วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2561

เรื่องที่ 81: ข้อยกเว้นว่าด้วย "การชำรุดเสียหาย หรือการขัดข้องของระบบกลไก หรือระบบไฟฟ้า (Mechanical or Electrical Breakdown or Derangement)" ภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สินหมายถึงอะไร?


วันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 2003 ได้เกิดเหตุไฟฟ้าดับทั่วเมืองหนึ่งในประเทศแคนาดาเป็นเวลานานร่วม 27 ชั่วโมง ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากแก่โรงงานผลิตแตงกวาดองซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลผลิตสูงสุด เนื่องจากปราศจากกระแสไฟฟ้าป้อนเข้าสู่เครื่องจักร และระบบห้องเย็น ส่งผลทำให้สต็อกวัตถุดิบ และสต็อกสินค้าได้รับความเสียหายทั้งหมด ถึงแม้ต่อมาจะได้มีกระแสไฟฟ้ากลับมาป้อนให้แล้ว แต่กว่าจะมีแรงดันเท่าเดิม ก็จำต้องรอต่ออีกหลายวันกว่าจะเข้าสู่สภาพปกติ ทำให้เครื่องจักรและอุปกรณ์บางตัวเกิดความชำรุดเสียหายต่อเนื่องซ้ำเติมไปอีก ช่วงเวลาที่เกิดความเสียหายนานสี่ถึงห้าวัน โรงงานนี้ต้องหยุดประกอบการชั่วคราวอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ 

โชคดีที่โรงงานแห่งนี้ได้จัดทำประกันภัยคุ้มครองทรัพย์สินแบบสรรพภัย ซึ่งคุ้มครองอุบัติภัยต่าง ๆ ที่มิได้อยู่ในข้อยกเว้น และประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักไว้ จึงได้ทำการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยของตนสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นครั้งนี้

โชคร้ายที่บริษัทประกันภัยนั้นกลับปฏิเสธความรับผิด โดยอ้างว่า เหตุแห่งความเสียหายนี้ตกอยู่ในข้อยกเว้นว่าด้วยสาเหตุที่ไม่คุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยสองข้อที่ระบุว่า 

ไม่คุ้มครองความเสียหายอันมีสาเหตุโดยตรง หรือโดยอ้อมมาจาก
(ก) การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ (Changes in Temperature) และ
(ข) การชำรุดเสียหาย หรือการขัดข้องของระบบกลไก หรือระบบไฟฟ้า (Mechanical or Electrical Breakdown or Derangement)

เมื่อผู้เอาประกันภัยนำคดีขึ้นสู่ศาลชั้นต้น ศาลพิจารณาว่า เหตุแห่งความเสียหายนี้ไม่เข้าข้อยกเว้นทั้งสองข้อดังที่จำเลยบริษัทประกันภัยกล่าวอ้าง

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อยกเว้นทั้งสองข้อ ดังนี้

(ก) การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ
เนื่องจากภายใต้ข้อยกเว้นนี้ ยังมีย่อหน้าถัดมาเป็นถ้อยคำยกเว้นซ้อนยกเว้นที่มีใจความว่า ข้อยกเว้นนี้จะไม่มีผลใช้บังคับ หากว่าความเสียหายนั้นมีสาเหตุโดยตรงมาจากภัยที่คุ้มครอง และมิได้ระบุยกเว้นไว้เป็นอย่างอื่นใดในกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า สาเหตุโดยตรงของความเสียหายนี้ คือ ไฟฟ้าดับ (Blackout) ซึ่งถือเป็นภัยที่ได้รับความคุ้มครอง และมิได้ถูกยกเว้นเอาไว้เป็นอย่างอื่นในกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้เลย

(ข) การชำรุดเสียหาย หรือการขัดข้องของระบบกลไก หรือระบบไฟฟ้า
ศาลอุทธรณ์ตีความว่า เหตุแห่งความเสียหายนี้มิได้เข้าข้อยกเว้นนี้ เพราะคำว่า การชำรุดเสียหาย (Breakdown)หมายความถึง กรณีที่เกิดขึ้นเนื่องจากความบกพร่องภายในของระบบกลไก หรือระบบไฟฟ้าจากชิ้นส่วนของเครื่องจักร หรืออุปกรณ์นั้นเองเท่านั้น มิได้หมายความถึงจากปัจจัยภายนอกดังเช่นกรณีจากไฟฟ้าดับนี้ 

จำเลยฎีกาต่อสู้เฉพาะประเด็นข้อยกเว้นข้อ (ข) เท่านั้น โดยยกความหมายจากพจนานุกรมว่า การชำรุดเสียหาย (Breakdown)หมายความถึง การหยุดทำงานทันทีทันใด หรือการเกิดไม่ทำงานโดยฉับพลัน เมื่อห้องเย็นเกิดหยุดทำงานโดยฉับพลันระหว่างช่วงไฟฟ้าดับ ถือได้เกิดการชำรุดเสียหาย หรือการขัดข้องของระบบกลไก หรือระบบไฟฟ้าขึ้นมาแล้ว ความเสียหายต่อสต็อกวัตถุดิบ สต็อกสินค้า และเครื่องจักรกับอุปกรณ์จึงเป็นผลมาจากสาเหตุที่ยกเว้นนี้ 

ศาลฎีกาไม่เห็นพ้อง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

1) เมื่อพิจารณาจากตัวอย่างประกอบการใช้คำของพจนานุกรมที่จำเลยอ้างอิงได้เขียนว่า รถเสียใช้การไม่ได้ หรือผู้ขับขี่เกิดรถเสียขณะกำลังขับขี่ จะเห็นได้ว่า ทั้งสองตัวอย่างนั้นแสดงให้เห็นถึงการหยุดทำงานที่มีสาเหตุมาจากปัจจัยภายในของรถเอง

2) ความหมายจากพจนานุกรมดูไม่สอดคล้องกับความเข้าใจของคนทั่วไปนัก โดยศาลขอยกตัวอย่างประกอบให้เห็นภาพ ถ้าทีวีหยุดไม่ทำงานระหว่างไฟฟ้าดับ แล้วสามารถกลับมาทำงานดังเดิมได้เมื่อไฟฟ้าติดแล้ว จะบอกได้ไหม? ทีวีนั้นได้เกิดชำรุดเสียหายขึ้นมาแล้ว ถ้าคำตอบ คือ ใช่ ศาลฎีกามองว่า ไม่สมเหตุผลในการใช้คำนี้ โดยทั่วไป การชำรุดเสียหายหมายความถึงการเกิดความเสียหายต่อชิ้นส่วนของอุปกรณ์เครื่องจักรนั้นจนไม่อาจใช้งานได้ต่อไปโดยสิ้นเชิง อุปกรณ์เครื่องจักรนั้นคงไม่ถึงขนาด “ชำรุดเสียหาย (break)” เพียงเพราะขาดกระแสไฟฟ้า แต่แค่หยุดทำงานเนื่องจากไม่มีแหล่งพลังงานมาป้อนเท่านั้นเอง

3) แนวคำพิพากษาของศาลในหลายคดีก่อนหน้าได้วางแนวไว้แล้วว่า การชำรุดเสียหายหมายความถึง การเกิดปัญหาจากภายใน หรือจากความบกพร่องภายในอุปกรณ์เครื่องจักรนั้นเอง

4) เช่นเดียวกับคำว่า “การขัดข้อง (Derangement)พจนานุกรมให้ความหมายถึง การรบกวนต่อสภาวะปกติ การดำเนินการตามปกติ หรือการทำงานตามปกติ ซึ่งแนวทางคำพิพากษาที่ผ่านมา ต่างตีความในลักษณะเดียวกันกับการชำรุดเสียหาย 
  
ศาลฎีกาจึงตัดสินว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้เอาประกันภัยรายนี้มิได้มีสาเหตุโดยตรง หรือโดยอ้อมมาจากการชำรุดเสียหาย หรือการขัดข้องของระบบกลไก หรือระบบไฟฟ้าดังที่ยกเว้นเอาไว้ แต่มีสาเหตุมาจากไฟฟ้าดับ ซึ่งเป็นอุบัติภัยที่มิได้ถูกระบุยกเว้น บริษัทประกันภัยจำต้องรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้ให้แก่โจทก์ผู้เอาประกันภัย

(อ้างอิงจากคดี Caneast Foods Ltd. v. Lombard General Insurance Co. of Canada, [2007] O.J. No. 2556 aff‟d [2008] O.J. No.)

เทียบเคียงกับกรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สินฉบับมาตรฐานบ้านเราตรงหมวดที่ 2 ข้อยกเว้นก็มีข้อความเช่นเดียวกันตรงที่ระบุว่า

ก. สาเหตุของความเสียหายที่ไม่ได้รับความคุ้มครอง
1. ความเสียหาย อันเกิดจาก
   ............................
   1.5 การกัดกร่อนหรือการผุกร่อน การเกิดสนิม การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ความชื้น .......

   อย่างไรก็ตาม บริษัทจะรับผิดต่อความเสียหายตามข้อ 1.4 และ 1.5 หากเป็นผลโดยตรงจากความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อทรัพย์สินที่เอาประกันภัยหรือสถานที่ตั้งหรือเก็บทรัพย์สินดังกล่าว อันเกิดจากสาเหตุที่มิได้ระบุยกเว้นไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยนี้ 
    ............................

1.10 การชำรุดเสียหาย หรือการขัดข้องของระบบกลไก หรือระบบไฟฟ้าของเครื่องจักรหรืออุปกรณ์
    ............................

   อย่างไรก็ตาม บริษัทจะรับผิดต่อความเสียหายอื่นที่ติดตามมาจากข้อ 1.6 ถึง 1.11 ถ้าหากความเสียหายที่ติดตามมานั้นเกิดจากสาเหตุที่มิได้ระบุยกเว้นไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยนี้  หรือความเสียหายตามข้อ 1.6 ถึง 1.11 นั้นเป็นผลโดยตรงจากความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อทรัพย์สินที่เอาประกันภัย หรือสถานที่ตั้งหรือเก็บทรัพย์สินดังกล่าวอันเกิดจากสาเหตุที่มิได้ระบุยกเว้นไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยนี้

ส่วนตัวเชื่อว่า ศาลไทยคงตีความไม่ผิดแผกจากนี้ และถ้าท่านไปอ่านประกอบกับบทความที่เขียนไว้ภายใต้หัวข้อ พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/
และที่ https://www.facebook.com/BestTrainingAdvisory เรื่อง ภัยต่อเครื่องไฟฟ้า (Electrical Injury & Installation) เรื่องที่คุยกันไม่รู้จบ คงจะได้ภาพที่ชัดเจนขึ้นบ้าง

 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น