกเว้นการเคลื่อนตัวของดินนี้เช่นกัน

ผู้เอาประกันภัยรายที่สองนี้ได้ยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อให้บริษัทประกันภัยของตนรับผิดชอบ

คุณคิดว่า ฝ่ายใดจะชนะคดีครับ?

ท่านใดที่ทายฝ่ายผู้เอาประกันภัย ก็จำต้องขอแสดงความเสียใจด้วยครับ เพราะในคดีที่สองนี้ ทั้งศาลชั้นต้นกับศาลอุทธรณ์ล้วนตัดสินให้ฝ่ายบริษัทประกันภัยชนะคดีครับ

เพราะอะไร? ทำไมไม่เหมือนกับคดีแรก? มีอะไรแตกต่างกันบ้าง?

คำเฉลย คือ ข้อยกเว้นการเคลื่อนตัวของดินในคดีที่สองเขียนไม่เหมือนกับคดีแรกครับ เนื่องจากมีข้อความต่อท้ายเพิ่มเติมอีกว่า “ไม่ว่า (การเคลื่อนตัวของดิน) จะเกิดขึ้นจากสาเหตุทางธรรมชาติ หรือเนื่องจากการกระทำของมนุษย์ หรือกระทั่งสาเหตุอื่นใดก็ตาม

เมื่อปรากฏถ้อยคำที่แสดงเจตนารมณ์อย่างชัดแจ้งของบริษัทประกันภัยที่ประสงค์จะไม่คุ้มครองถึงการเคลื่อนตัวของดินทุกสาเหตุโดยเด็ดขาด ศาลจำต้องตีความไปตามเจตนารมณ์เช่นนั้น โดยศาลคดีที่สองก็เน้นย้ำว่า มิได้ตัดสินขัดแย้งกับแนวทางคำพิพากษาคดีแรกแต่ประการใด

(อ้างอิงจากคดี Bentoria Holdings, Inc. v. Travelers Indem. Co., 2012 WL 5256119 (N.Y. Oct. 25, 2012))

เรื่องนี้ยังไม่จบนะครับ เพราะหลังจากนั้นไม่นาน ก็เกิดคดีที่สามในลักษณะเดียวกันขึ้นมาอีก จะลองทายต่อไหมครับว่า ฝ่ายใดจะชนะคดีกันแน่คราวนี้? 

รับรองว่า คุณจะต้องอึ้ง ทึ่งแน่ ๆ ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น