เรื่องที่ 104: ความเสียหายต่อตัวรถยนต์ที่ลังเลจะนำเสนอดีไหมหนอ?
(ตอนที่หนึ่ง)
ตามที่จั่วหัวไว้ หลายท่านอาจสงสัยทำไมผมลังเลไม่อยากจะนำมาเล่า
จะบอกเหตุผลให้รับฟังตอนท้าย ลองดูเรื่องกันก่อนก็แล้วกันนะครับว่าเป็นเรื่องอะไร?
ผมขอตั้งชื่อเรื่องว่า “เหตุเกิดบนรถแท็กซี่”
ในแง่การพิจารณารับประกันภัยรถยนต์
ไม่ใคร่มีใครสนใจอยากจะรับประกันภัยรถแท็กซี่กันมากนัก เพราะส่วนใหญ่มองว่า
มีความเสี่ยงภัยสูง รถแท็กซี่ถูกวิ่งใช้งานทั้งวันทั้งคืน แทบไม่มีเวลาหยุดพัก เรียกได้เป็นการลงทุนที่ต้องใช้ให้คุ้มค่าจริง
ๆ
เคยสอบถามคนชับรถแท็กซี่ บางคนชอบขับช่วงกะเวลากลางวัน
แม้การจราจรค่อนข้างติดขัดกว่า แต่ทัศนวิสัยการมองเห็นจะดีกว่า
โอกาสจะเกิดอุบัติเหตุดูจะน้อยกว่า เมื่อเทียบกับขับช่วงกะกลางคืน การจราจรค่อนข้างโล่ง
รถขับกันเร็ว ทัศนวิสัยการมองเห็นไม่ดีเท่า โอกาสจะเกิดอุบัติเหตุจะสูงกว่า
รุนแรงกว่า เพราะบ่อยครั้งผู้ชับขี่รถร่วมทางอาจไม่อยู่ในสภาพร่างกายปกตินัก
อุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นแก่รถแท็กซี่ช่วงกะกลางคืน
นอกเหนือจากการชน การเสียหลักพลิกคว่ำ หรือการถูกจี้ปล้นแล้ว คุณคิดว่า
จะมีอะไรได้อีกบ้าง?
จะเหมือนรถแท็กซี่คันนี้ได้บ้างไหม?
ระหว่างตะเวณหาผู้โดยสารช่วงกลางดึกคืนวันหนึ่ง
เมื่อมองเห็นชายคนหนึ่งแต่งกายค่อนข้างดียืนโบกเรียก คนขับแท็กซี่รีบโฉบเข้าไปหาทันที
ชายคนนั้นแจ้งจุดหมายปลายทางและเข้ามานั่งในรถทันที ดูจากสภาพร่างกายที่ตาเริ่มปรือ
ตัวโอนไปเอียงมาบ้าง และกลิ่นเหล้าหึ่ง แต่ก็พอคุยกันรู้เรื่อง
น่าจะมีสตังค์จ่ายค่ารถได้ ทั้งระยะทางไม่ไกลมากนัก
ระหว่างทาง ชายคนนี้หลับตลอด จู่ ๆ
คนขับรถแท็กซี่ก็ได้ยินแปลก ๆ ดังเบา ๆ และกลิ่นเริ่มโชยตามมาจากเบาะหลัง
“อ้าว
พี่ฉี่ใส่รถผมหรือนี่” คนขับรถอุทานออกมาอย่างหงุดหงิด “ซวยฉิบเป๋งเลยคืนนี้”
เมื่อรถถึงจุดหมาย และปลุกผู้โดยสารให้รู้สึกตัว
ผู้โดยสารได้แต่ร้องขอโทษ ไม่รู้ตัวเองว่า ปล่อยฉี่ออกมาได้ยังไง ตอนไหน? เอายังงี้แล้วกัน
ค่ารถหกสิบ ผมให้แบ้งค์ร้อย ไม่ต้องทอนก็แล้วกันนะ
คนขับรถแท็กซี่คันนี้จำต้องตัดใจกัดฟันจากมา ถือว่า เป็นคราวซวยของตนก็แล้วกัน
คืนนั้น เลยต้องหยุดรับผู้โดยสารกลางคัน
นำรถเข้าอู่ รื้อเบาะ นำพรมปูพื้นออก เพื่อชำระล้างทำความสะอาดอย่างยกใหญ่
พร้อมฉีดน้ำหอมกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ไปอีกหลายกระป๋อง เสียเวลา เสียแรง เสียรายได้
และเสียเงินค่าทำความสะอาดอีกหลายสตังค์ จะไปเรียกร้องจากใครได้บ้างกันนี่?
ครั้นนึกมาได้
รถคันนี้ทำประกันภัยรถยนต์ชั้นหนึ่งอยู่นี่นา ค่าเสียเวลา เสียแรง เสียรายได้
ไม่น่าจะเคลมประกันภัยได้อยู่แล้ว แต่ค่าทำความสะอาดซึ่งเป็นเงินมากโข
(สำหรับคนขับรถ) น่าจะเรียกร้องได้หรอกน่ะ
คำถาม คุณคิดว่า
คนขับรถแท็กซี่คันนี้ซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยจะสามารถเรียกร้องค่าทำความสะอาดดังกล่าวได้หรือไม่?
หรือพูดอีกอย่างหนึ่งได้ว่า
รถแท็กซี่คันที่เอาประกันภัยนี้ได้รับความเสียหายต่อตัวรถตามเงื่อนไขความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ
ประเภทหนึ่งหรือไม่ครับ?
สัปดาห์หน้าค่อยมาคุยกันต่อ
บริการ
- รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
-
รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com
อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย):
เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่
https://www.facebook.com/pomamornkul/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น