วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

เรื่องที่ 104: ความเสียหายต่อตัวรถยนต์ที่ลังเลจะนำเสนอดีไหมหนอ?


(ตอนที่หนึ่ง)

ตามที่จั่วหัวไว้ หลายท่านอาจสงสัยทำไมผมลังเลไม่อยากจะนำมาเล่า จะบอกเหตุผลให้รับฟังตอนท้าย ลองดูเรื่องกันก่อนก็แล้วกันนะครับว่าเป็นเรื่องอะไร?

ผมขอตั้งชื่อเรื่องว่า “เหตุเกิดบนรถแท็กซี่

ในแง่การพิจารณารับประกันภัยรถยนต์ ไม่ใคร่มีใครสนใจอยากจะรับประกันภัยรถแท็กซี่กันมากนัก เพราะส่วนใหญ่มองว่า มีความเสี่ยงภัยสูง รถแท็กซี่ถูกวิ่งใช้งานทั้งวันทั้งคืน แทบไม่มีเวลาหยุดพัก เรียกได้เป็นการลงทุนที่ต้องใช้ให้คุ้มค่าจริง ๆ

เคยสอบถามคนชับรถแท็กซี่ บางคนชอบขับช่วงกะเวลากลางวัน แม้การจราจรค่อนข้างติดขัดกว่า แต่ทัศนวิสัยการมองเห็นจะดีกว่า โอกาสจะเกิดอุบัติเหตุดูจะน้อยกว่า เมื่อเทียบกับขับช่วงกะกลางคืน การจราจรค่อนข้างโล่ง รถขับกันเร็ว ทัศนวิสัยการมองเห็นไม่ดีเท่า โอกาสจะเกิดอุบัติเหตุจะสูงกว่า รุนแรงกว่า เพราะบ่อยครั้งผู้ชับขี่รถร่วมทางอาจไม่อยู่ในสภาพร่างกายปกตินัก

อุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นแก่รถแท็กซี่ช่วงกะกลางคืน นอกเหนือจากการชน การเสียหลักพลิกคว่ำ หรือการถูกจี้ปล้นแล้ว คุณคิดว่า จะมีอะไรได้อีกบ้าง?

จะเหมือนรถแท็กซี่คันนี้ได้บ้างไหม? 

ระหว่างตะเวณหาผู้โดยสารช่วงกลางดึกคืนวันหนึ่ง เมื่อมองเห็นชายคนหนึ่งแต่งกายค่อนข้างดียืนโบกเรียก คนขับแท็กซี่รีบโฉบเข้าไปหาทันที ชายคนนั้นแจ้งจุดหมายปลายทางและเข้ามานั่งในรถทันที ดูจากสภาพร่างกายที่ตาเริ่มปรือ ตัวโอนไปเอียงมาบ้าง และกลิ่นเหล้าหึ่ง แต่ก็พอคุยกันรู้เรื่อง น่าจะมีสตังค์จ่ายค่ารถได้  ทั้งระยะทางไม่ไกลมากนัก

ระหว่างทาง ชายคนนี้หลับตลอด จู่ ๆ คนขับรถแท็กซี่ก็ได้ยินแปลก ๆ ดังเบา ๆ และกลิ่นเริ่มโชยตามมาจากเบาะหลัง 

อ้าว พี่ฉี่ใส่รถผมหรือนี่” คนขับรถอุทานออกมาอย่างหงุดหงิด “ซวยฉิบเป๋งเลยคืนนี้” 

เมื่อรถถึงจุดหมาย และปลุกผู้โดยสารให้รู้สึกตัว ผู้โดยสารได้แต่ร้องขอโทษ ไม่รู้ตัวเองว่า ปล่อยฉี่ออกมาได้ยังไง ตอนไหน? เอายังงี้แล้วกัน ค่ารถหกสิบ ผมให้แบ้งค์ร้อย ไม่ต้องทอนก็แล้วกันนะ คนขับรถแท็กซี่คันนี้จำต้องตัดใจกัดฟันจากมา ถือว่า เป็นคราวซวยของตนก็แล้วกัน 

คืนนั้น เลยต้องหยุดรับผู้โดยสารกลางคัน นำรถเข้าอู่ รื้อเบาะ นำพรมปูพื้นออก เพื่อชำระล้างทำความสะอาดอย่างยกใหญ่ พร้อมฉีดน้ำหอมกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ไปอีกหลายกระป๋อง เสียเวลา เสียแรง เสียรายได้ และเสียเงินค่าทำความสะอาดอีกหลายสตังค์ จะไปเรียกร้องจากใครได้บ้างกันนี่?

ครั้นนึกมาได้ รถคันนี้ทำประกันภัยรถยนต์ชั้นหนึ่งอยู่นี่นา ค่าเสียเวลา เสียแรง เสียรายได้ ไม่น่าจะเคลมประกันภัยได้อยู่แล้ว แต่ค่าทำความสะอาดซึ่งเป็นเงินมากโข (สำหรับคนขับรถ) น่าจะเรียกร้องได้หรอกน่ะ

คำถาม คุณคิดว่า 

คนขับรถแท็กซี่คันนี้ซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยจะสามารถเรียกร้องค่าทำความสะอาดดังกล่าวได้หรือไม่? 

หรือพูดอีกอย่างหนึ่งได้ว่า

รถแท็กซี่คันที่เอาประกันภัยนี้ได้รับความเสียหายต่อตัวรถตามเงื่อนไขความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ประเภทหนึ่งหรือไม่ครับ?

สัปดาห์หน้าค่อยมาคุยกันต่อ

บริการ
-      รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
-     รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น