(ตอนที่สาม)
นายหน้าประกันวินาศภัยไม่ทำหน้าที่ในการอธิบายเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัย
นายหน้าประกันวินาศภัยรายหนึ่งได้รับมอบหมายจากผู้ขอเอาประกันภัยให้จัดทำประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก
(Business Interruption Insurance) อันเป็นผลสืบเนื่องจากความเสียหายของทรัพย์สินของผู้ขอเอาประกันภัย
โดยผู้ขอเอาประกันภัยแจ้งว่า หากเกิดความเสียหายขึ้นมา
น่าจะใช้เวลาในการทำให้ธุรกิจกลับคืนสู่สถานะทางการเงินดังเดิมภายในระยะเวลาหกเดือน
(Indemnity Period) และตั้งประมาณการผลกำไรขั้นต้นรายปี (Estimated
Annual Gross Profit) ไว้ที่ 100,000 ดอลล่าร์สหรัฐ
ในเวลาไปจัดทำประกันภัยในนามของผู้ขอเอาประกันภัย
นายหน้าประกันวินาศภัยรายนี้กลับไปกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยของผลกำไรขั้นต้นไว้เพียง
51,000 ดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของตัวเลขที่ผู้ขอเอาประกันภัยต้องการ
ทั้งยังแจ้งต่ออายุความคุ้มครองทุกปีด้วยตัวเลขเท่าเดิม
ต่อมา ได้เกิดไฟไหม้สร้างความเสียหายแก่สถานประกอบการของผู้เอาประกันภัยรายนี้จนทำให้ธุรกิจต้องหยุดชะงักลงไป
เป็นตัวเลขความเสียหายทางการเงินที่ควรจะได้รับการชดใช้ตามกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้
รวมทั้งสิ้น 36,605 ดอลล่าร์สหรัฐ แต่เนื่องจากจำนวนเงินเอาประกันภัยนั้นต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงในเวลาเมื่อเกิดความเสียหายนี้ขึ้นมา
ผู้เอาประกันภัยจำต้องรับผิดชอบเองตามส่วน ภายใต้เงื่อนไขการเฉลี่ยความเสียหาย (average
provision) ของกรมธรรม์ประกันภัย ซึ่งคำนวณแล้วเป็นเงิน 16,228
ดอลล่าร์สหรัฐ โดยบริษัทประกันภัยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้เพียง 20,377
ดอลล่าร์สหรัฐ
ผู้เอาประกันภัยจึงนำคดีขึ้นสู่ศาล
เพื่อเรียกร้องให้นายหน้าประกันวินาศภัยรายนี้ชดใช้จำนวนเงินส่วนที่ผู้เอาประกันภัยมิได้รับการชดใช้จากบริษัทประกันภัย
โดยกล่าวหาว่า นายหน้าประกันวินาศภัยของตนมิได้ชี้แจงให้รับทราบถึงเงื่อนไขการเฉลี่ยความเสียหาย
(average provision)
ในกรณีการทำประกันภัยต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง (Under Insurance)
ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า
นายหน้าประกันวินาศภัยรายนี้มิได้ทำหน้าที่ในฐานะเป็นตัวแทนที่ดีของผู้เอาประกันภัย
ในการชี้ช่อง หรืออธิบายเงื่อนไขความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัยได้เข้าใจอย่างชัดเจน
โดยเฉพาะเงื่อนไขการเฉลี่ยความเสียหาย (average provision) จนส่งผลทำให้ผู้เอาประกันภัยไม่สามารถได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอย่างเต็มที่ดังกล่าว
นายหน้าประกันวินาศภัยรายนี้จึงต้องรับผิดชดใช้จำนวนเงินส่วนที่ขาดให้แก่ผู้เอาประกันภัย
อ้างถึงคดี J O'Conner and Sons Pty Ltd v
Spunfine Pty Ltd, Macaray Pty Ltd and MMI General Insurance Limited [1998] ATCSC 69 at 5
หมายเหตุ : โดยหลักการ ถึงแม้จะได้กำหนดระยะเวลาการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
(Indemnity Period) อยู่ที่หกเดือน
แต่ก็ต้องกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยของผลกำไรขั้นต้นไว้เป็นตัวเลขสิบสองเดือนเสมอ
ทั้งเวลาต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัยแต่ละคราว
จะต้องทบทวนจำนวนเงินเอาประกันภัยทุกครั้งไปด้วย มิฉะนั้น
จะส่งผลทำให้จำนวนเงินเอาประกันภัยต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงได้
แล้วในเมื่อกรมธรรม์ประกันภัยก็อยู่ในมือของผู้เอาประกันภัย
นายหน้าประกันวินาศภัยจะอ้างกลับบ้างได้ไหมว่า ทำไมผู้เอาประกันภัยถึงไม่อ่านกรมธรรม์ประกันภัยเอง
ถ้าไม่เข้าใจตรงไหน ก็บอกมา มิเช่นนั้น กลายเป็นว่า
นายหน้าประกันวินาศภัยจะต้องมานั่งอธิบายรายละเอียดกันทุกเงื่อนไขหรืออย่างไร?
คุณคิดว่า ศาลจะรับฟัง
หรือเห็นใจนายหน้าประกันวินาศภัยบ้างไหมครับ? อดใจรออ่านตอนต่อไปนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น