เรื่องที่ 114: ธนาคาร
หรือศูนย์การค้าจำต้องรับผิดตามกฎหมายหรือเปล่าที่มีโจรเข้าไปจี้ปล้น?
(ตอนที่หนึ่ง)
เราท่านอาจเคยรับฟังข่าวโจรจี้ชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ
ชิงเงินในธนาคาร หรือชิงทองในร้านทองกันหลายครั้งหลายครากันแล้ว
แต่ก็ไม่มีครั้งใดที่สร้างกระแสความรู้สึกร่วมกันมากเท่ากับเหตุการณ์สะเทือนใจที่คนร้ายเข้าไปจี้ชิงทอง
พร้อมยิงผุ้คนจนตายและเจ็บหลายคน ณ ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เมื่อช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา
แม้ในที่สุดคนร้ายก็ไม่อาจหลุดรอดเงื้อมมือกฎหมายไปได้
ผมคงขอผ่านข่าวคราวเรื่องนี้ไป
เพราะเชื่อว่า หลายท่านได้รับทราบรายละเอียดหลายแง่มุมบ้างแล้ว
แต่จะขอนำเสนอในแง่มุมบางมุมของการประกันภัยกันบ้าง โดยบางท่านได้สนใจใคร่รู้ว่า
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ถือเป็นความประมาทเลินเล่อของห้างสรรพสินค้าที่ปล่อยให้คนร้ายเข้าไปกระทำการดังกล่าวได้หรือไม่? หากใช่ กรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายที่ทำเอาไว้ก็น่าจะให้ความคุ้มครองแก่ผู้ต้องสูญเสีย
หรือเสียหายได้ใช่ไหม?
เท่าที่ได้ไปค้นคว้าดูทั้งของบ้านเราและต่างประเทศ
ผมได้ข้อมูลมาพอสรุป ดังนี้
ก่อนอื่นจำต้องพิจารณาแนวคิดของนักกฎหมายต่างประเทศซึ่งมองว่า
เจ้าของสถานที่ (หรือผู้ครอบครอง) อาจมีความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลอื่นจากการที่มิได้จัดการดูแลรักษาความปลอดภัย
(Duty of Care บุคคลมีหน้าที่พึงระวังไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น
แต่ในที่นี้ผมขอแปลว่า การที่มิได้จัดการดูแลรักษาความปลอดภัยแก่ผู้อื่น)
ภายในสถานที่ของตนได้ดีพอ ซึ่งบางประเทศเห็นว่า
อาจรวมถึงกรณีที่เกิดเนื่องจากการกระทำโดยเจตนาของคนร้ายที่เข้ามาทำอันตรายต่อบุคคลอื่นในสถานที่ของตนด้วย
ส่วนการที่ผู้เสียหายจะสามารถเรียกร้องค่าชดเชยจากเจ้าของสถานที่นั้นได้หรือไม่?
ขึ้นอยู่กับการพิสูจน์ให้ศาลยอมรับฟังด้วย
บุคคลภายนอกที่เข้ามาในสถานที่นั้น
สามารถจำแนกออกได้เป็น 3 ประเภท โดยจะมีการวางแนวทางระดับการดูแลรักษาความปลอดภัยแตกต่างกันไป กล่าวคือ
1) ผู้มิได้รับเชิญ หรือผู้บุกรุก (Trepasser)
ปกติแล้ว เจ้าของสถานที่ไม่มีหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยแก่บุคคลประเภทนี้ซึ่งเข้ามาในสถานที่นั้นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
ถ้าจะมีก็อยู่ในระดับต่ำที่สุด กรณีเพียงแค่จะต้องไม่วางกับดัก
หรือกระทำการสิ่งใดโดยเจตนาอันอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้บุกรุกเท่านั้น
แต่ระดับอาจเพิ่มสูงขึ้นได้
หากเป็นผู้บุกรุกซึ่งเจ้าของสถานที่คุ้นเคยกับพฤติกรรมของผู้บุกรุกหน้าเดิมอยู่แล้ว
และละเลยไม่พยายามดำเนินการป้องกันด้วยกลไกทางกฎหมาย ฉะนั้น โดยทั่วไป
ผู้บุกรุกซึ่งถูกคนร้ายเข้ามาทำร้ายภายในสถานที่
จึงไม่สามารถเรียกร้องให้เจ้าของสถานที่นั้นรับผิดได้
2) ผู้ได้รับอนุญาต หรือผู้มาเยือน (Licensee)
บุคคลประเภทนี้ซึ่งเกิดจากความสัมพันธ์ทางสังคมอาจจำแนกย่อยออกได้เป็นสองลักษณะ
ได้แก่ ผู้มาเยือนที่นัดหมาย (Invited
Licensee) เช่น ญาติพี่น้อง เพื่อน คนรู้จัก เป็นต้น กับผู้มาเยือนที่ถือวิสาสะ
(Uninvited Licensee) เช่น พนักงานไปรษณีย์ คนสอบถามเส้นทาง เป็นต้น
เจ้าของสถานที่มีหน้าที่เพียงเตือนถึงจุดพึงระวังอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้
เนื่องจากความไม่คุ้นเคยกับสถานที่ของบุคคลประเภทนี้เท่านั้น คือ อยู่ระดับกลางของการดูแลรักษาความปลอดภัย
เช่นนี้ ในกรณีที่มีคนร้ายบุกเข้ามาทำร้ายผู้มาเยือนจึงมิอาจเรียกร้องให้เจ้าของสถานที่รับผิดได้
เพราะอยู่นอกเหนือการควบคุมของเจ้าของสถานที่นั้นเอง
3) ผู้ได้รับเชิญ (Invitee)
เป็นบุคคลประเภทซึ่งเจ้าของสถานที่จะได้ประโยชน์จากการที่เข้ามาในสถานที่ของตน
โดยแบ่งย่อยออกได้เป็นผู้ได้รับเชิญทั่วไป
(Public Invitee) เช่น
ลูกค้า และผู้ได้รับเชิญทางธุรกิจ
(Business Invitee) เช่น
คู่ค้า พนักงานขาย พนักงานธนาคาร เป็นต้น
เนื่องจากเจ้าของสถานที่มุ่งหวังประโยชน์จากผู้ได้รับเชิญเหล่านี้
จึงจำต้องใช้ระดับการดูแลรักษาความปลอดภัยสูงสุด
ด้วยการเตือนถึงอันตรายที่ตนรับรู้ และจะต้องหมั่นคอยตรวจตราดูแลรักษาความปลอดภัยให้อยู่ในสภาพที่ดี
รวมทั้งการใช้ความระมัดระวังถึงเหตุอันพึงคาดหวังได้กรณีที่อาจมีคนร้ายบุกเข้ามาด้วย
(Foreseeable Third-party Crimes)
เมื่อเราเห็นภาพประเภทของบุคคลที่เข้ามากับระดับการดูรักษาความปลอดภัยของเจ้าของสถานที่ต่อบุคคลเหล่านั้นแล้ว
ต่อไปมาลองดูตัวอย่างคดีศึกษาที่เกิดขึ้นในต่างประเทศกันบ้างในสัปดาห์หน้านะครับ ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในบ้านเราซะทีเดียว
แต่น่าจะเทียบเคียงได้บ้าง
บริการ
-
รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
- รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ
vivatchai.amornkul@gmail.com
อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน
พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet
Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/