วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2562
..... ประกันภัย เป็นเรื่อง .....: เรื่องที่ 106: เรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์จากร้านอาหา...
..... ประกันภัย เป็นเรื่อง .....: เรื่องที่ 106: เรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์จากร้านอาหา...: เรื่องที่ 106: เรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์จากร้านอาหาร ตอนที่ผ่านมาได้ทิ้งท้ายเอาไว้ว่า คุณรับรู้ว่า อาหารไทยนั้นมีรสจัด เผ็ด และแส...
เรื่องที่ 106: เรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์จากร้านอาหาร
ตอนที่ผ่านมาได้ทิ้งท้ายเอาไว้ว่า
คุณรับรู้ว่า อาหารไทยนั้นมีรสจัด เผ็ด และแสบฉุน
เกิดมีคนอื่นผัดพริก คั่วพริก ทำอาหารรสแสบฉุนจนคุณแทบทนไม่ได้
คุณสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากประกันภัยเทียบเคียงกับคดีดังกล่าวได้ไหมเอ่ย?
ปัญหาลักษณะนี้มีพบเห็นได้ทั่วไป ไม่เฉพาะในบ้านเรา
ต่างประเทศก็มี
ลองดูจากตัวอย่างคดีต่างประเทศกันก่อนนะครับ
ในอาคารสำนักงานหลังหนึ่งได้ปล่อยพื้นที่บางส่วนให้เช่าเป็นร้านอาหารสองเจ้าอยู่ติดกัน
สมมุติชื่อว่า ร้าน M กับร้าน C โชคร้ายที่ทั้งสองร้าน
แทนที่จะต่างคนช่วยกันทำมาหากิน กลับมีปัญหาแข่งขันทะเลาะเบาะว้างกันเอง จนพลอยสร้างความเดือดร้อนไปถึงผู้จัดการอาคารและเจ้าของอาคารแห่งนั้นไปด้วย
เมื่อวันดีคืนดี ร้าน C ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องผู้จัดการอาคารและเจ้าของอาคารแห่งนั้นกับร้าน M เป็นจำเลยทั้งที่ต่างกระทำความผิดและร่วมกันกระทำความผิด
ด้วยข้อกล่าวหาต่าง ๆ มากมาย ยกตัวอย่างเช่น ฐานฉ้อโกง (ผู้จัดการอาคารและเจ้าของอาคารแห่งนั้น)
ฐานบุกรุก (ผู้จัดการอาคารและเจ้าของอาคารกับร้าน M) ฐานทำให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ (เจ้าของอาคารกับร้าน M) เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดมีสาเหตุหลักมาจากข้อกล่าวอ้างว่า ร้าน
M ซึ่งได้รับอนุญาตจากผู้จัดการอาคารและเจ้าของอาคารให้สามารถประกอบกิจการทำอาหารชนิดปิ้งย่างได้
ทั้งที่ระบบระบายอากาศมิได้รองรับดีพอ ทำให้เวลาประกอบอาหารชนิดดังกล่าวได้ส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ล่องลอยเข้าไปในร้านอาหารของโจทก์
อันเป็นการรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวและเป็นเหตุให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่โจทก์ถึงขนาดทำให้ทรัพย์สินของโจทก์ได้รับความเสียหาย
และส่งผลสืบเนื่องกระทบต่อรายได้และกำไรของโจทก์ด้วย
จึงขอให้จำเลยหยุดการกระทำดังกล่าวโดยทันทีและให้ชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นให้แก่โจทก์ตามฟ้อง
เนื่องจากร้าน M ได้มีประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอกเชิงพาณิชย์แบบครอบคลุม
(Commercial
General Liability Insurance Policy) โดยระบุให้ทั้งผู้จัดการอาคารและเจ้าของอาคารเป็นผู้เอาประกันภัยร่วมไว้อยู่แล้ว
จึงขอให้บริษัทประกันภัยของตนเข้ามาต่อสู้คดีร่วมด้วย
ศาลได้พิจารณาประเด็นที่นำเสนอสู่ศาลเกี่ยวกับความรับผิดในส่วนของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับดังกล่าว
อันพอสรุปเป็นสองประเด็นได้ ดังนี้
1) เหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน
(Property
Damage) ให้แก่โจทก์ตามข้อกำหนดเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับดังกล่าวหรือไม่?
บริษัทประกันภัยนี้ต่อสู้ว่า กรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้กำหนดคำนิยามของความเสียหายต่อทรัพย์สิน
หมายความถึง ความเสียหายทางกายภาพต่อทรัพย์สินที่มีรูปร่าง (Tangible
Property) ซึ่งรวมถึง ความเสียหายอันเป็นผลจากการขาดประโยชน์ในการใช้ทรัพย์สินนั้นเองด้วย
ถึงแม้จะมิได้เกิดความเสียหายทางกายภาพต่อทรัพย์สินนั้นก็ตาม
กรณีนี้ มิได้เกิดความเสียหายทางกายภาพต่อทรัพย์สินใดของโจทก์เลย มีแต่เพียงกลิ่นเท่านั้นที่อาจทำให้คนที่จะเข้ามาเป็นลูกค้าของโจทก์หนีหน้าไป
แต่โจทก์แย้งว่า คราบน้ำมันที่เกาะติดอยู่ในท่อระบายอากาศที่เกิดจากการประกอบอาหารของจำเลยได้แพร่กระจายสู่พื้นที่ของโจทก์อันอาจก่อภาวะอันตรายเกิดไฟไหม้ขึ้นมาได้
ทั้งยังมีควันพิษกับกลิ่นไม่พึงประสงค์อันใช้ประสาทสัมผัสได้รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ของโจทก์จนสร้างความเสียหายและทำให้โจทก์ไม่สามารถใช้ประโยชน์พื้นที่ส่วนนั้นได้
ซึ่งเข้าอยู่ในความหมายของความเสียหายต่อทรัพย์สินดังที่กำหนดของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับดังกล่าวแล้ว
ศาลมีความเห็นต้องตามคำโต้แย้งของโจทก์
2) ค่าเสียหายตามฟ้อง จำเลยจำต้องชดใช้ให้แก่โจทก์หรือไม่?
บริษัทประกันภัยนี้ต่อสู้ว่า เมื่อทรัพย์สินได้รับความเสียหายดังที่ถูกนิยามเอาไว้แล้ว
กรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้ก็จะให้ความคุ้มครองถึงค่าเสียหายโดยตรงจากความเสียหายนั้น
ในที่นี้ คือ ค่าใช้จ่ายทางการเงินในการทำให้ทรัพย์สินนั้นกลับคืนสู่สภาพดังเดิม
เช่น ค่าซ่อมแซม ค่าเปลี่ยนทดแทน ค่าทำความสะอาด เป็นต้น แต่สิ่งที่โจทก์เรียกร้องมา
กลับมีแต่เพียงเฉพาะความเสียหายทางเศรษฐกิจ (Economic Losses) เท่านั้น โดยมิได้ร้องขอให้มีการชดใช้ค่าซ่อมแซม หรือค่าเปลี่ยนทดแทนต่อความเสียหายของทรัพย์สินใดเลย
อีกทั้งร้านอาหารของโจทก์มิได้ถูกปิดกิจการเนื่องจากกลิ่นไม่พึงประสงค์นั้นเลย
แม้แค่หนึ่งชั่วโมง ยิ่งแสดงอย่างชัดเจนว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่โจทก์นั้น
เป็นเพียงเฉพาะความเสียหายทางเศรษฐกิจเท่านั้น จึงไม่ตกอยู่ในข้อกำหนดเงื่อนไขความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้
ศาลเห็นพ้องกับข้อต่อสู้ของบริษัทประกันภัย วินิจฉัยว่า
บริษัทประกันภัยไม่จำต้องรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยฉบับดังกล่าว
(อ้างอิงและเรียบเรียงจากคดี Travelers Property Casualty
Company of America v. Mixt Greens, Inc., 2014 U.S. Dist. LEXIS
39548 (N.D. Cal. March 25, 2014))
เทียบเคียงกับแนวทางคำพิพากษาศาลฎีกาบ้านเรา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8309/2548
การประกอบกิจการของจำเลยทั้งสองก่อให้เกิดเสียงดังและส่งกลิ่นเหม็นรบกวนสิทธิที่จะอยู่อาศัยในเคหะสถานของโจทก์ทั้งสองโดยปกติสุข
โจทก์ทั้งสองย่อมมีสิทธิที่จะปฏิบัติการเพื่อยังความเสียหาย หรือเดือดร้อนรำคาญให้สิ้นไป
ได้แก่การดำเนินการให้จำเลยทั้งสองหยุดการกระทำที่ก่อให้เกิดเสียงดังและส่งกลิ่นเหม็นหรือหาวิธีป้องกันมิให้เกิดเสียงดังและส่งกลิ่นเหม็นอันเป็นการละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ทั้งสอง
เมื่อศาลมีคำพิพากษาห้ามมิให้จำเลยทั้งสองกระทำการใด
ๆ ที่ก่อให้เกิดเสียงดังและพ่นสีส่งกลิ่นเหม็นสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่โจทก์ทั้งสองแล้ว
หากจำเลยทั้งสองมิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล โจทก์ทั้งสองชอบที่จะให้บังคับคดีได้
ซึ่งย่อมทำให้ความเสียหายหรือเดือดร้อนรำคาญจากเสียงดังและกลิ่นเหม็นนั้นระงับสิ้นไป
ไม่เป็นการละเมิดต่อสิทธิของโจทก์อีกต่อไป
การตั้งโรงงานของจำเลยทั้งสอง แม้จะเป็นการฝ่าฝืนต่อ พ.ร.บ. โรงงาน พ.ศ. 2535 และสมควรจะย้ายไปตั้งในนิคมอุตสาหกรรมตามที่โจทก์อ้างมา ก็เป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสองกระทำผิดต่อรัฐ พนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจหน้าที่กำกับและดูแลจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย โจทก์ทั้งสองไม่มีสิทธิขอให้จำเลยทั้งสองย้ายโรงงานไปอยู่ที่อื่น
ค่าใช้จ่ายในการป้องกันเสียงดังและระงับกลิ่นเหม็น
อันได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเครื่องปรับอากาศในบ้านโจทก์ทั้งสอง ค่าใช้จ่ายในการกู้เงินมาสร้างบ้านอีกหนึ่งหลัง
และค่าใช้จ่ายที่ต้องจ้างคนเฝ้าบ้านนั้น มิใช่ผลธรรมดาที่เกิดจากเหตุกระทำละเมิดของจำเลยทั้งสอง
แต่เป็นความเสียหายที่ไกลเกินเหตุ ซึ่งจำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิด
เรื่องต่อไป เมื่อใดที่หัวใจวายไม่ถือเป็นอุบัติเหตุ?
บริการ
- รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
-
รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com
อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย):
เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่
https://www.facebook.com/pomamornkul/
วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2562
..... ประกันภัย เป็นเรื่อง .....: เรื่องที่ 105: ฉี่ยังมีปัญหา?คราวที่แล้วเราพูดถึ...
..... ประกันภัย เป็นเรื่อง .....: เรื่องที่ 105: ฉี่ยังมีปัญหา?
คราวที่แล้วเราพูดถึ...: เรื่องที่ 105: ฉี่ยังมีปัญหา? คราวที่แล้ว เราพูดถึงปัญหาเรื่องของฉี่คน คราวนี้จะมาพูดถึงฉี่สัตว์กันบ้าง คุณคิดว่า ระหว่างฉี่คนก...
คราวที่แล้วเราพูดถึ...: เรื่องที่ 105: ฉี่ยังมีปัญหา? คราวที่แล้ว เราพูดถึงปัญหาเรื่องของฉี่คน คราวนี้จะมาพูดถึงฉี่สัตว์กันบ้าง คุณคิดว่า ระหว่างฉี่คนก...
เรื่องที่ 105: ฉี่ยังมีปัญหา?
คราวที่แล้ว
เราพูดถึงปัญหาเรื่องของฉี่คน คราวนี้จะมาพูดถึงฉี่สัตว์กันบ้าง
คุณคิดว่า
ระหว่างฉี่คนกับฉี่สัตว์ อันไหนจะเหม็นกว่ากัน?
หากยังนึกไม่ออก งั้นเราลองมาพิจารณาจากเรื่องนี้ก็แล้วกันนะครับ
เจ้าของห้องหนึ่งของคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งซึ่งได้ปล่อยให้เช่า
ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เช่าของตนว่า รู้สึกเหม็นกลิ่นฉี่แมวโชยมาจากชั้นข้างล่าง ถัดมาอีกไม่กี่เดือน
ผู้เช่าแจ้งบอกเลิกสัญญาเช่าเนื่องจากทนกลิ่นฉี่แมวไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เจ้าของห้องนั้นจึงทดลองเข้าไปพัก
ปรากฏได้กลิ่นฉี่แมวโชยมาอย่างรุนแรงจริง ๆ ผ่านมาทางช่องระบบสาธารณูปโภคภายในอาคาร
สันนิษฐานว่า มีห้องข้างล่างแอบเลี้ยงแมวเอาไว้หลายตัว คงมิใช่มาจากแมวเร่ร่อนแน่
เพราะกลิ่นมันแพร่กระจายอย่างต่อเนื่องสะสม
เมื่อผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดได้รับเรื่องร้องเรียนจากเจ้าของห้องนั้น
ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ ก็ยืนยันว่า กลิ่นนั้นสร้างปัญหาต่อสุขภาพอนามัยแก่ผู้อยู่อาศัย
จึงร้องขอให้เจ้าของห้องนั้นย้ายไปพักอาศัยอยู่ที่อื่นชั่วคราว
เพื่อทางนิติบุคคลจะได้มาดำเนินการกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์นั้นให้สิ้นซาก ผลการดำเนินการกลับล้มเหลวไม่สามารถกำจัดกลิ่นดังกล่าวได้
เจ้าของห้องนั้นได้แวะเวียนเข้ามาอาศัยอยู่ในห้องนั้นเป็นครั้งคราว
ระหว่างรอหาผู้เช่ารายใหม่ แต่ก็ไม่มีใครกล้ามาเช่า สุดท้ายจำต้องตัดใจขายห้องนั้นออกไปอย่างขาดทุนมหาศาล
ดังนั้น เจ้าของห้องนั้นได้ยื่นเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยเจ้าบ้านแบบสรรพภัยต่อบริษัทประกันภัยของตน
สำหรับความเสียหายโดยตรงทางกายภาพ (direct physical loss) ต่อทรัพย์สินที่เอาประกันภัยที่เกิดขึ้นดังกล่าวเนื่องด้วยกลิ่นของฉี่แมวแท้
ๆ
ผมคงไม่ขอตั้งคำถามล่ะครับว่า คุณคิดว่า คำตอบของบริษัทประกันภัยจะเป็นเช่นไร?
เพราะเชื่อว่า คุณคงเดาได้ไม่ยาก บริษัทประกันภัยตอบปฏิเสธแน่นอนว่า กลิ่นเหม็นมิอาจก่อให้เกิดความเสียหายทางกายภาพขึ้นมาได้ตามข้อกำหนดของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้
กระนั้น สมมุติถ้าสามารถทำได้ ก็จะตกอยู่ภายใต้ข้อยกเว้นเรื่องมลภาวะอยู่ดี
เรื่องนี้จึงหลีกหนีไม่พ้นที่ผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นเจ้าของห้องนั้นจำต้องไปขอพึ่งบารมีต่อศาล
ศาลชั้นต้นเห็นพ้องกับฝ่ายบริษัทประกันภัย และได้ตัดสินให้ฝ่ายบริษัทประกันภัยชนะคดีไปในยกแรก
เมื่อคดีถูกยื่นตามลำดับจนมาถึงชั้นศาลสูงสุด ศาลสูงสุดได้วินิจฉัยกลับคำพิพากษาของศาลชั้นล่างด้วยการตัดสินเข้าข้างฝ่ายผู้เอาประกันภัย
โดยจำแนกตามประเด็นข้อพิพาทออกมาเป็นข้อ ๆ ได้ ดังนี้
1) ประเด็นความเสียหายโดยตรงทางกายภาพ (Direct
Physical Loss)
ข้อกำหนดความคุ้มครองระบุว่า “คุ้มครองความเสียหายโดยตรงต่อทรัพย์สินที่เอาประกันภัยเพียงเฉพาะที่ความเสียหายนั้นเป็นความเสียหายทางกายภาพเท่านั้น”
การที่ฝ่ายบริษัทประกันภัยต่อสู้ว่า ถึงแม้มิได้มีการกำหนดคำนิยามเอาไว้ว่า
“ความเสียหายโดยตรง” นั้นหมายความถึงสิ่งใด? แต่ในความหมายทั่วไป คือ
จะต้องเป็นการก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อสภาพ สี
หรือรูปร่างของทรัพย์สินที่เอาประกันภัยอย่างมองเห็นได้ชัดเจนเท่านั้น
ศาลสูงสุดเห็นว่า ความเสียหายทางกายภาพไม่ควรถูกจำกัดเพียงเฉพาะกรณีการเปลี่ยนแปลงที่การมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าหรือการสัมผัสจับต้องได้เท่านั้น
แต่ควรรวมไปถึงการใช้ประสาทสัมผัสในการดมกลิ่นด้วย
จริงอยู่ ศาลต่าง ๆ
ยังมีความเห็นแตกต่างในเรื่องการตีความประเด็นนี้
บ้างตีความแบบแคบจำกัดเพียงที่มองเห็นหรือจับต้องได้เท่านั้น
บ้างก็ตีความแบบกว้างอย่างเช่นในคดีนี้ซึ่งรวมถึงประสาทสัมผัสในการดมกลิ่นด้วย
แต่ทั้งนี้ จะต้องแสดงให้รับรู้ได้อย่างชัดเจนด้วยว่า ต้องถึงขนาดส่งผลทำให้ทรัพย์สินที่เอาประกันภัยนั้นไม่อาจใช้งาน
หรือไม่อาจพักอยู่อาศัยได้อีกต่อไปเป็นการชั่วคราว หรืออย่างถาวรด้วย
2) ประเด็นข้อยกเว้นมลภาวะ (Pollution
Exclusion)
ข้อยกเว้นมลภาวะซึ่งระบุไม่คุ้มครองถึง
“การระบายออก การแพร่กระจาย
การรั่วไหล การเคลื่อนตัว การปล่อยออก หรือการเล็ดลอดออกไปของมลพิษ
“มลพิษ (Pollutants)” หมายความถึง สิ่งระคายเคือง
หรือสิ่งปนเปื้อนใด ๆ ที่อยู่ในรูปของของแข็ง ของเหลว ก๊าซ หรือความร้อน รวมทั้งควัน ไอ
เขม่า ไอควัน กรด ด่าง สารเคมี และของเสีย .....”
องค์คณะศาลสูงสุดเสียงข้างมากพิจารณาว่า ถ้อยคำนั้นยังค่อนข้างกำกวม
อาจตีความหมายได้หลากหลาย เพราะหากถือว่า ฉี่แมวอยู่ในความหมายเป็นมลพิษลักษณะของสิ่งระคายเคือง
หรือสิ่งปนเปื้อนซึ่งก่อให้เกิดอันตรายประหนึ่งแอมโมเนียแล้ว จะพลอยส่งผลทำให้สบู่
แชมพู แอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาด หรือน้ำยาชำระล้างต่าง ๆ ซึ่งใช้ประจำวันในการอยู่อาศัยกลายเป็นมลพิษที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
หรือการปนเปื้อนไปด้วยหรือ?
ฉะนั้น มลพิษควรจำกัดอยู่ในกรณีของมลภาวะทางสภาพแวดล้อมในแง่ของกิจการพาณิชย์หรือโรงงานอุตสาหกรรมมากกว่า
ซึ่งเป็นกรณีที่ผู้เอาประกันภัยสามารถเข้าใจได้ตามสมควรว่า
ควรตกอยู่ในข้อยกเว้นดังกล่าวมากกว่าที่จะให้รวมถึงกลิ่นฉี่แมวเข้าไปด้วย ด้วยเหตุนี้ จึงยกประโยชน์แห่งความกำกวมนี้ให้แก่ฝ่ายผู้เอาประกันภัยไป
ขณะที่องค์คณะศาลสูงสุดเสียงข้างน้อยได้ทำความเห็นแย้งว่า
ถ้อยคำของข้อยกเว้นนี้อ่านแล้วเข้าใจได้อย่างชัดเจนตรงตามตัวอักษรซึ่งเขียนว่า “สิ่งระคายเคือง
หรือสิ่งปนเปื้อนใด ๆ” อันหมายความรวมถึงทุกสิ่งอย่าง
โดยไม่มีข้อยกเว้นใดระบุเลยว่า บังคับใช้เฉพาะกิจการพาณิชย์หรือโรงงานอุตสาหกรรมเท่านั้น
(อ้างอิงและเรียบเรียงจากคดี Mellin v. North
Security Insurance Co., Inc., No. 2014-020,
2015 N.H. LEXIS 32 (Apr. 24, 2015))
นั่นคือคดีเกี่ยวกับฉี่ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ
ส่วนศาลไทยจะตีความอย่างไรหากเกิดคดีเช่นนี้ขึ้นมา คงต้องรอดูกันต่อไปนะครับ จะสามารถเทียบเคียงกับคดีฉี่คนได้หรือเปล่า?
แล้วสมมุติกรณีนี้บ้างล่ะ คุณคิดว่า ผลทางคดีจะออกมาเช่นไร?
คุณรับรู้ว่า อาหารไทยนั้นมีรสจัด เผ็ด และแสบฉุน
เกิดมีคนอื่นผัดพริก คั่วพริก ทำอาหารรสแสบฉุนจนคุณแทบทนไม่ได้
คุณสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากประกันภัยเทียบเคียงกับคดีดังกล่าวได้ไหมเอ่ย?
อยากรู้ ต้องรอติดตามตอนหน้าครับ
บริการ
- รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
-
รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com
อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย):
เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่
https://www.facebook.com/pomamornkul/
วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2562
..... ประกันภัย เป็นเรื่อง .....: เรื่องที่ 104: ความเสียหายต่อตัวรถยนต์ที่ลังเลจะนำ...
..... ประกันภัย เป็นเรื่อง .....: เรื่องที่ 104: ความเสียหายต่อตัวรถยนต์ที่ลังเลจะนำ...: เรื่องที่ 104: ความเสียหายต่อตัวรถยนต์ที่ลังเลจะนำเสนอดีไหมหนอ ? – เหตุเกิดบนรถแท็กซี่ (ตอนที่สอง) เมื่อคนขับรถแท็กซี่ผู้เอาประ...
เรื่องที่ 104: ความเสียหายต่อตัวรถยนต์ที่ลังเลจะนำเสนอดีไหมหนอ? – เหตุเกิดบนรถแท็กซี่
(ตอนที่สอง)
เมื่อคนขับรถแท็กซี่ผู้เอาประกันภัยได้ยื่นเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนต่อบริษัทประกันภัยของตน
ได้ถูกปฏิเสธกลับมาว่า รถยนต์คันที่เอาประกันภัยมิได้เกิดความเสียหายแต่ประการใด
แค่ทำความสะอาดล้างคราบสกปรกออกก็จบแล้ว
ผู้เอาประกันภัยโต้แย้งว่า
ถ้าเป็นกรณีผู้โดยสารทำน้ำเปล่า หรือกาแฟหก ผมคงไม่มาเรียกร้องให้เสียเวลาหรอก
แต่นี่เป็นน้ำฉี่นะ ไหลออกมาเยอะด้วยจนแทรกซึมเข้าไปในเบาะ ในพรมปูพื้น เจิ่งนองพื้นรถเลย ผมพยายามรีบเช็ดเท่าที่ทำได้แล้ว
กลิ่นก็ยังอยู่ มันสามารถส่งกลิ่นอันไม่พึงประสงค์อยู่ได้หลายวันเลยล่ะ
ถ้าไม่ทำความสะอาดให้หมดจดจริง ๆ พี่ลองนึกดูสิ
รถรับจ้างสาธารณะจำต้องดูแลรักษาสุขอนามัยที่ดีด้วย มิฉะนั้น
ผู้โดยสารคนไหนอยากจะขึ้นรถผม
ครั้งหนึ่ง ผมเคยรับผู้โดยสารรายหนึ่งกลิ่นตัวแรงมาก
ภายหลังจากเขาลงจากรถไปแล้ว กลิ่นยังลอยตลบอบอวลอยู่ในรถผมอยู่เล้ย พอมีผู้โดยสารรายอื่นโบกเรียก ครั้นพอเปิดประตูรถ
ยังไม่ทันพูดอะไรเลย ก็ผงะหนีกลิ่นที่โชยออกมาทุกราย ขนาดผมแย้มกระจกไล่ก็เอาไม่อยู่
วันนั้นไม่มีใครกล้าขึ้นรถผมเลย สุดท้ายไม่มีทางเลือกจำต้องเข้าอู่ทำความสะอาดยกใหญ่
ตัวผมเองพอทนรับกลิ่นได้โดยอาศัยหลอดยาดมเสียบรูจมูกสลับไปมาทั้งสองข้าง
แต่ผู้โดยสารเขามีทางเลือก เขาไม่ยอมขึ้นรถผมหรอก
ตั้งแต่นั้นมา
ถ้าผู้โดยสารรายไหนถือกระปิ น้ำปลา หิ้วปลาเค็ม หรือทุเรียนจะขึ้นรถ
หรือพอได้กลิ่นแปลกปลอมโชยมา ผมก็รีบตัดบทบอกปฏิเสธไม่รับเหมือนกัน
แม้อาจจะถูกร้องเรียนภายหลังก็ตาม ผมยอมเสียค่าปรับนะ
คิดว่าคุ้มกว่าที่จะเสียโอกาสรับผู้โดยสารอื่นทั้งวัน
เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างตกลงกันไม่ได้
จึงเกิดเป็นคดีขึ้นสู่ศาล
ศาลชั้นต้นเห็นด้วยกับบริษัทประกันภัยที่ว่า
รถแท็กซี่คันที่เอาประกันภัยไม่เกิดความเสียหายขึ้น
อันจะทำให้บริษัทประกันภัยจำต้องรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจฉบับดังกล่าว
เพราะสามารถทำให้กลับคืนสู่สภาพดังเดิมอย่างง่ายดายและอย่างรวดเร็ว
แต่ศาลอุทธรณ์กลับเห็นว่า เมื่อมิได้กำหนดคำนิยามเฉพาะของความเสียหายเอาไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยฉบับดังกล่าว
ความเสียหายจึงหมายความรวมถึงการที่ทรัพย์สินนั้นไร้ประโยชน์ไม่สามารถใช้งานได้ชั่วคราว
(temporarily rendered unusable) โดยที่ก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายในการทำให้กลับคืนสู่สภาพดังเดิมด้วย ซึ่งศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกับเหตุผลคำชี้แจงดังกล่าวของผู้เอาประกันภัย
จึงพิพากษาให้บริษัทประกันภัยรับผิดตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับดังกล่าว
เหตุผลที่ผมรู้สึกลังเลใจในการนำเสนอเรื่องนี้เนื่องจากมิได้เกี่ยวกับการประกันภัยโดยตรง
แต่สามารถเทียบเคียงได้
1) โดยอ้างอิงมาจากคดี
King v
Lees (1948) 65 TLR 21 ของประเทศอังกฤษ
ซึ่งอาจดูเก่าไป แต่ยังมีการอ้างอิงถึงในต่างประเทศกันอยู่ และแม้เป็นคดีอาญาเกี่ยวกับการประมาททำให้เสียทรัพย์
ซึ่งแตกต่างจากของบ้านเราที่จำกัดเฉพาะกรณีความผิดเจตนาทำให้เสียทรัพย์เท่านั้น
แต่หากพิจารณาในแง่ของหลักละเมิดทางแพ่ง
ผู้โดยสารรายนี้ได้กระทำละเมิดด้วยความประมาทเลินเล่อทำให้ทรัพย์สินของรถแท็กซี่ของบุคคลอื่นได้รับความเสียหาย
อันเทียบเคียงได้กับคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7878/2544 ซึ่งเป็นคดีจำเลยกระทำละเมิดใช้ถุงพลาสติกบรรจุปัสสาวะและอุจจาระขว้างไปถูกบุคคลอื่น
แล้วปรากฏว่าปัสสาวะและอุจจาระนั้นได้แตกกระจายกระเด็นไปถูกโต๊ะหมู่บูชาของโจทก์ที่อยู่ด้านข้าง
แต่ไม่น่ามากนัก เพราะโต๊ะหมู่บูชานั้นซึ่งทำจากไม้เนื้อแข็งลงรักปิดทองยังคงวางใช้งานอยู่ดังเดิมนับแต่วันที่เกิดเหตุจนถึงวันพิจารณาคดี (ร่วมสองปี)
แสดงว่าเมื่อทำความสะอาดแล้วก็ใช้งานได้และมิได้เกิดความเสียหายตามที่โจทก์กล่าวอ้างว่า
การที่โต๊ะหมู่บูชาเปื้อนอุจจาระอันเป็นสิ่งโสโครก
ย่อมทำให้เกิดความมัวหมองไม่บังควรที่จะนำโต๊ะหมู่บูชามาใช้วางพระพุทธรูปอันเป็นที่สักการะบูชาของคนทั่วไปนั้น
เห็นว่า ข้ออ้างดังกล่าวเป็นความนึกคิดของพยานโจทก์เอง ประกอบกับโจทก์ก็ยังคงใช้โต๊ะหมู่บูชาอยู่
แสดงว่าไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนี้แต่อย่างใด ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่กำหนดค่าเสียหายส่วนนี้ให้ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
2) โดยหวังว่า
คงไม่ทำให้เกิดเคลมประกันภัยรถยนต์เกี่ยวกับเรื่องนี้ขึ้น ฉะนั้น ความเสียหายต่อตัวรถยนต์จึงมิได้จำกัดอยู่เพียงความเสียหายทางกายภาพที่ปรากฏร่องรอยความเสียหายอย่างชัดเจนเท่านั้น
โดยสามารถเทียบเคียงได้กับกรณีความเสียหายของรถยนต์ที่เอาประกันภัยซึ่งถูกน้ำท่วม
เรื่องฉี่นั้นมิเพียงก่อให้เกิดข้อพิพาทด้านการประกันภัยรถยนต์เท่านั้น
ยังไปสร้างปัญหาแก่การประกันภัยทรัพย์สินประเภทอื่นได้อีกด้วย ลองติดตามในสัปดาห์หน้านะครับว่า
“ฉี่ยังมีปัญหา” นี้มีเรื่องราวเป็นเช่นไร?
บริการ
- รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
-
รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com
อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย):
เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่
https://www.facebook.com/pomamornkul/
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)