เรื่องที่ 116: การตีความความเสียหายทางกายภาพกับการปนเปื้อนจากไวรัสโรคติดต่อ
(Physical
Damage associated with Communicable Diseases)
(ตอนที่สอง)
เพลานี้ ณ
ประเทศสหรัฐอเมริกาที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ขยายวงกว้างมากขึ้น
และสร้างความเสียหายทั้งต่อชีวิตกับทรัพย์สินเป็นลำดับ
ด้านการประกันภัย
มีผู้เชี่ยวชาญมากมายจากทั้งฝ่ายบริษัทประกันภัยกับผู้เอาประกันภัยออกมาให้ความเห็นต่าง
ๆ นา นา ถกเถียงกันว่า ความเสียหายที่มีสาเหตุมาจากไวรัสโควิด-19
นี้จะได้รับความคุ้มครองภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยประเภทต่าง ๆ
หรือไม่? โดยฝ่ายบริษัทประกันภัยตอบปฏิเสธ ขณะที่ฝ่ายผู้เอาประกันภัยต่อสู้ว่า
น่าจะคุ้มครองให้ เพราะต่างได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดเมืองจนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว
บางรายได้ทำการฟ้องร้องบริษัทประกันภัยบ้างแล้ว
ทั้งในส่วนของผู้โดยสารบางรายของเรือสำราญที่ติดไวรัสดังกล่าวได้ยื่นฟ้องเจ้าของเรือให้รับผิด
เจ้าของภัตตาคารที่ได้รับผลกระทบซึ่งได้ยื่นฟ้องให้บริษัทประกันภัยรับผิดภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยทรัพย์สินและกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก
แต่กว่าคดีจะสิ้นสุด ทั้งสองฝ่ายคงต้องเหนื่อยอีกนาน
อย่างไรก็ดี
สมาชิกสภาผู้แทนบางรัฐได้พยายามขอปรับแก้กฎหมายเพื่อให้บริษัทประกันภัยสามารถให้ความคุ้มครองได้
โดยกะให้คุ้มครองย้อนหลังไปตั้งแต่เวลาการเริ่มแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าวโน่นเลย
ทั้งหมดคงจำต้องรอฟังผลต่อไป
เราลองมาพิจารณาประเด็นข้อถกเถียงของทั้งสองฝ่าย
สำหรับกรมธรรม์ประกันภัยทรัพย์สินกันก่อนนะครับ
โดยต่างได้พยายามหยิบยกแนวคำพิพากษาศาลในคดีที่ผ่านมาเทียบเคียงถึงความหมายของ “ความเสียหายทางกายภาพ
(Physical
Damage)”
ซึ่งส่วนของศาลเอง
ก็ได้มีความเห็นแตกต่างออกเป็นสองแนวทางเช่นเดียวกัน
ก.
การตีความแบบแคบ
ความสูญเสียหรือความเสียหายทางกายภาพ
(Physical
Loss or Damage) หมายความถึง
การที่มีปัจจัยภายนอกมาเปลี่ยนแปลงสภาพน่าพึงพอใจแต่แรกไปเป็นสภาพไม่น่าพึงพอใจภายหลัง
และมิได้รวมถึงการที่มีสภาพไม่น่าพึงพอใจอยู่แล้วแต่ดั้งเดิม ทั้งนี้
การเปลี่ยนแปลงสภาพนั้นจะต้องสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า หรือสัมผัสได้ด้วย ซึ่งเรียกว่าเป็น
“ความเสียหายที่มองเห็นได้ (Tangible Damage)”
ยกตัวอย่างเช่น
1) คดี Universal Image Prods. v. Chubb
Corp., 703 F. Supp. 2d 705 (E.D. Mich. 2010) ไม่ถือว่า กลิ่น
หรือเชื้อรากับแบคทีเรียที่อยู่ในระบบระบายอากาศนั้นเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสียหายทางกายภาพต่อทรัพย์สินที่เอาประกันภัย
2) คดี Great
N. Ins. Co. v. Benjamin Franklin Fed. Sav. & Loan Ass’n, 793 F. Supp. 259
(D. Or. 1990) ไม่ถือว่า การปนเปื้อนแร่ใยหินเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสียหายทางกายภาพต่อตัวอาคารที่เอาประกันภัย
เพราะอาคารนั้นยังคงอยู่ในสภาพปกติเช่นเดิม
ข.
การตีความแบบกว้าง
ความสูญเสียหรือความเสียหายทางกายภาพ
(Physical
Loss or Damage) หมายความถึง การที่มีปัจจัยภายนอกมาเปลี่ยนแปลงสภาพ
โดยไม่จำกัดเพียงเฉพาะมองได้ด้วยตาเปล่า หรือสัมผัสได้เท่านั้น อาจจะสัมผัสทางกลิ่นหรือรสก็ได้
นอกจากนี้ ยังหมายความรวมไปถึงการอยู่อาศัยไม่ได้ (Uninhabitable) หรือ การใช้งานไม่ได้อย่างชัดเจน (Substantially Unusable) อันเรียกรวมกันว่า “การสูญเสียประโยชน์จากการใช้สอย
(Loss
of Use)” หรือกระทั่งส่งผลทำให้มูลค่าของทรัพย์สินนั้นลดลงไป
(Diminution
of Value) ซึ่งอาจเป็นความสูญเสียหรือความเสียหายโดยตรงทางกายภาพขึ้นมาได้
แม้จะไม่ปรากฏร่องรอยความเสียหายทางกายภาพต่อตัวทรัพย์สินที่เอาประกันภัยนั้นก็ตาม
โดยเรียกว่า “ความเสียหายที่มองไม่เห็น (Intangible Damage)”
ยกตัวอย่างเช่น
1) คดี Farmers Insurance Co. of Oregon v.
Trutanich, 858 P.2d 1332, 1335 (Or. Ct. App. 1993) บ้านของผู้เอาประกันภัยถูกอบด้วยกลิ่นสารเคมีอันตรายอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน
และแทรกซึมเข้าไปอยู่ในสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งศาลวินิจฉัยว่า
บ้านของผู้เอาประกันภัยได้รับความเสียหายทางกายภาพแล้ว ดังนั้น
ค่าใช้จ่ายในการกำจัดกลิ่น จึงถือเป็นการแก้ปัญหาโดยตรง
อันสืบเนื่องมาจากความสูญเสียโดยตรงทางกายภาพเช่นกัน
2) คดี Motorists
Mutual Ins. Co. v. Hardinger, 131 Fed.Appx. 823, 825-27 (3d Cir. 2005) ศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้น โดยวินิจฉัยว่า บ่อน้ำ ณ
บ้านหลังใหม่ของผู้เอาประกันภัยมีแบคทีเรียอีโคไล (E-Coli) ปนเปื้อนอยู่
อันส่งผลทำให้การพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นของผู้เอาประกันภัยไม่ปลอดภัยแก่การพักอยู่อาศัยได้ตามวัตถุประสงค์
ถือเสมือนหนึ่งเป็นความสูญเสียโดยตรงทางกายภาพโดยสิ้นเชิงแล้ว
ฉะนั้น
ค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งปนเปื้อนอยู่ที่ตัวทรัพย์สินที่เอาประกันภัยก็อาจมีความเป็นไปได้ในการที่จะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนได้
โดยทั้งนี้จะต้องไม่ตกอยู่ภายใต้ข้อยกเว้นเรื่องการปนเปื้อน หรือมลภาวะด้วย
ซึ่งผู้เชี่ยวชาญฝ่ายของผู้เอาประกันภัยเองก็กำลังลุ้นอยู่
ตัวอย่างคดีทั้งสองแนวทางนั้นยังมีอยู่หลากหลาย
เอาไว้จะนำมากล่าวถึงในโอกาสต่อไปนะครับ
ส่วนแนวทางการตีความของศาลไทยหรือกระทั่งของบริษัทประกันภัยเองในประเด็นความสูญเสียหรือความเสียหายทางกายภาพจะเป็นเช่นไรนั้น?
ยังไม่เห็นความชัดเจนมากนัก แต่หากลองเทียบเคียงกับแนวทางการชดใช้น้ำท่วมรถยนต์ของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์
ภาคสมัครใจ ประเภทหนึ่ง ซึ่งจัดแบ่งเป็นระดับของการท่วมของน้ำแล้ว ส่วนตัวอยากเชื่อว่า
แนวทางการตีความน่าจะเป็นแบบกว้างนะครับ
หลังจากผ่านด่านความคุ้มครองเรื่องความสูญเสียหรือความเสียหายทางกายภาพมาได้
ตอนต่อไป ก็จะขยับไปลองลุ้นกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักในสัปดาห์หน้ากันนะครับ
บริการ
-
รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
- รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ
vivatchai.amornkul@gmail.com
อ่านบทความอีกชุดที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน
พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet
Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/