เรื่องที่ 117: ความคุ้มครองการประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักอันสืบเนื่องจากไวรัสโรคติดต่อ
(Business
Interruption Insurance Coverage stemming from Communicable Diseases)
(ตอนที่สอง)
กรณีที่ศาลตีความว่า การปนเปื้อนไวรัสโควิด – 19 ก่อให้เกิดความเสียหายทางกายภาพแก่ทรัพย์สินที่เอาประกันภัย
และมิได้ตกอยู่ในข้อยกเว้น ก็จะได้รับความคุ้มครองภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยทรัพย์สิน แบบสรรพภัย แต่ค่าสินไหมทดแทนที่จะได้รับคงเป็นเพียงค่าใช้จ่ายทำความสะอาดเท่านั้น
โดยไม่จำต้องอาศัยเงื่อนไขพิเศษอื่น ๆ มาช่วย
สำหรับประเด็นที่ทิ้งท้ายไว้
คือ กรณีทรัพย์สินที่เอาประกันภัยไว้ของผู้เอาประกันภัยไม่เสียหาย
ก)
แต่จำต้องหยุดประกอบกิจการไป
เนื่องจากมีคำสั่งจากหน่วยงานราชการห้ามมิให้ประกอบกิจการ หรือ
ข)
พื้นที่ใกล้เคียงมีความเสี่ยงภัยจากไวรัสโควิด-19 เลยส่งผลทำให้ลูกค้าที่เคยเข้ามาใช้บริการหายหน้าไป
ธุรกิจจึงพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย
เช่นนี้
จะสามารถได้รับความคุ้มครองภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักของตนได้หรือเปล่าหนอ?
กรณีเหล่านี้ต้องอาศัยเงื่อนไขพิเศษต่าง
ๆ เข้ามาช่วยในการขยายความคุ้มครองเสริมเพิ่มเติม แต่ทั้งนี้
จะต้องส่งผลกระทบโดยตรงทางธุรกิจที่เอาประกันภัยไว้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น
(1)
เงื่อนไขพิเศษว่าด้วยโรคภัยต่าง ๆ ที่ต้องรายงาน (Notifiable
Diseases Clause)
ถ้อยคำที่ใช้กันอยู่ในตลาดประกันภัยจะแบ่งออกได้เป็นสองลักษณะ
ได้แก่ ลักษณะถ้อยคำที่จำกัดเฉพาะโรคภัยต่าง ๆ ที่ระบุไว้เท่านั้น
ซึ่งไม่ได้รวมถึงไวรัสโควิด – 19 แน่ ๆ
เนื่องจากเป็นโรคระบาดใหม่เพิ่งถูกค้นพบเวลานี้ และลักษณะถ้อยคำที่ไม่จำกัดโรคภัย
หากใช้เงื่อนไขพิเศษนี้เป็นลักษณะถ้อยคำที่ไม่จำกัดโรคภัย ถือว่ารวมถึงไวรัสโควิด – 19 ด้วย
ซึ่งได้สร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินที่เอาประกันภัยในลักษณะความเสียหายทางกายภาพ
ทั้งยังทำให้ธุรกิจที่เอาประกันภัยหยุดชะงักไป เช่นนี้ จะได้รับความคุ้มครองทั้งกรมธรรม์ประกันภัยทรัพย์สิน แบบสรรพภัย และภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก
(2) เงื่อนไขพิเศษว่าด้วยคำสั่งของหน่วยงานราชการ (Public/Civil Authority Clause)
การที่เจ้าหน้าที่รัฐมีคำสั่งห้ามเข้าอาณาบริเวณสถานที่เอาประกันภัยหรืออาณาเขตใกล้เคียงภายในระยะรัศมีที่กำหนดไว้
อันมีสาเหตุจากภัยที่คุ้มครองด้วยหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับถ้อยคำของเงื่อนไขพิเศษนี้เช่นกัน
ถ้าไม่จำกัดถึงภัยที่คุ้มครองไว้ ก็ถือว่า สามารถให้ความคุ้มครองถึงได้
(3) เงื่อนไขพิเศษว่าด้วยการปิดกั้นหรือการห้ามเข้า-ออกสถานที่ประกันภัย (Prevention/Denial of Access Clause)
เกิดความเสียหายแก่สถานที่อื่นใกล้กับสถานที่เอาประกันภัย
ซึ่งส่งผลทำให้ไม่สามารถเข้าออกสถานที่เอาประกันภัยได้ ภายในรัศมีที่กำหนด ส่วนจะต้องมีสาเหตุจากภัยที่คุ้มครองด้วยหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับถ้อยคำของเงื่อนไขพิเศษนี้เช่นกัน
ถ้าไม่จำกัดถึงภัยที่คุ้มครองไว้ ก็ถือว่า สามารถให้ความคุ้มครองถึงได้
(4)
เงื่อนไขพิเศษว่าด้วยความเสียหายแก่สถานที่พึ่งพา (Loss of
Attraction Clause)
คล้ายกับข้อ (3) ต่างตรงที่สถานที่เอาประกันภัยจำต้องอาศัยพึ่งพาสถานที่หลักอื่นเพื่อประกอบธุรกิจที่ประกันภัย
เช่น ร้านค้าซึ่งเป็นสถานที่เอาประกันภัยตั้งอยู่ในศูนย์การค้า หรืออยู่ใกล้กับสวนสนุก
แม้ร้านค้านั้นไม่เสียหาย แต่ศูนย์การค้าหรือสวนสนุกดังกล่าวได้รับความเสียหายจนต้องปิดกิจการชั่วคราว
และส่งผลกระทบทางการเงินต่อร้านค้านั้น เป็นต้น ปัจจุบันนี้ ถ้อยคำค่อนข้างจำกัด
คือ นอกจากสถานที่พึ่งพาดังกล่าวจะต้องเสียหายจากภัยที่คุ้มครองแล้ว
ยังกำหนดอาณาเขตระยะห่างจากร้านค้าที่เอาประกันภัยเอาไว้อีก
เนื่องจากเคยได้รับบทเรียนมาแล้วครั้งสมัยเหตุการณ์สึนามิ
ผู้เชี่ยวชาญประกันภัยต่างประเทศหลายท่านแสดงความเห็นว่า ถึงแม้อาจได้รับความคุ้มครองภายใต้เงื่อนไขพิเศษต่าง ๆ ข้างต้น แต่เชื่อว่า ค่าเสียหายคงไม่สูงมาก เพราะเพียงจะได้รับการชดใช้เฉพาะค่าเสียหายโดยตรงที่เกิดขึ้นจากภัยของไวรัสโควิด – 19 (หากคุ้มครอง) เท่านั้น
ทำให้ช่วงนี้ ผมได้รับคำถามจากบางท่านสอบถามมาว่า จะสามารถปรับลดทุนประกันภัยของกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักได้ไหม? เพราะถึงอย่างไรก็ตาม ผลประกอบการคงไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้แน่ ๆ
ผมขอแนะนำว่า หากปรับลดผลประกอบการลงจากเดิมไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่ง
ก็ไม่จำเป็น เพราะเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักฉบับมาตรฐานบ้านเรา ภายใต้ข้อกำหนดเฉพาะแบบที่ 1 กำไรขั้นต้น
(เกณฑ์ผลต่าง) หรือแบบอื่น ๆ แม้ไม่ขอปรับลดทุนประกันภัยระหว่างปี ก็เปิดช่องให้สามารถรับชำระเบี้ยประกันภัยคืนได้ไม่เกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว
ดังระบุไว้ในบันทึกข้อที่
2 เงื่อนไขว่าด้วยการคืนเบี้ยประกันภัย
สิ่งที่ผมเป็นห่วงแทนมากกว่าจะเป็นเรื่องเงื่อนไขการระงับไปแห่งสัญญาประกันภัยมากกว่า
โดยเฉพาะกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงแล้วทำให้มีความเสี่ยงภัยเพิ่มขึ้น ความคุ้มครองทั้งหมดจะจบสิ้นลงทันที
ซึ่งปัญหาการตีความว่า การลดกำลังการผลิต การหยุดประกอบกิจการชั่วคราว หรือการเปลี่ยนไปประกอบธุรกิจอื่น
จะถือว่า จะส่งผลทำให้สัญญาประกันภัยสิ้นสุดลงหรือไม่? ยังมีข้อถกเถียงกันอยู่มากมาย
และทุกครั้งที่ผมได้ตั้งประเด็นคำถามเหล่านี้ขึ้นมาเวลาอบรมให้ความรู้
ขอให้สอบถามให้มั่นใจจากตัวแทนหรือนายหน้าประกันวินาศภัยของท่าน
หรือบริษัทประกันภัยของท่านโดยตรง เพื่อความมั่นใจ อย่าเป็นเพียงแค่คุยด้วยวาจาเท่านั้นนะครับ
เพราะเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัยเองได้ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงที่จะมีผลบังคับได้จะต้องอยู่ในรูปของเอกสารประกันภัยเท่านั้น
เอาใจช่วยครับ
ส่วนเรื่องต่อไปจะเกี่ยวกับอะไร?
โปรดรอติดตามก็แล้วกันครับ
บริการ
- รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
- รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย
(อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ
vivatchai.amornkul@gmail.com
อ่านบทความอีกชุดที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน
พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น