(ตอนที่สอง)
เมื่อผู้เอาประกันภัยรายนี้นำคดีขึ้นสู่ศาลชั้นต้น
โดยอ้างว่า ในกรมธรรม์ประกันภัยของตนมิได้กำหนดคำนิยามภัยระเบิดเอาไว้ ฉะนั้น การระเบิดจึงควรหมายความถึงการระเบิดทุกชนิด
ซึ่งมีลักษณะเป็นเหตุการณ์ที่มีความรุนแรง มีเสียงดัง
และมีสาเหตุมาจากการก่อให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีอย่างรวดเร็ว หรือการระเบิดของแก๊ส
หรือไอจากแรงดัน โดยที่การระเบิดของศพก็มีลักษณะเช่นว่านั้นด้วย
เนื่องจากคำให้การของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ระบุว่า ผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วจะเข้าสู่กระบวนการเน่าสลายตัว
(Decomposition)
ซึ่งแบคทีเรียในร่างกายจะทำปฏิกิริยาเคมีกับเนื้อเยื่อ แล้วก่อให้เกิดก๊าซขึ้นมาทั่วร่าง
และจะสร้างแรงดันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนประทุออกมาดังเช่นกรณีนี้ในท้ายที่สุด
ถ้าบริษัทประกันภัยไม่ประสงค์จะให้ความคุ้มครองภัยระเบิดทุกกรณี
ทำไมไม่เขียนระบุลงไปให้ชัดเจน เพื่อที่ให้คนทั่วไปสามารถเข้าใจได้ แต่ปรากฏว่า ศาลชั้นต้นก็ยังไม่เห็นพ้องกับผู้เอาประกันภัยรายนี้แต่อย่างใด
ผู้เอาประกันภัยยังไม่ละความพยายาม
ได้นำคดีสู่ศาลอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จริงอยู่ที่กรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้มิได้กำหนดคำนิยามเอาไว้
แต่โดยหลักการแล้ว การตีความถ้อยคำจำต้องอาศัยความเข้าใจของวิญญูชน คนทั่วไปส่วนใหญ่ด้วย อนึ่ง เมื่อผู้เอาประกันภัยเป็นผู้กล่าวอ้าง
ก็มีหน้าที่ต้องพิสูจน์ให้ศาลเห็นคล้อยตามว่า คนทั่วไปเห็นว่า ภัยระเบิดที่บริษัทประกันภัยจะให้ความคุ้มครองได้รวมถึงการระเบิดของศพด้วยเช่นนั้นหรือเปล่า
แต่ในคดีนี้ ศาลยังไม่เชื่อ คนทั่วไปจะเห็นเช่นนั้นได้ จึงตัดสินยืนตามศาลชั้นต้น
ผู้เอาประกันภัยยื่นขอฎีกา
แต่ศาลฎีกาไม่รับพิจารณา (อ้างอิงจากคดี Rodrigo v. State Farm
Florida (No. 4D12-3410, April 23, 2014))
คดีเรื่องนี้จึงจบลงที่ผู้เอาประกันภัยไม่อาจเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยได้
น่าสนใจนะครับว่า การระเบิดนั้นมีจากหลายสาเหตุ กระทั่งฝุ่นยังระเบิดได้ (Dust
Explosion) ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในวงการอุตสาหกรรม
และบริษัทประกันภัยคงไม่เกี่ยงงอนที่จะให้ความคุ้มครอง แต่ฝุ่นระเบิดนั้นอาจจะเกิดขึ้นได้ในที่ใดก็ได้
ดังอุทาหรณ์จากเหตุการณ์ไฟลุกไหม้และระเบิดในงานปาร์ตี้ผงสี หรือ Color Play Asia ณ สวนน้ำ
Formosa Fun Coast ในเมือง New Taipei ประเทศไต้หวัน
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2558 ซึ่งมีรายงานข่าวว่า
สาเหตุของการระเบิดน่าจะมาจากการระเบิดของฝุ่น
โดยผงสีที่ใช้ในงานปาร์ตี้นั้นมีส่วนผสมเป็นผงแป้งข้าวโพดผสมกับสีผสมอาหารที่โดนพ่นออกมาจากเครื่องพ่น
จนเกิดลุกติดไฟและระเบิดขึ้น จนทําให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 500 คน
และผู้เสียชีวิต 1 คน (อ้างอิงจากบทความ
““การระเบิดของฝุ่น” ภัยร้ายใกล้ตัวกว่าที่คิด” ในวารสารกรมวิทยาศาสตร์บริการ)
(หมายเหตุ: ผู้เขียนเองพยายามศึกษาเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจถึงการระเบิดของศพ
จึงขออ้างอิงบทความ “ระยะเวลาการตายและการเปลี่ยนแปลงหลังการตาย” ของพลตำรวจตรี
เลี้ยง หุยประเสริฐ พบ.,อว.(นิติเวชศาสตร์) ผู้บังคับการ
สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ มาเขียนประกอบเพิ่มเติมในย่อหน้าแรก ให้พอเห็นภาพโดยสังเขปได้บ้างนะครับ)
ส่วนทำไมผู้เอาประกันภัยรายนี้เลือกที่จะอาศัยภัยระเบิดในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนนั้น
ก็เพราะหากจะอ้างภัยเนื่องจากน้ำ (Water Damage) กรณีคงจะจบเร็วกว่านี้ เนื่องจากแม้คำว่า “น้ำ (Water)” จะเป็น “ของเหลว (Liquid)” ชนิดหนึ่งก็ตาม แต่ก็มีคุณสมบัติต่างกันจากของเหลวชนิดอื่น ๆ ของเหลวที่ปะทุออกมาจากร่างกายคนคงมิใช่น้ำตามความหมายนี้อย่างแน่นอนครับ
ทั้งกรมธรรม์ประกันภัยเองก็มิได้เขียนระบุให้ความคุ้มครองถึงภัยเนื่องจากของเหลวแต่ประการใด
ฉะนั้น เรื่องสิ่งที่เราคิด หรือมองเห็นได้นั้น
อาจมิใช่เป็นอย่างที่เราคิด หรือเห็นเช่นนั้นได้เสมอไป ดังเช่นเรื่องที่จะเล่าต่อไปคราวหน้า
“ก็เห็นอยู่ว่าเป็นรถ ทำไมถึงยังบอกว่า มิใช่รถอีก”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น