เรื่องที่ 64: ผู้บาดเจ็บเกิดภาวะโรคอ้วน
อันเนื่องมาจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
จะสามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ได้หรือไม่?
(ตอนที่สอง)
ศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาเรื่องนี้
โดยลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนี้
1) ปี ค.ศ. 1981 เพียงสามวันก่อนที่จะฉลองอายุครบสิบแปดปี
ผู้โดยสารสตรีรายนี้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงทางสมอง
เมื่อรถยนต์คันที่เธอนั่งชนกับรถคู่กรณีที่ไม่มีประกันภัย
2) บริษัทประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองรถยนต์คันที่เธอนั่ง ตกลงรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เธอตามเงื่อนไขความคุ้มครองการประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล
(ลักษณะคล้ายกับความคุ้มครองภาคบังคับของผู้ประสบภัยจากรถของบ้านเรา) โดยชดใช้ตามค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นจริงเรื่อยมา
3) ปี ค.ศ. 1991 แพทย์ตรวจพบระดับคอเรสทอเรลสูงผิดปกติในร่างกายของเธอ
จึงพยายามแก้ไขด้วยการจัดโปรแกรมออกกำลังกาย
ควบคุมอาหาร และใช้ยาเข้าช่วยในท้ายที่สุด
4) ปี ค.ศ. 1997 แพทย์ผู้รักษารายแรกทำหนังสือถึงบริษัทประกันภัยโดยลงความเห็นว่า
อาการภาวะไขมันในเลือดสูง (Hyperlipidemia)
หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “ภาวะโรคอ้วน” ของคนไข้รายนี้
เป็นผลเนื่องมาจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดขึ้น
เนื่องจากอาการบาดเจ็บทางสมองทำให้เธอประสบปัญหาในการควบคุมตนเอง
ทั้งในการออกกำลังกาย และการควบคุมจำกัดอาหาร
แม้จะใช้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยดูแลแล้วก็ตาม
5) ปี ค.ศ. 2003 แพทย์ผู้รักษารายที่สองก็ให้ความเห็นคล้ายคลึงกันว่า สภาพร่างกายของเธอทำให้ไม่สามารถออกกำลังกายได้
เพราะมีอาการเจ็บปวดที่เท้ากับหัวเข่าเพิ่มมากขึ้น
จนจำต้องใช้รถเข็นเข้าช่วยในการเคลื่อนไหวแทนการใช้เพียงไม้เท้าพยุงตัว
ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นผลมาจากหลายสาเหตุ
รวมทั้งสาเหตุจากอุบัติเหตุรถยนต์ที่เกิดขึ้นด้วย ดังนั้น อาการภาวะไขมันในเลือดสูง
(Hyperlipidemia)
นี้ จึงน่าเป็นผลเชื่อมโยงมาจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนั้นนั่นเอง
6) ปี ค.ศ. 2004 บริษัทประกันภัยแจ้งปฏิเสธการชดใช้ในส่วนของค่ารักษาพยาบาลกรณีภาวะโรคอ้วน
โดยอ้างว่า มิใช่กรณีที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1981
แต่ประการใด ทั้งมิใช่เป็นกรณีของสาเหตุใกล้ชิดด้วย
เพราะกรณีภาวะโรคอ้วนนี้ทิ้งช่วงห่างไกลกันมาตั้งร่วมสิบปีแล้ว
7) ครอบครัวของเธอจึงนำคดีขึ้นสู่ศาลชั้นต้น
ซึ่งวินิจฉัยให้บริษัทประกันภัยรับผิด
8) บริษัทประกันภัยยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วิเคราะห์ถ้อยคำของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้ที่ระบุว่า “บริษัทประกันภัยจะรับผิดด้วยการชดใช้ผลประโยชน์ใด
ๆ สำหรับความบาดเจ็บทางร่างกายโดยอุบัติเหตุ อันเกิดขึ้นเนื่องจาก (arise
out of) การเป็นเจ้าของ การขับขี่ การบำรุงรักษา
หรือการใช้รถยนต์คันนั้นเป็นยานพาหนะ”
คำว่า “เกิดขึ้นเนื่องจาก หรือพจนานุกรมอังกฤษ-ไทยบางฉบับแปลว่า
“เป็นผลมาจาก (arise out of)” นั้นมีความหมายเช่นใด?
ศาลนี้ตีความโดยอ้างอิงแนวทางคำพิพากษาคดีอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ที่ว่า
คำนี้มิได้ให้ความหมายเช่นเดียวกับสาเหตุใกล้ชิด (proximate cause) แต่จะให้ความหมายกว้างกว่า โดยเพียงขอให้มีความเชื่อมโยงกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นก็ได้แล้ว
แต่ก็มิใช่ถึงขนาดที่ห่างไกลจนเกินไป เพียงให้คำตอบได้ว่า
ความบาดเจ็บนั้นเป็นผลมาจาก มีต้นเหตุมาจาก เกิดขึ้นเนื่องมาจาก
หรือเกี่ยวข้องกับการใช้รถยนต์คันนั้นก็ใช้การได้แล้ว
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ศาลอุทธรณ์จึงเห็นพ้องกับศาลชั้นต้นที่ให้บริษัทประกันภัยรับผิดสำหรับค่ารักษาพยาบาลภาวะโรคอ้วนนี้ด้วย
บริษัทประกันภัยยื่นฎีกาคัดค้านว่า ถ้าศาลใช้ทฤษฏีการตีความกว้างแบบนี้
เปรียบเสมือนหนึ่งทำให้เกิดฟ้าถล่มธุรกิจประกันภัยเลยนะนี่
เรื่องนี้จึงเป็นมหากาพย์ที่ต้องต่อสู้ยืดเยื้อกันออกไปอีกนาน เมื่อพิจารณานับจากวันที่เกิดอุบัติเหตุในปี
ค.ศ. 1981
จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลชั้นฎีกาออกมา
ซึ่งขณะที่เขียนบทความนี้ในเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 2018 ยังไม่เห็นมีคำวินิจฉัยคดีนี้ออกมาเลย
ที่หยิบยกเรื่องนี้มาเขียน แม้จะไกลตัวกับของบ้านเราไปมาก
เพราะเงื่อนไขความคุ้มครองบ้านเรามิได้กำหนดไว้เช่นนั้น
วงเงินค่ารักษาพยาบาลก็ไม่สูงนัก ทั้งเวลาเจรจาตกลงชดใช้กัน
มักตัดตอนเหมาจ่ายกันให้จบโดยเร็วมากกว่า แต่เห็นว่า
มีประเด็นที่น่าสนใจเรื่องการเลือกใช้ถ้อยคำที่เหมาะสมของกรมธรรม์ประกันภัย
ถึงแม้ถ้อยคำ “เกิดขึ้นเนื่องจาก (arise out of)” นี้ ศาลต่างประเทศในหลายประเทศยังมีแนวทางการตีความที่แตกต่างกัน
หาข้อยุติไม่ได้ บางศาลเห็นว่า ไม่ควรตีความให้กว้างเกินไปเช่นนั้น
ส่วนตัวจึงคิดว่า เรื่องของถ้อยคำต่าง ๆ ที่เขียนให้แตกต่างกันนั้น น่าใส่ใจเรียนรู้ไว้บ้าง
ก็ดีนะครับ
เรื่องต่อไป: ผู้โดยสารติดเชื้อโรคจากในรถ
ถือเป็นอุบัติเหตุ อันเกิดขึ้นเนื่องจากการใช้รถยนต์หรือเปล่า?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น