เรื่องที่ 97: ลูกจ้างทุจริตเบียดบังเงินของนายจ้างหลายครั้ง กินเวลาหลายปี
จะถือเป็นเหตุการณ์ (Occurrence) เดียว หรือหลายเหตุการณ์ และจะเรียกร้องได้จากกรมธรรม์ประกันภัยความไม่ซื่อสัตย์ของลูกจ้าง
(Employee Dishonesty Insurance) ซึ่งต่ออายุมาตลอดได้กี่ฉบับ?
(ตอนที่สาม)
เรามาดูอีกสองคดีศึกษาที่เหลือกัน
คดีศึกษาที่สอง
ผู้เอาประกันภัยรายนี้ประกอบกิจการโมเต็ลให้เช่าห้องพักมีกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองความไม่ซื่อสัตย์ของลูกจ้าง
(Employee Dishonesty Insurance) ไว้สองฉบับต่อเนื่องกัน ได้แก่
ฉบับแรก ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 2000 ถึงวันที่ 1 สิงหาคม
ค.ศ. 2001
ฉบับที่สอง ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 2001 ถึงวันที่ 1 สิงหาคม
ค.ศ. 2002
กำหนดวงเงินความคุ้มครองสูงสุด
100,000 ดอลล่าร์สหรัฐ ต่อเหตุการณ์ (Occurrence)
แต่ละครั้ง
คำจำกัดความ
“เหตุการณ์ (occurrence)” หมายความถึง “ความสูญเสียทั้งหมดอันมีสาเหตุมาจาก หรือเกี่ยวข้องกับลูกจ้างหนึ่งราย
หรือหลายรายซึ่งก่อให้เกิดผลจากการกระทำเพียงครั้งเดียว หรือหลายครั้งต่อเนื่องกัน
(series of acts)”
เดือนมิถุนายน ค.ศ. 2002 ผู้เอาประกันภัยรายนี้ได้ตรวจสอบพบว่า
ลูกจ้างรายหนึ่งได้แอบนำเงินของนายจ้างไปเป็นของตนโดยใช้กลฉ้อฉลต่าง ๆ นา ๆ
เป็นต้นว่า ให้ลูกค้าเข้าพักโดยไม่ลงทะเบียน ขายสินค้าไม่ลงบิล
ปรับเปลี่ยนตัวเลขบัญชีเพื่อนำส่งเงินไม่ครบจำนวน โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998
เรื่อยมาจนสามารถตรวจพบในที่สุด รวมเป็นเงินที่นาจ้างสูญเสียไปทั้งสิ้น 324,834.69
ดอลล่าร์สหรัฐ
เมื่อผู้เอาประกันภัยรายนี้เรียกร้องให้บริษัทประกันภัยของตนทำการชดใช้ตามจำนวนเงินดังกล่าว
ก็ได้รับแจ้งกลับมาว่า จะยินดีรับผิดชอบเฉพาะช่วงเวลาที่ลูกจ้างกระทำทุจริตภายในระยะเวลาประกันภัย
คือ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 2000 เป็นต้นไป
ในวงเงินสูงสุดเพียงเหตุการณ์เดียว 100,000 ดอลล่าร์สหรัฐเท่านั้น
ผู้เอาประกันภัยรายนี้ได้โต้แย้งว่า
ตนมีช่วงระยะเวลาประกันภัยสองช่วง และการกระทำของลูกจ้างรายนี้ใช้กลฉ้อฉลหลากหลายวิธีที่ไม่เกี่ยวเนื่องกัน
จึงถือแยกออกเป็นได้หลายเหตุการณ์
มิใช่เพียงหนึ่งเหตุการณ์ดังที่บริษัทประกันภัยกล่าวอ้าง
เมื่อตกลงกันไม่ได้
จึงมีการนำคดีขึ้นสู่ศาลให้พิจารณาตัดสิน ศาลเห็นว่า
ที่ผู้เอาประกันภัยกล่าวอ้างว่า ถ้อยคำของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับดังกล่าวมีข้อความไม่ชัดเจนนั้น
ศาลไม่เห็นพ้องด้วย เนื่องจากเงื่อนไขข้อหนึ่งระบุว่า
หากมีความสูญเสียที่ได้รับความคุ้มครองบางส่วนอยู่ภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้
และบางส่วนอยู่ภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยฉบับก่อนหน้าที่สิ้นสุดความคุ้มครองไปแล้ว
ความรับผิดสูงสุดของบริษัทประกันภัยที่จะชดใช้ให้ไม่เกินกว่าวงเงินใดที่มากกว่าระหว่างกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้หรือฉบับก่อนหน้า
โดยไม่คำนึงว่าจะยังมีระยะเวลาประกันภัยซึ่งมีผลบังคับอยู่ต่อไปอีกกี่ปี
หรือกระทั่งจำนวนเบี้ยประกันภัยที่ได้ชำระมา ทั้งนี้ จะไม่มีวงเงินความคุ้มครองสะสมในแต่ละปี
หรือแต่ละช่วงระยะเวลาแต่ประการใด
ส่วนกลวิธีฉ้อฉลที่หลากหลายนั้นไม่ส่งผลทำให้แยกออกเป็นหลายเหตุการณ์ได้
เนื่องจากทุกกลวิธีล้วนมีจุดประสงค์เดียวกัน คือ
การนำเงินของนายจ้างไปโดยทุจริตของลูกจ้างรายเดียวกันนั่นเอง ศาลจึงพิพากษาให้บริษัทประกันภัยรับผิดชดใช้เพียงหนึ่งเหตุการณ์เป็นจำนวนเงิน
100,000 ดอลล่าร์สหรัฐ
(อ้างอิงจากคดี Wausau Business Ins. Co. v. US Motels Management, Inc., 341 F. Supp. 2d 1180 (D. Colo. 2004))
คดีศึกษาที่สาม
ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งได้ทำประกันภัยความไม่ซื่อสัตย์ของลูกจ้างรายปีสองฉบับเป็นระยะเวลาต่อเนื่องกันในช่วงระหว่างเดือนเมษายน
ค.ศ. 1996 ถึง ค.ศ.
1998 โดยมีวงเงินความคุ้มครองสูงสุด 25,000 ดอลล่าร์สหรัฐ
ต่อเหตุการณ์ (Occurrence) แต่ละครั้ง
ช่วงปลายปี
ค.ศ. 1997 นายจ้างรายนี้สามารถตรวจเจอการทุจริตของลูกจ้างสองรายซึ่งต่างได้แยกกันกระทำโดยมิได้นัดหมาย
หรือรับรู้ซึ่งกันและกันได้ โดยเป็นช่วงระยะเวลาคาบเกี่ยวทั้งสองกรมธรรม์ประกันภัย
ลูกจ้างคนแรกได้เงินไปประมาณ 32,000 ดอลล่าร์สหรัฐ
และลูกจ้างคนที่สอง 31,000 ดอลล่าร์สหรัฐ
คดีนี้
บริษัทประกันภัยตกลงจะรับผิดเฉพาะช่วงระยะเวลาความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับที่สอง ในวงเงินสูงสุด
25,000 ดอลล่าร์สหรัฐเพียงหนึ่งเหตุการณ์เท่านั้น
ศาลชั้นต้นไม่เห็นด้วย
และวินิจฉัยให้บริษัทประกันภัยรับผิดช่วงระยะเวลาความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับแรกด้วย
เพราะจากพยานหลักฐานที่ปรากฏ การกระทำความผิดส่วนใหญ่ได้เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้
คดีได้ขึ้นสู่ชั้นศาลอุทธรณ์
ซึ่งศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องกับการตีความหมายของคำจำกัดความ “เหตุการณ์ (occurrence)”
ของบริษัทประกันภัยที่อ้างข้อความ “เกี่ยวข้องกับลูกจ้างหนึ่งราย
หรือหลายรายซึ่งก่อให้เกิดผลจากการกระทำเพียงครั้งเดียว หรือหลายครั้งต่อเนื่องกัน
(series of acts)” นั้น หมายความถึง ลูกจ้างทำคนเดียว หรือทำหลายคนร่วมกัน หรือต่างคนต่างทำ
ล้วนถือเป็นเหตุการณ์เดียวกันทั้งหมด ศาลอุทธรณ์เห็นว่า น่าจะหมายความถึง
เพียงการกระทำของลูกจ้างหลายรายที่เกี่ยวข้องสมรู้ร่วมคิดกันเท่านั้น
มิใช่หมายความรวมไปถึงลูกจ้างที่ต่างกระทำโดยไม่ได้สมคบกันด้วย
จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้บริษัทประกันภัยรับผิดทั้งสองเหตุการณ์ดังกล่าว
(อ้างอิงจากคดี Ran-Nan, Inc. v.
General Accident Insurance Company of American, 252 F. 3d 738 (5th Cir. 2001))
ข้อสรุป
จากคดีศึกษาทั้งสามคดีประกอบกับข้อกำหนดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยเอง
แสดงถึงจุดประสงค์ของผู้ร่างกรมธรรม์ประกันภัยที่ต้องการจำกัดความรับผิดของตนเองอยู่เพียงหนึ่งเหตุการณ์
และวงเงินความคุ้มครองสูงสุดเดียวเท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงจำนวนระยะเวลาประกันภัยที่ต่อเนื่องคาบเกี่ยวกัน
ซึ่งแนวคำพิพากษาของศาลต่างประเทศส่วนใหญ่ก็ตีความหมายสอดคล้องกัน อาจมีศาลต่างประเทศส่วนน้อยที่ตีความให้วงเงินความคุ้มครองสามารถสะสมเพิ่มขึ้นตามระยะเวลาประกันภัย
อย่างไรก็ดี
จำต้องพิจารณาข้อความจริงแต่ละคดีประกอบกับถ้อยคำของกรมธรรม์ประกันภัยแต่ละฉบับด้วย
ซึ่งยังมิได้มีมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด
ในคำถามของบทความเรื่องนี้ตอนที่หนึ่ง
คำตอบข้อ 2) 50,000 บาท น่าจะถูกต้องที่สุดแล้ว
เรื่องต่อไป
ผู้ขับขี่ขับรถไป รถเกิดน้ำมันหมดกลางทาง จึงจอดรถและวิ่งข้ามถนนไปขอความช่วยเหลือ
แล้วถูกรถคันอื่นชน ถือเป็นอุบัติเหตุเนื่องจากการใช้รถของตนเองหรือไม่?
บริการ
- รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
-
รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com
ประกันภัยเป็นเรื่อง http://vivatchaia.blogspot.com
พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook
Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น