(ตอนที่สอง)
ต้องขออภัยด้วยครับ
ที่ยังไม่ขอเริ่มเรื่องที่ 78 ดังที่เกริ่นเอาไว้ เพราะเรื่องที่ 77
ยังขาดประเด็นสำคัญที่ควรแก่การกล่าวถึงเพิ่มเติมอีก
สืบเนื่องจากเรื่องที่
77 ซึ่งผู้เช่าทำประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักคุ้มครองความเสียหายทางการเงินของตน
อันสืบเนื่องมาจากทรัพย์สินของตนเองนั้น ครั้นเกิดความเสียหายจำกัดขอบเขตเพียงแค่ทรัพย์สินของผู้ให้เช่าเท่านั้น
ส่งผลทำให้ผู้เช่าที่ทรัพย์สินของตนมิได้เสียหาย แต่ธุรกิจต้องหยุดชะงัก จึงมิอาจเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักของตนได้นั้น
เป็นปัญหาส่วนหนึ่งมาจากการเลือกใช้ถ้อยคำข้อกำหนดเงื่อนไขบังคับก่อนที่จะต้องเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินที่เอาประกันภัยก่อน
(Materail
Damage Proviso) ที่จำกัดดังในคดีดังกล่าวที่เกิดขึ้น
ครั้นได้มีโอกาสอ่านเงื่อนไขดังกล่าวในกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก
(เนื่องจากภัยที่เอาประกันภัยภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน) ฉบับมาตรฐานของประเทศไทย
ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป ก็รู้สึกสบายใจว่า หากเกิดเหตุการณ์ดังคดีดังกล่าว เชื่อว่า
น่าจะได้รับความคุ้มครอง เพราะข้อต่อสู้ในคดีดังกล่าวของประเทศอังกฤษ ได้มีการหยิบยกเปรียบเทียบอ้างอิงไว้เช่นกันว่า
ถ้าเงื่อนไขที่เป็นปัญหานั้นได้มีการนำข้อกำหนดที่ถูกปรับปรุงแก้ไขใหม่แล้วมาใช้แทน ผู้เอาประกันภัยนั้นจะสามารถชนะคดี และได้รับความคุ้มครองทันที โดยข้อกำหนดใหม่นั้นได้เขียนเอาไว้
ซึ่งสามารถถอดความเป็นภาษาไทยได้ ดังนี้
“ผู้รับประกันภัยตกลงจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้
หากปรากฏว่า อาคารสิ่งปลูกสร้างใด
หรือทรัพย์สินอื่นใดที่ผู้เอาประกันภัยได้ใช้งานอยู่ ณ สถานที่เอาประกันภัย
เพื่อประกอบธุรกิจดังที่ได้ระบุเอาประกันภัยไว้นั้น ได้รับความสูญเสีย ความวินาศ
หรือความเสียหายโดยอุบัติเหตุในระหว่างระยะเวลาเอาประกันภัย จนส่งผลสืบเนื่องทำให้ธุรกิจที่ผู้เอาประกันภัยได้เอาประกันภัยไว้
ณ สถานที่ดังกล่าวนั้น จำต้องหยุดชะงัก หรือได้รับผลกระทบอันสืบเนื่องมาจากการนั้น”
แต่คดีดังกล่าวกลับมิได้ใช้ข้อกำหนดเงื่อนไขใหม่ดังกล่าว
จนกระทั่งเกิดปัญหาขึ้นมา
สำหรับเงื่อนไขดังกล่าวของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้ของประเทศไทย
ใช้ถ้อยคำ ดังนี้
“บริษัทตกลงจะให้ความคุ้มครองสำหรับความเสียหายจากการหยุดชะงักของธุรกิจอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่สิ่งปลูกสร้างใด
ๆ หรือทรัพย์สินอื่น ๆ ที่ผู้เอาประกันภัยใช้เพื่อประกอบธุรกิจ ณ
สถานที่เอาประกันภัยได้รับความเสียหาย และได้รับความคุ้มครองภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน
และมิได้มีการระบุยกเว้นไว้ภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้ ณ
เวลาใดในระหว่างระยะเวลาเอาประกันภัยที่ปรากฏในตารางกรมธรรม์ประกันภัย และเป็นผลทำให้ธุรกิจที่ดำเนินอยู่โดยผู้เอาประกันภัย
ณ สถานที่เอาประกันภัยหยุดชะงักลง หรือได้รับผลกระทบ บริษัทจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยแต่ละรายการที่ระบุในกรมธรรม์ประกันภัย”
กรุณาตรวจสอบข้อกำหนดเงื่อนไขนี้ที่ท่านมีอยู่ด้วยนะครับว่า
ใช้ถ้อยคำแบบแคบ หรือแบบกว้างอย่างปัจจุบัน
เพราะกว่ากรมธรรม์ประกันภัยฉบับภาษาไทยนี้จะเริ่มมีผลใช้บังคับได้
ก็เป็นต้นปีหน้าโน่นล่ะครับ
ขอให้โชคดีครับ สัปดาห์หน้าเราจะกลับมาคุยกันในเรื่องที่
78 เสียทีครับ
กรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก (Business Interruption Insurance Policy) จะให้ความคุ้มครองการสูญเสียกำไรชั้นต้น (Loss of Gross Profit) จากการลดลงของยอดขาย (Reduction in Turnover) จนกว่าจะกลับสู่สภาวะเดิมก่อนเกิดเหตุ (same financial position) หรือภายในระยะเวลาการชดใช้ (Indemnity Period) ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เช่น 12 หรือ 18 เดือนหลังไม่สามารถดำเนินธุรกิจเพียงบางส่วนหรือทั้งหมด ซึ่งเป็นผลการสืบเนื่องจากการที่ทรัพย์สินที่ได้เอาประกันภัยไว้ภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยทรัพย์สิน (Fire or Industrial All Risks-IAR และอื่นๆ) และการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนภายใต้กรมธรรม์ทรัพย์สินจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขความคุ้มครองของกรมธรรม์ ดังที่เงื่อนไขของ Material Damage Proviso ระบุไว้ "Before a claim can be allowed, a material damage claim must be admitted" แม้ว่าบริษัทผู้รับประกันภัยจะไม่ต้องชดใช้ค่าสินไหมแทนภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยทรัพย์สิน เนื่องจากค่าเสียหายที่เรียกร้องโดยผู้เอาประกันภัยหรือที่ประเมินโดยบริษัทผู้รับประกันภัยก็ตาม ขอเพียงแค่การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวอยู่ภายใต้เงื่อนไขความคุ้มครองของกรมธรรม์ (ในอดีตเคยมีความเข้าใจว่า จะต้องได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทผู้รับประกันภัยเท่านั้น) เหตุผลหนึ่งต้องระบุให้ผู้เอาประกันภัยจะต้องทำประกันภัยสำหรับทรัพย์สินของตนเอง และไม่สามารถทำประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก แต่เพียงอย่างเดียวได้ เหตุผลหนึ่งก็เนื่องจาก หากผู้เอาประกันภัยไม่ได้จัดทำประกันภัยกรมธรรม์ประกันภัยทรัพย์สินไว้ หากเกิดความเสียหายขึ้นกับทรัพย์สิน ผู้เอาประกันภัยอาจจะไม่สามารถซ่อมแซมทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหายให้กลับสู่สภาพเดิม และไม่สามารถเริ่มกลับมาดำเนินธุรกิจจนกลับสู่สภาพเดิมก่อนเกิดความเสียหายได้ "the absence of such (Material Damage) insurance would prolong the interruption"
ตอบลบดังนั้นจึงไม่น่าถูกต้องนักหากผู้เอาประกันภัยสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก ซึ่งเป็นผลจากความเสียหายต่อทรัพย์สินที่ตนเองมิได้เป็นผู้เอาประกันภัย เพราะหากเจ้าของทรัพย์สินที่เป็นผู้เอาประกันภัยไม่ดำเนินการซ่อมแซมทรัพย์สินที่เสียหายดังกล่าว ผู้เอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักก็ไม่สามารถเริ่มกลับมาดำเนินธุรกิจได้ และบริษัทประกันภัยก็อาจต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนเต็มตามจำนวนที่ได้เอาประกันภัยไว้
หมายเหตุ เมื่อก่อนเคยเห็นกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักจะระบุอ้างถึงหมายเลขกรมธรรม์ประกันภัยทรัพย์สิน เพื่อให้ชัดเจนว่ากรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก จะให้ความคุ้มครองก็ต่อเมื่อทรัพย์สินที่ได้เอาประกันภัยไว้ภายใต้กรมธรรม์ทรัพย์สินที่อ้างถึง ได้รับความเสียหายและอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของกรมธรรม์