วันพุธที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2561

เรื่องที่ 65: ผู้โดยสารติดเชื้อโรคจากในรถ ถือเป็นอุบัติเหตุ อันเกิดขึ้นเนื่องจากการใช้รถยนต์หรือไม่?

(ตอนที่สอง)
คดีนี้ บริษัทประกันภัยรายนี้ยอมรับว่า รถบัสคันที่เกิดเหตุเป็นรถยนต์ที่ได้เอาประกันภัยไว้ และการติดเชื้อวัณโรค (Tuberculosis Infection) ก็เข้าเงื่อนไขความคุ้มครองตามคำนิยาม ความบาดเจ็บทางร่างกายของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับดังกล่าว ซึ่งรวมถึงความเจ็บป่วย หรือโรคภัยด้วย ทั้งยังเห็นว่า การติดเชื้อวัณโรคนั้นถือเป็น “อุบัติเหตุ” ตามคำนิยามด้วย คือ เหตุแห่งความเสี่ยงภัยจากสภาวะเดียวกันที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือซ้ำ ๆ กันจนเป็นเหตุให้เกิดความบาดเจ็บทางร่างกาย 

อย่างไรก็ดี ได้โต้แย้งว่า “ความบาดเจ็บทางร่างกาย” นั้น อันมีสาเหตุมาจาก อุบัติเหตุ ดังกล่าวมิได้เป็นผลจากการ “ใช้ (Use)” รถบัสคันนั้นตามที่ได้กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้แต่ประการใด เพียงเป็นผลจากการที่มีคนขับ ซึ่งเจ็บป่วยไม่สบายเท่านั้น หรืออาจมาจากสาเหตุอื่นก็เป็นได้ จึงมิใช่ “อุบัติเหตุ” ตามเจตนารมณ์ของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ฉบับนี้ ซึ่งมิได้มีจุดมุ่งหมายให้ครอบคลุมรวมไปถึงการติดเชื้อโรคที่ติดต่อถึงกันได้ด้วย 

ฝ่ายผู้เสียหายกับเจ้าของรถบัสในฐานะผู้เอาประกันภัยที่จะต้องรับผิดร่วมกันต่อสู้ว่า ผู้โดยสารที่เจ็บป่วยคราวนี้ได้เกิดขึ้นขณะอยู่ในรถคันนั้น และรถคันนั้นก็ได้ถูกใช้ในการขนส่งผู้โดยสารจากต้นทางไปถึงจุดหมายตั้งแต่ต้นจนจบการเดินทาง คำว่า “การใช้” นั้นมิได้มีความหมายจำกัดเพียงแค่การที่รถชนกัน หรือรถพลิกคว่ำเท่านั้น แต่มีความหมายกว้างกว่านั้น โดยรวมถึงอุบัติเหตุอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้รถด้วย ยกตัวอย่างเช่น กรณีลืมเด็กไว้ในรถที่ปิดประตูหน้าต่างนานหลายชั่วโมง ทำให้เด็กรายนั้นขาดอากาศหายใจจนเสียชีวิต ศาลเคยวินิจฉัยว่า เป็นอุบัติเหตุอันเกิดขึ้นเนื่องจากการใช้รถมาแล้ว

ในกรณีนี้ เกิดจากตัวผู้ขับขี่ที่ป่วยเป็นโรคร้าย ซึ่งสามารถแพร่กระจายเชื้อโรคได้ทางลมหายใจ รถคันนี้มีโครงสร้างปิด มีระบบแอร์ทำความเย็นและระบบระบายอากาศ แม้จะมีหน้าต่าง แต่มิได้เปิดออกเพื่อรับลมจากภายนอกเลย การถ่ายเทอากาศจะหมุนเวียนอยู่แต่ภายในเท่านั้น โดยที่ผู้ขับขี่จะเป็นผู้สามารถควบคุมระบบแอร์ทำความเย็นกับระบบระบายอากาศเพียงผู้เดียว ดังนั้น อากาศที่อยู่ภายในรถจึงเป็นมวลอากาศเดียวกันที่ใช้สำหรับหายใจของทั้งผู้ขับขี่กับผู้โดยสาร การติดเชื้อวัณโรคจึงเกิดขึ้นภายในรถ จากการ “ใช้” ระบบหมุนเวียนอากาศภายในรถ ส่วนที่ผู้โดยสารบางรายไม่ติดเชื้อวัณโรคก็เพราะมีภูมิคุ้มกันนั่นเอง

ศาลชั้นต้นเห็นพ้องว่า เป็นความประมาทเลินเล่อของเจ้าของรถบัสในฐานะนายจ้างของผู้ขับขี่รถคันนั้น มีความผิดฐานละเมิด จึงตัดสินให้บริษัทประกันภัยจำต้องเข้ามาร่วมรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เสียหายแทน

บริษัทประกันภัยรายนี้จึงยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำตัดสินของศาลชั้นต้น โดยโต้แย้งว่า  การแพร่กระจายเชื้อโรคเป็นเรื่องระหว่างคนต่อคน สามารถเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะอยู่ภายในรถ หรือนอกรถ ตัวรถมิได้ทำให้เกิดการแพร่กระจาย นอกจากนี้ ผู้โดยสารบางรายยังให้การต่อศาลว่า ระหว่างที่รถจอด หรือในบริเวณโรงแรมที่พัก ผู้ขับขี่ยังไอใส่ตอนอยู่นอกรถอีกด้วย และระหว่างการเปิดประตูรถขึ้นลงนั้น อากาศจากภายนอกอาจเข้ามาภายในรถก็ได้ ทั้งฝ่ายผู้เสียหายมิได้มีพยานหลักฐานยืนยันว่า ตลอดระยะเวลาเดินทาง ผู้ขับขี่มิได้เผลอกดปุ่มเปิดให้อากาศจากภายนอกเข้ามาได้ ฉะนั้น จึงไม่มีพยานหลักฐานพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่า ผู้ขับขี่กับรถคันนี้เป็นผู้เผยแพร่กระจายเชื้อโรคโดยตรง ซึ่งต่างจากคดีเด็กที่เสียชีวิตอยู่ในรถ เนื่องจากขาดอากาศหายใจ เพราะเด็กอาจจะไม่เสียชีวิต ถ้าอยู่นอกรถ แต่คดีนี้ การติดเชื้อวัณโรคอาจเกิดขึ้นภายในรถ หรือภายนอกรถก็มีโอกาสเป็นไปได้ทั้งนั้น

ศาลอุทธรณ์จึงวินิจฉัยให้ศาลชั้นต้นย้อนคดีกลับไปค้นหาพยานหลักฐานให้ชัดแจ้งอีกครั้ง

เมื่อบริษัทประกันภัยรายนี้ฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ศาลฎีกาจึงทำการวินิจฉัยว่า ตราบใดยังไม่มีพยานหลักฐานแสดงอย่างสิ้นสงสัยว่า ผู้เสียหายได้ติดเชื้อโรคนี้ภายในรถจริง ศาลฎีกาจำต้องกลับคำตัดสินให้บริษัทประกันภัย ตลอดจนเจ้าของรถบัสพ้นผิดตามข้อกล่าวหา

(อ้างอิงคดี Lancer Insurance Company v Garcia Holiday Tours Case No. 10-0096 (TX S.Ct., Jul. 1, 2011))

เรื่องต่อไป: โรงงานได้รับความเสียหาย เนื่องจากสาเหตุไฟฟ้าลัดวงจร แล้วทำให้เกิดการวาบไฟ (Flashover) จะสามารถได้รับความคุ้มครองภายใต้กรมธรรม์ประกันอัคคีภัยของตนหรือไม่?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น