(ตอนที่หนึ่ง)
เคยมีคนถามผมเรื่องหลักสาเหตุใกล้ชิดของการประกันภัยความรับผิดตามกฎหมาย
ซึ่งโดยหลักการทั่วไปแล้ว หลักสาเหตุใกล้ชิดประกอบด้วยสามลักษณะ กล่าวคือ
1) ลักษณะหลายภัยต่อเนื่องกัน โดยไม่ขาดตอน แบบโดมิโน
ให้ยึดภัยแรกสุดเป็นเกณฑ์
2) ลักษณะหลายภัยต่อเนื่องกัน
แล้วมีภัยอื่นเข้ามาสอดแทรก ถ้าทำให้ขาดตอน ให้ยึดภัยสอดแทรกเป็นเกณฑ์
แต่ถ้าไม่ขาดตอน ให้ยึดภัยแรกสุดเป็นเกณฑ์
3) ลักษณะมีหลายภัยเกิดขึ้นพ้องกัน
(พร้อมกัน) ถ้ามีภัยที่ยกเว้นในกรมธรรม์ประกันภัยมาเกี่ยวข้อง จะไม่คุ้มครองเลย
แต่ถ้ามีเพียงภัยที่คุ้มครองกับภัยที่มิได้เขียนคุ้มครอง
หรือยกเว้นในกรมธรรม์ประกันภัยไว้เท่านั้น จะถือว่า ได้รับความคุ้มครองทั้งหมด
ซึ่งลักษณะที่สามนี่แหละ
นึกภาพไม่ออกว่า จะเกิดขึ้นเช่นไรภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดตามกฎหมาย
จึงเป็นที่มาของเรื่องที่เราจะคุยกันครั้งนี้ครับ
ผมได้ทิ้งท้ายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาในบทความคราวที่แล้วเอาไว้ว่า
ผู้รับเหมารื้อเศษวัสดุก่อสร้างขนขึ้นรถบรรทุกของตนออกไปจากสถานที่ก่อสร้าง
ระหว่างทาง เศษวัสดุนั้นเกิดหลุดปลิวออกไปทะลุกระจกรถนักเรียนที่วิ่งผ่านมาพอดี
ทำให้เด็กนักเรียนเสียชีวิตหนึ่งราย และบาดเจ็บอีกหลายคน
คุณคิดว่า
กรมธรรม์ประกันภัยการปฏิบัติงานตามสัญญา (Contract Works Insurance) หรือกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์
ภาคสมัครใจฉบับใดฉบับหนึ่งของผู้รับเหมารายนี้ ต้องรับผิดครับ
หรือจำต้องรับผิดร่วมกันทั้งสองกรมธรรม์ประกันภัย หรือไม่มีกรมธรรม์ประกันภัยฉบับใดเลยที่จะต้องรับผิด?
เชื่อว่า
คุณคงพอได้คำตอบไว้ในใจแล้วนะครับ บางท่านอาจคิดว่า
กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจต้องรับผิดชัวร์ บางท่านอาจเห็นว่า
กรมธรรม์ประกันภัยการปฏิบัติงานตามสัญญาไม่เกี่ยวข้องแน่นอน เพราะไปเกิดเหตุนอกสถานที่ก่อสร้าง
ทำไมจะต้องไปรับผิดด้วยเล่า?
แต่ปรากฏว่า ในคดีนี้
พ่อแม่ของเด็กนักเรียนที่เสียชีวิต
และบาดเจ็บตัดสินใจฟ้องบริษัทประกันภัยทั้งสองเจ้าที่ให้ความคุ้มครองทั้งสองกรมธรรม์ประกันภัยเผื่อไว้ดีกว่า
เพราะถ้าพิจารณากันลึก ๆ ถ้าคนงานของผู้รับเหมาขนเศษวัสดุก่อสร้างขึ้นรถบรรทุก
แล้วจัดวางให้มั่นคงแน่นหนา คงไม่น่าจะเกิดอุบัติเหตุนี้ขึ้นมา
เมื่อเป็นเช่นนี้
บริษัทประกันภัยทั้งสองเจ้าได้ร่วมกันต่อสู้ ดังนี้
(1) กรมธรรม์ประกันภัยการปฏิบัติงานตามสัญญา ในหมวดที่สาม ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ระบุข้อยกเว้นไม่คุ้มครองความรับผิดที่เกิดขึ้นจาก
“อุบัติเหตุใดๆที่มีสาเหตุมาจากยานพาหนะที่ได้รับอนุญาตให้วิ่งบนถนนทั่วไป หรือยวดยานทางน้ำ
หรืออากาศยาน”
(2) กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์
ภาคสมัครใจ แม้จะมิได้มีข้อยกเว้นกำหนดไว้
และควรต้องรับผิด แต่เนื่องจากโดยหลักสาเหตุใกล้ชิดที่มีลักษณะหลายภัยเกิดขึ้นพ้องกัน
ซึ่งอุบัติเหตุครั้งนี้ก็เข้าข่ายดังกล่าว คือ เกิดจากความประมาทเลินเล่อของคนงานของผู้รับเหมาที่มิได้จัดวางวัสดุก่อสร้างให้อยู่บนรถบรรทุกในสภาพแน่นหนามั่นคง
เพื่อมิให้สามารถหลุดเลื่อน หรือกระเด็นลอยออกไปสร้างความเสียหายขึ้นมาได้ ส่วนคนขับรถบรรทุกก็มีส่วนประมาทเลินเล่อที่มิได้ตรวจสอบสิ่งของที่บรรทุกไปให้อยู่ในสภาพแน่นหนามั่งคงด้วยเช่นกัน
อุบัติเหตุครั้งนี้ จึงเกิดจากความประมาทเลินเล่อของทั้งในส่วนของผู้รับเหมากับคนขับรถควบคู่กันไป
เมื่อกรมธรรม์ประกันภัยการปฏิบัติงานตามสัญญากำหนดข้อยกเว้นในกรณีนี้ไว้อย่างชัดเจน
ถึงแม้กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ภาคสมัครใจจะคุ้มครองก็ตาม โดยหลักสาเหตุใกล้ชิดที่มีลักษณะหลายภัยพ้องกัน
ถ้ามีภัยที่ยกเว้นเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่ด้วย ก็ให้ถือว่า เหตุการณ์ทั้งหมดจะไม่ได้รับความคุ้มครองเลย
สรุป บริษัทประกันภัยทั้งสองเจ้าร่วมกันปฏิเสธความรับผิด
สำหรับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ครับ ปล่อยให้ผู้รับเหมากับคนขับรถต้องรับผิดชอบกันเอง
ถ้าคุณเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็กนักเรียนที่ประสบเหตุ
หรือ
ถ้าคุณเป็นผู้เอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับใดฉบับหนึ่ง
หรือ
ถ้าคุณเป็นตัวแทน หรือนายหน้าประกันวินาศภัยของกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าว
หรือ
ถ้าคุณเป็นผู้ที่บังเอิญได้มาอ่านบทความเรื่องนี้
คุณคิดว่า ยังไงครับ? เห็นด้วย
หรือไม่เห็นด้วยยังไงบ้างครับ? แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะครับ แล้วค่อยมาดูว่า ศาลท่านจะพิจารณาอย่างไร?
สัปดาห์หน้า
vivatchai.amornkul@gmail.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น