วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
..... ประกันภัย เป็นเรื่อง .....: เรื่องที่ 94:ข้อบังคับความเสียหายต่อทรัพย์สิน (Mat...
..... ประกันภัย เป็นเรื่อง .....: เรื่องที่ 94:ข้อบังคับความเสียหายต่อทรัพย์สิน (Mat...: เรื่องที่ 94: ข้อบังคับความเสียหายต่อทรัพย์สิน (Material Damage Proviso) ภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก ความหมายที่เปลี่ยนไป? ...
เรื่องที่ 94:ข้อบังคับความเสียหายต่อทรัพย์สิน (Material Damage
Proviso) ภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก ความหมายที่เปลี่ยนไป?
(ตอนที่หนึ่ง)
เดิมทีตั้งใจจะเขียนให้เป็นตอนที่สองของบทความเรื่องที่
93: แต่เปลี่ยนใจเขียนเป็นบทความเรื่องใหม่ขึ้นมาน่าจะเหมาะสมกว่า เนื่องจากมีประเด็นค่อนข้างหลากหลายให้พูดถึงในเรื่องเงื่อนไขบังคับก่อนภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักที่เรียกว่า
“ข้อบังคับความเสียหายต่อทรัพย์สิน (Material Damage Proviso)”
หรือที่พจนานุกรมศัพท์ประกันภัย ฉบับราชบัณฑิตยสภา (พิมพ์ครั้งที่ 6 แก้ไขเพิ่มเติม) พ.ศ. 2560 เรียกว่า “คำรับรองความเสียหายของทรัพย์สิน
(Material Damage Warranty)” ซึ่งหมายความถึง “คำรับรองข้อหนึ่งในกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักซึ่งกำหนดเงื่อนไขว่า
กรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักจะให้ความคุ้มครองต่อเมื่อได้มีการเอาประกันภัยเพื่อความเสียหายของทรัพย์สิน
และได้มีการจ่ายหรือยอมรับค่าเสียหายที่เกิดขึ้นต่อทรัพย์สินนั้นแล้ว"
โดยสรุป คือ ผู้เอาประกันภัยจำต้องมีกรมธรรม์ประกันภัยทรัพย์สินคุ้มครองก่อน
กรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักถึงจะให้ความคุ้มครองได้
ข้อบังคับ
หรือคำรับรองนี้ ซึ่งมิได้กำหนดคำนิยามเอาไว้อย่างชัดแจ้งในกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก
เป็นเพียงคำเรียกที่เข้าใจกันในธุรกิจประกันภัย และได้เขียนสื่อข้อความเช่นนั้นไว้ในข้อตกลงคุ้มครองเท่านั้น
โดยมีเจตนารมณ์ดั้งเดิม เพื่อ
1) ผู้เอาประกันภัยจะได้มีเงินทุนเพียงพอจากการได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยทรัพย์สินในการทำให้ทรัพย์สินที่เสียหายกลับคืนสู่สภาพดังเดิมโดยเร็ว
จะได้ไม่ตกเป็นภาระหนักแก่กรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักมากเกินไป
2) เจ้าหน้าที่สินไหมทดแทนของบริษัทประกันภัยทั้งสองกรมธรรม์ประกันภัยจะได้ไม่ทำงานซ้ำซ้อนกัน
ทางปฏิบัติจริงก็ไม่สามารถรักษาเจตนารมณ์ดั้งเดิมดังกล่าวได้อย่างที่ตั้งใจไว้
เพราะแต่ละสถานการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนมีความแตกต่างกันไป
ดังนั้น การใช้ข้อบังคับ
หรือคำรับรองอย่างเคร่งครัดและอย่างเข้มงวดจึงอาจสร้างปัญหาขึ้นมาได้ทั้งในด้านของผู้เอาประกันภัยกับบริษัทประกันภัยเอง
เราลองวิเคราะห์เทียบเคียงตัวอย่างคดีของสนามกอล์ฟในบทความเรื่องที่
93: กับตัวอย่างกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักของต่างประเทศกันดูนะครับ ซึ่งได้กำหนดเงื่อนไขบังคับก่อนว่าด้วยความเสียหายต่อทรัพย์สิน
(ในที่นี้ ไม่ขอใช้คำว่าข้อบังคับหรือคำรับรอง เพราะดูเสมือนจะให้ผลเสียมากกว่า) โดยสามารถถอดความเป็นภาษาไทยได้ว่า
“สิ่งปลูกสร้างใด หรือทรัพย์สินอื่น ๆ
หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของทรัพย์สินเหล่านั้นที่ผู้เอาประกันภัยได้ใช้งานอยู่ ณ
สถานที่ที่เอาประกันภัย เพื่อวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจ ได้รับความสูญเสีย
ความวินาศ หรือความเสียหายโดยอุบัติเหตุ (ซึ่งความสูญเสีย ความวินาศ
หรือความเสียหายโดยอุบัติเหตุดังกล่าวนั้น ต่อไปนี้จะเรียกว่า “ความเสียหาย”)
นอกเหนือไปจากสาเหตุที่ยกเว้น ณ เวลาใด ๆ ของระยะเวลาประกันภัย และธุรกิจซึ่งดำเนินการโดยผู้เอาประกันภัย
ณ สถานที่ที่เอาประกันภัย ได้รับผลสืบเนื่องมาจนต้องหยุดชะงัก หรือได้ผลกระทบจากกรณีเหล่านั้น
ผู้รับประกันภัยก็จะชดใช้ให้แก่ผู้เอาประกันภัยสำหรับในแต่ละรายการที่ปรากฏอยู่ในตารางกรมธรรม์ประกันภัยในที่นี้
ตามจำนวนเงินของความสูญเสียอันเป็นผลมาจากการหยุดชะงัก
หรือการได้รับผลกระทบดังกล่าว โดยให้เป็นไปตามข้อกำหนดที่ได้ระบุเอาไว้ในที่นี้
ทั้งนี้
โดยมีเงื่อนไขว่า
1. ในเวลาที่ก่อให้เกิด “ความเสียหาย”
หากมีการประกันภัยซึ่งยังมีผลบังคับอยู่
ได้ให้ความคุ้มครองถึงส่วนได้เสียของผู้เอาประกันภัย ณ สถานที่ที่เอาประกันภัยนั้น
และปรากฏว่า
1.1 ได้มีการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
หรือได้ยอมรับผิดจากกรณีนั้นแล้ว
หรือ
1.2 ได้มีการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
หรือได้ยอมรับผิดจากกรณีนั้นแล้ว แต่เนื่องด้วยข้อกำหนดของการประกันภัยดังกล่าว
ได้ยกเว้นความรับผิดสำหรับความสูญเสียที่มีจำนวนเงินต่ำกว่าที่ได้กำหนดไว้”
เมื่อจำแนกถ้อยคำที่สำคัญออกมาจะพอสรุปเป็นประเด็นได้
ดังนี้
(1) สิ่งปลูกสร้าง
หรือทรัพย์สินอื่น ๆ
หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของทรัพย์สินเหล่านั้นที่ผู้เอาประกันภัยได้ใช้งานอยู่ ณ
สถานที่ที่เอาประกันภัย
(2) ได้เกิด “ความเสียหาย”
โดยอุบัติเหตุนอกเหนือไปจากสาเหตุที่ยกเว้นแก่สิ่งปลูกสร้าง หรือทรัพย์สินอื่น ๆ
หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของทรัพย์สินเหล่านั้น
(3) เวลาที่ก่อให้เกิด “ความเสียหาย” หากมีการประกันภัยซึ่งยังมีผลบังคับอยู่
ได้ให้ความคุ้มครองถึงส่วนได้เสียของผู้เอาประกันภัย ณ สถานที่ที่เอาประกันภัยนั้น
และปรากฏว่าได้มีการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
หรือได้ยอมรับผิดจากกรณีนั้นแล้ว นอกเสียจากในกรณีความเสียหายส่วนแรก
ตอนต่อไป
เราจะมาไล่เรียงกันทีละประเด็นให้เห็นภาพกันนะครับ
บริการ
- รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
-
รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com
ประกันภัยเป็นเรื่อง http://vivatchaia.blogspot.com
พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook
Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/
วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
เรื่องที่ 93:เหตุเกิดบนสนามกอล์ฟ
กรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักให้ความคุ้มครองได้หรือไม่?
(ตอนที่หนึ่ง)
เราคงอยู่กันที่สนามกอล์ฟ แต่คราวนี้เป็นเรื่องของสนามกอล์ฟเอง
ซึ่งได้ทำประกันภัยคุ้มครองทรัพย์สินของสนามกอล์ฟ
อันประกอบด้วยอาคารสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ กับทรัพย์สินอื่น ๆ ที่อยู่ภายในอาคารสิ่งก่อสร้างเหล่านั้นโดยระบุให้เป็นทรัพย์สินที่เอาประกันภัย
ทั้งยังได้จัดทำประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักสำหรับสนามกอล์ฟเอาไว้ด้วย
ต่อมา
ได้เกิดลมพายุพัดทำให้ต้นไม้ที่ปลูกบริเวณสนามกอล์ฟล้มระเนระนาด
ตัวอาคารสิ่งก่อสร้าง และทรัพย์สินอื่นที่เอาประกันภัยไว้ได้รับความเสียหายบางส่วน
สนามกอล์ฟจำต้องหยุดกิจการชั่วคราวเป็นเวลาสองสัปดาห์
เพื่อทำการขนย้ายซากต้นไม้ที่ล้มโค่นบนสนามกอล์ฟออกไป
ทำความสะอาดปรับสภาพพื้นสนามกอล์ฟ
ตลอดจนซ่อมแซมตัวอาคารสิ่งก่อสร้างกับทรัพย์สินอื่นที่เสียหายให้กลับคืนสู่สภาพเดิม
ทันทีที่เกิดเหตุ สนามกอล์ฟผู้เอาประกันภัยได้แจ้งเหตุต่อบริษัทประกันภัย
เพื่อให้เข้ามาสำรวจและประเมินราคาค่าเสียหาย ซึ่งภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่สินไหมทดแทนของบริษัทประกันภัยได้ดำเนินการดังกล่าวจนเสร็จสิ้นแล้ว
ได้แจ้งแก่ผู้เอาประกันภัยว่า ยินดีรับผิดชอบสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงแก่ทรัพย์สินที่เอาประกันภัยที่ได้รับความเสียหาย
อันเนื่องจากภัยลมพายุซึ่งเป็นภัยที่คุ้มครองภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยทรัพย์สินฉบับดังกล่าว
แต่สำหรับความสูญเสียสืบเนื่องทางการเงินที่เกิดแก่สนามกอล์ฟระหว่างที่หยุดกิจการไปสองสัปดาห์นั้นจะพิจารณาชดใช้ให้เพียงบางส่วนเท่านั้นภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก
สนามกอล์ฟผู้เอาประกันภัยไม่พอใจจึงนำคดีขึ้นสู่ศาลชั้นต้น
เพื่อให้บริษัทประกันภัยชดใช้ความสูญเสียสืบเนื่องทางการเงินที่ได้เกิดขึ้นจริงทั้งหมดระหว่างที่ได้หยุดประกอบการสนามกอล์ฟชั่วคราวดังกล่าวในส่วนของกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก
มิใช่จะพิจารณาชดใช้ให้เพียงบางส่วนเท่านั้น
สำหรับความเสียหายภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยทรัพย์สินนั้น
ผู้เอาประกันภัยไม่ติดใจและยอมรับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามที่บริษัทประกันภัยได้เสนอมา
ประเด็นที่ศาลชั้นต้นจำต้องพิจารณา คือ
ก) กรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักฉบับดังกล่าวมีผลคุ้มครองหรือไม่?
ข) ถ้าคุ้มครอง จะชดใช้อย่างไร?
ผลการพิจารณาคดี ศาลชั้นต้นมีความเห็น
ดังนี้
ก) กรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักฉบับดังกล่าวมีผลคุ้มครองหรือไม่?
เนื่องจากในกรมธรรม์ประกันภัยทรัพย์สินฉบับนี้ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า
คุ้มครองทรัพย์สินที่เอาประกันภัยอันประกอบด้วยอาคารสิ่งก่อสร้างต่าง
ๆ กับทรัพย์สินอื่น ๆ ที่อยู่ภายในอาคารสิ่งก่อสร้างเหล่านั้นเท่านั้น
โดยไม่ได้กำหนดให้ตัวสนามกอล์ฟ หญ้า หรือต้นไม้เป็นทรัพย์สินที่เอาประกันภัยด้วยเลย
ทั้งในข้อยกเว้นของกรมธรรม์ประกันภัยทรัพย์สินฉบับนี้ยังได้ระบุไม่คุ้มครองถึงทรัพย์สินจำพวกที่ดิน
สนามหญ้า ต้นไม้เอาไว้อีกด้วย
ศาลชั้นต้นจึงเห็นว่า กรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักฉบับนี้ให้ความคุ้มครองความสูญเสียสืบเนื่องทางการเงินเฉพาะในส่วนที่เกิดจากความเสียหายของทรัพย์สินที่เอาประกันภัยซึ่งได้รับความคุ้มครองภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยทรัพย์สินเท่านั้น
ฉะนั้น ส่วนความสูญเสียสืบเนื่องทางการเงินที่เกิดจากตัวสนามกอล์ฟเอง
ผู้เอาประกันภัยไม่สามารถเรียกร้องจากบริษัทประกันภัยได้
ข) ถ้าคุ้มครอง จะชดใช้อย่างไร?
ให้ผู้เอาประกันภัยนำเสนอหลักฐานทางบัญชีแยกเฉพาะในส่วนของทรัพย์สินที่ระบุเอาประกันภัยไว้เท่านั้นมานำเสนอเพื่อพิจารณาต่อไป
ผู้เอาประกันภัยยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ยืนตามคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น
คุณมีความเห็นกับคำพิพากษานี้อย่างไรบ้างครับ?
เพราะนักกฎหมายต่างประเทศหลายท่านไม่เห็นด้วย
หากนำมาเทียบเคียงกับกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก (เนื่องจากภัยที่เอาประกันภัยภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน)
ฉบับมาตรฐานบ้านเราซึ่งระบุในข้อตกลงคุ้มครองว่า
“ให้ความคุ้มครองสำหรับความเสียหายจากการหยุดชะงักของธุรกิจอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่สิ่งปลูกสร้างใด
ๆ หรือทรัพย์สินอื่น ๆ ที่ผู้เอาประกันภัยใช้เพื่อประกอบธุรกิจ ณ
สถานที่เอาประกันภัยได้รับความเสียหาย
และได้รับความคุ้มครองภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน
และมิได้มีการระบุยกเว้นไว้ภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้ ณ เวลาใดในระหว่างระยะเวลาเอาประกันภัยที่ปรากฏในตารางกรมธรรม์ประกันภัย
และเป็นผลให้ธุรกิจที่ดำเนินอยู่โดยผู้เอาประกันภัย ณ สถานที่เอาประกันภัยหยุดชะงักลง
หรือได้รับผลกระทบ บริษัทจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัย”
คุณคิดว่าจะให้ผลทางคดีออกมาแตกต่างออกไปด้วยหรือไม่
อย่างไรไหมครับ?
ตอนต่อไปในสัปดาห์หน้า เราจะลองมาพิจารณากันครับ ทำไมนักกฎหมายต่างประเทศบางท่านมีความต่าง
และผลเทียบเคียงกับกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักของบ้านเรา
บริการ
- รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
-
รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com
ประกันภัยเป็นเรื่อง http://vivatchaia.blogspot.com
พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook
Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/
วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
เรื่องที่ 92:เหตุเกิดที่ข้างสนามกอล์ฟ
(ตอนที่สอง)
เจ้าของบ้านผู้เสียหายได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องสนามกอล์ฟเป็นจำเลยให้รับผิดจากการที่ปล่อยปละละเลยทำให้มีลูกกอล์ฟหลุดลอยมาสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินในบ้านของตนที่ปลูกอยู่ข้างเคียง
และก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญในการอยู่อาศัยอย่างมีความสุข
ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีนี้โดยให้ความเห็นว่า
น่าแปลกใจที่ทำไมโจทก์ไม่ร้องเรียนต่อสนามกอล์ฟถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นตั้งแต่เนิ่น
ๆ กลับปล่อยเรื่องราวทิ้งไว้นับปี แสดงว่า
ช่วงแรกมิได้มีการเดือดร้อนรำคาญมากมายอะไรนัก จนกระทั่งปรากฏมีการรบกวนความสงบสุขในการอยู่อาศัยเพิ่มขึ้นจึงได้จัดทำหนังสือร้องเรียนเป็นระยะไปดังกล่าว
กระทั่งบัดนี้ ความเดือดร้อนรำคาญนั้นได้ลดลงน้อยลงไปแล้ว ดังนั้น
ศาลชั้นต้นเชื่อว่า
ช่วงแรกสนามกอล์ฟมิได้รับรู้หรือควรจะรับรู้ถึงเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นเลยจวบจนกระทั่งเมื่อได้รับหนังสือร้องเรียนจากทนายของโจทก์ในปี
ค.ศ. 2001
และได้ดำเนินการแก้ไขตามสมควรที่จะพึงกระทำได้จนทำให้สถานการณ์ดีขึ้นดังกล่าวแล้ว
จึงวินิจฉัยให้สนามกอล์ฟจำเลยไม่จำต้องรับผิดตามฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ โดยชี้แจงว่า ที่ผ่านมา
โจทก์มิได้เรียกร้องจากสนามกอล์ฟ เพราะสิ่งใดที่เป็นความเสียหายเล็กน้อย
โจทก์สามารถซ่อมแซมได้เอง ก็จะรับผิดชอบเอง แต่บางกรณีที่ทำไม่ได้
หรือเป็นความเสียหายมาก จึงได้มาเรียกร้องขอให้จำเลยทำการชดใช้ให้ อันที่จริง
โจทก์เองเคยถูกลูกกอล์ฟพุ่งมาโดนร่างกาย แต่มิได้เรียกร้องอะไร บางคราว
ลูกกอล์ฟก็หวุดหวิดจะไปถูกลูกชายของโจทก์ที่อยู่ในโรงรถด้วยเหมือนกัน
ความรู้สึกคล้ายเสมือนอยู่ในสนามรบโดยเฉพาะช่วงวันหยุดที่มีคนเข้ามาเล่นกอล์ฟเพิ่มขึ้น
ช่วงปี ค.ศ. 1994
โจทก์เคยเก็บรวบรวมลูกกอล์ฟได้สัปดาห์ละ 12-20
ลูก และช่วงปี ค.ศ. 2001 เคยเก็บรวบรวมลูกกอล์ฟได้ทั้งหมดถึง
526 ลูกในระยะเวลาสิบสองเดือน
ฝ่ายจำเลยชี้แจงว่า
สนามกอล์ฟไม่มีความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดจากลูกกอล์ฟ เพราะตามกฎหมายแล้ว
ผู้ตีลูกกอล์ฟเป็นผู้กระทำความผิดโดยตรง มิใช่สนามกอล์ฟ แต่อย่างไรก็ตาม
เพื่อแสดงเจตนาดีต่อเพื่อนบ้าน สนามกอล์ฟก็มีนโยบายที่จะพิจารณาชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นแทนให้แก่เพื่อนบ้าน โดยมีเงื่อนไขว่า กรมธรรม์ประกันภัยของเพื่อนบ้านที่เสียหายจะต้องชดใช้ไปให้ก่อน
ถ้ายังไม่เพียงพอ สนามกอล์ฟก็จะช่วยชดใช้ส่วนเกินให้ด้วยวงเงินไม่เกิน 100 ดอลล่าร์ออสเตรเลีย ซึ่งมิใช่หน้าที่ข้อผูกพันทางกฎหมายแต่ประการใด
ที่ผ่านมา
เมื่อได้รับเรื่องร้องเรียนเข้ามา
ทางเจ้าหน้าที่ของสนามกอล์ฟจะทำการพิจารณาตามสมควรตามนโยบายที่วางไว้
จนกระทั่งมีหนังสือจากทนายความของฝ่ายโจทก์
เรื่องราวจึงถูกนำเสนอต่อฝ่ายบริหารของสนามกอล์ฟ
อันนำไปสู่การแก้ไขปรับปรุงตำแหน่งของหลุมที่ 12 ที่เป็นปัญหาดังกล่าวในท้ายที่สุด
ประเด็นสำคัญที่ศาลอุทธรณ์วิเคราะห์
คือ
(ก)
สนามกอล์ฟจำเลยมีความรับผิดในการกระทำความผิดหรือไม่?
แนวความคิดที่ว่า
ผู้ตีกอล์ฟจำต้องรับผิดแต่เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
เพราะถ้าหากผู้ครอบครองสถานที่ปล่อยละเลยให้มีผู้กระทำการอันเป็นการก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ
(Nuisance)
แก่บุคคลอื่นในสถานที่ของตน
โดยที่ตนรับรู้หรือควรจะได้รับรู้ถึงการกระทำนั้นแล้ว
ผู้ครอบครองสถานที่นั้นจำต้องร่วมรับผิดด้วยนับแต่วันที่ตนได้รับรู้หรือควรจะได้รับรู้ถึงเหตุนั้น
(ข) จำเลยรับรู้ถึงเหตุแห่งความเดือดร้อนรำคาญเมื่อใด
และได้ใช้มาตรการป้องกันตามสมควรหรือไม่?
การที่ศาลชั้นต้นวิเคราะห์โดยอาศัยเพียงหนังสือร้องเรียนที่ได้รับจากทนายความของฝ่ายโจทก์เป็นเกณฑ์อย่างเดียวเท่านั้น
ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย จำต้องรายละเอียดข้อความจริงที่เกิดขึ้นด้วย จากพยานหลักฐานของฝ่ายโจทก์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฝ่ายจำเลยได้รับรู้
หรือควรรับรู้ถึงการรบกวนความสงบสุขของฝ่ายโจทก์ตั้งแต่เมื่อได้รับหนังสือร้องเรียนฉบับปี
ค.ศ.
1994 แล้ว มิใช่นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 ดังที่ศาลชั้นต้นวิเคราะห์ และฝ่ายจำเลยก็มิได้จัดดำเนินการปรับปรุงแก้ไขปัญหาดังกล่าวเลยจวบจนกระทั่งได้ทำการแก้ไขปรับปรุงจนถึงต้นปี
ค.ศ. 2002
ทำให้จำนวนลูกกอล์ฟที่หลุดลอยมาลดเหลือเพียงสัปดาห์ละ 2-3 ลูกก็ตาม
ก็ยังถือเป็นการรบกวนความสงบสุขในการอยู่อาศัยของฝ่ายโจทก์เกินกว่าที่ควรคาดหมายได้อยู่ดี
ฝ่ายจำเลยจำต้องหามาตรการป้องกันเพิ่มเติมอีก
(ค) ค่าเสียหายที่ควรได้รับการชดใช้
โจทก์เรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจริงกับที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตรวมเป็นเงินทั้งสิ้น
20,000 ดอลล่าร์ออสเตรเลีย
โดยมีหลักฐานค่าซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงระหว่างปี ค.ศ. 1998 จนถึงปี ค.ศ. 2001 รวมทั้งสิ้น 605.50 ดอลล่าร์ออสเตรเลียเท่านั้น
ซึ่งการคำนวณค่าเสียหายจากการเดือดร้อนรำคาญในอนาคตนั้นเป็นสิ่งที่มิอาจคำนวณได้อย่างแน่นอนชัดเจน
ศาลอุทธรณ์จึงวินิจฉัยให้ฝ่ายจำเลยรับผิดสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.
1994 จนถึงวันที่มีคำตัดสินรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 12,000 ดอลล่าร์ออสเตรเลีย
(อ้างอิงจากคดี Challen
-v- The McLeod Country Golf Club [2004] QCA 358)
ฉะนั้น สนามกอล์ฟเองนอกเหนือจากทำประกันภัยคุ้มครองทรัพย์สินของตนเองแล้ว
จำต้องทำประกันภัยคุ้มครองถึงความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอกด้วย เช่นเดียวกับในส่วนของผู้เล่นกอล์ฟควรจะทำประกันภัยผู้เล่นกอล์ฟเอาไว้
ซึ่งจะให้ความคุ้มครองแก่ชีวิตร่างกายกับอุปกรณ์กอล์ฟของผู้เล่นกอล์ฟที่เอาประกันภัยเองแล้ว
ยังให้ความคุ้มครองรวมถึงความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอกอีกด้วย
ดังเช่นในกรณีนี้ที่บริษัทประกันภัยของบุคคลภายนอกผู้เสียหาย
หรือของสนามกอล์ฟอาจจะมาสวมสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่ผู้เล่นกอล์ฟที่ก่อเหตุก็ได้
การอยู่ร่วมอาศัยกันในสังคมจะต้องให้ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่กันตามสมควร
สังคมถึงจะสามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีความสงบสุขได้
เป็นการถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน ผู้ที่มาอาศัยอยู่ภายหลังจำต้องยอมรับสภาพที่เป็นอยู่ก่อนหน้าแล้วตามสมควร
แต่ก็จะต้องมิได้ถูกรบกวนสิทธิอันพึงจะมีของตนด้วยเช่นกัน
ซึ่งกฎหมายไทยได้บัญญัติเรื่องนี้ไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
“มาตรา 1337 บุคคลใดใช้สิทธิของตนเป็นเหตุให้เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ได้รับความเสียหาย
หรือเดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเป็นไปตามปกติและเหตุอันควรในเมื่อเอาสภาพและตำแหน่งที่อยู่แห่งทรัพย์สินนั้นมาคำนึงประกอบไซร้
ท่านว่าเจ้าของอสังหาริมทรัพย์มีสิทธิจะปฏิบัติการเพื่อยังความเสียหายหรือเดือดร้อนนั้นให้สิ้นไป
ทั้งนี้ ไม่ลบล้างสิทธิที่จะเรียกเอาค่าทดแทน”
โดยมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่พอเทียบเคียงเท่าที่ค้นเจอ
ดังนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14701/2557
การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาให้จำเลยออกระเบียบแก่บุคคลที่มาใช้บริการสนามกอล์ฟของจำเลย ห้ามมิให้ใช้ไม้กอล์ฟที่มีประสิทธิภาพตีไกล เช่น หัวไม้ 1 ห้ามมิให้ตั้งทีสูงเกิน 45 มิลลิเมตร ที่บริเวณชั้น 1 และกำหนดเวลาเปิดปิดตั้งแต่ 8 ถึง 20.30 นาฬิกา เป็นการคุ้มครองสิทธิของโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 421, 1337, 1337 และ 1374 เพื่อระงับยับยั้งมิให้การใช้สิทธิของจำเลยก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ไม่เป็นการจำกัดเสรีภาพในการประกอบอาชีพตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 5 และมาตรา 43 วรรคหนึ่ง และเป็นการพิพากษาบังคับให้จำเลยในฐานะผู้ประกอบกิจการสนามฝึกซ้อมกอล์ฟโดยตรงให้กระทำการและเป็นผู้ออกระเบียบ มิใช่เป็นการบังคับบุคคลภายนอกซึ่งสภาพแห่งหนี้เปิดช่องให้กระทำได้
การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาให้จำเลยออกระเบียบแก่บุคคลที่มาใช้บริการสนามกอล์ฟของจำเลย ห้ามมิให้ใช้ไม้กอล์ฟที่มีประสิทธิภาพตีไกล เช่น หัวไม้ 1 ห้ามมิให้ตั้งทีสูงเกิน 45 มิลลิเมตร ที่บริเวณชั้น 1 และกำหนดเวลาเปิดปิดตั้งแต่ 8 ถึง 20.30 นาฬิกา เป็นการคุ้มครองสิทธิของโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 421, 1337, 1337 และ 1374 เพื่อระงับยับยั้งมิให้การใช้สิทธิของจำเลยก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ไม่เป็นการจำกัดเสรีภาพในการประกอบอาชีพตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 5 และมาตรา 43 วรรคหนึ่ง และเป็นการพิพากษาบังคับให้จำเลยในฐานะผู้ประกอบกิจการสนามฝึกซ้อมกอล์ฟโดยตรงให้กระทำการและเป็นผู้ออกระเบียบ มิใช่เป็นการบังคับบุคคลภายนอกซึ่งสภาพแห่งหนี้เปิดช่องให้กระทำได้
เรื่องต่อไป คดีศึกษากรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก
บริการ
- รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
-
รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ
vivatchai.amornkul@gmail.com
ประกันภัยเป็นเรื่อง
http://vivatchaia.blogspot.com
พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook
Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/
วันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
เรื่องที่ 92:เหตุเกิดที่ข้างสนามกอล์ฟ
(ตอนที่หนึ่ง)
ท่านที่ชอบเล่นกอล์ฟมีความสุขทุกครั้ง
ที่ได้ไปออกกำลังกลางแจ้ง
ที่ได้ไปสังสรรค์พบปะกับเพื่อนฝูงคอเดียวกัน
บางท่านถึงขนาดใฝ่ฝันอยากไปปลูกบ้านใกล้สนามกอล์ฟ
เพื่อจะได้เล่นกอล์ฟให้สมใจ
พร้อมกับโอกาสที่จะได้รับความรื่นรมย์จากธรรมชาติกลางแจ้ง
ครอบครัวนี้ก็มีความฝันคล้ายคลึงกันจึงได้เลือกไปปลูกคฤหาสน์อยู่ข้างสนามกอล์ฟซึ่งตั้งอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว
โดยวางผังสร้างสนามเทนนิสกับสระว่ายน้ำส่วนตัวคั่นระหว่างตัวบ้านของตนกับสนามกอล์ฟนั้น
เมื่อสร้างเสร็จ
ก็วาดฝันว่า
ทุกคนในครอบครัวคงจะได้อยู่บ้านหลังนี้อย่างมีความสุขจวบจนบั้นปลายของชีวิต
นับตั้งแต่ที่ได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้เมื่อปลายปี
ค.ศ. 1988
ครอบครัวนี้ได้อยู่อาศัยอย่างมีความสงบสุขเรื่อยมา จวบจนกระทั่งประมาณต้นปี
ค.ศ. 1990
วันดี คืนดี ได้ปรากฏมีลูกกอล์ฟล่องลอยเข้ามาอยู่ตรงจุดนั้นบ้าง
ตรงจุดนี้บ้าง ภายในบริเวณบ้านของตน เริ่มแรกก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ไปปลูกบ้านอยู่ใกล้สนามกอล์ฟ
แต่เหตุการณ์รู้สึกจะเลวร้ายลงไปเรื่อย ๆ เมื่อวันเวลาผ่านไป ลูกกอล์ฟที่หลุดลอยมาได้สร้างความเสียหายให้แก่ทรัพย์สินของตนเอง
เป็นต้นว่า ไปโดนโต๊ะพลาสติกที่ตั้งอยู่ริมสระน้ำบ้าง กระเบื้องหลังคาบ้าง เครื่องประดับตกแต่งตามสนามหญ้าบ้าง
บริเวณน้ำพุบ้าง โชคดีที่ยังไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากลูกกอล์ฟกันเลย
ครอบครัวนี้ได้พยายามอดทนทำใจเรื่อยมาจนรู้สึกทนไม่ไหวแล้ว
จึงได้ทำจดหมายร้องเรียนถึงสนามกอล์ฟแห่งนั้นเป็นระยะ เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม ค.ศ. 1991 เดือนกรกฏาคม
ค.ศ. 1992 เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1994 เดือนพฤศจิกายน
ค.ศ. 1996 เดือนธันวาคม ค.ศ. 1998 และเดือนกรกฏาคม
ค.ศ. 2000 แต่ก็ยังมิได้รับการตอบสนองด้วยดีจากสนามกอล์ฟนั้น
จึงจำต้องขอให้ทนายความจัดทำหนังสือเป็นทางการยื่นคำขาดขึ้นมาในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2001
จากนั้นสนามกอล์ฟจึงตอบสนองด้วยการปรับผังสนามตรงจุดที่มีปัญหาใหม่ในปลายปี
ค.ศ.
2001 ปัญหาลูกกอล์ฟหลุดลอยมาก็เริ่มลดลงจากสัปดาห์ละประมาณ 20 ลูก ลงมาเหลือเพียงประมาณ 2 ถึง 3 ลูก
อย่างไรก็ดี
ครอบครัวนี้ได้ยื่นฟ้องสนามกอล์ฟแห่งนั้นเป็นจำเลยเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายที่ได้เกิดขึ้นมาแล้วและอาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอีกต่อศาลในเดือนพฤศจิกายน
ค.ศ. 2001
คุณอ่านกรณีเรื่องนี้แล้วมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ?
ใครเป็นคนผิด?
สนามกอล์ฟที่ตั้งอยู่ก่อน
หรือบ้านที่ไปปลูกอยู่ภายหลัง?
สนามกอล์ฟจะอ้างได้ไหม คนเล่นกอล์ฟที่ตีลูกกอล์ฟหลุดลอยไปต่างหากเป็นผู้กระทำผิดโดยตรง
จะมาโทษสนามกอล์ฟได้อย่างไร?
เราจะมาคุยกันต่อสัปดาห์หน้าถึงผลคดีเรื่องนี้กันนะครับ
บริการ
- รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
-
รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ
vivatchai.amornkul@gmail.com
ประกันภัยเป็นเรื่อง
http://vivatchaia.blogspot.com
พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook
Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)