วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เรื่องที่ 75: ทำประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายไว้หนึ่งปี สามเดือนยกเลิก หากต่อมาพบว่า มีความเสียหายเกิดขึ้นในช่วงนั้น จะได้รับความคุ้มครองเต็มตามวงเงินหนึ่งปี หรือตามส่วนสามเดือน?



โดยทั่วไป กรมธรรม์ประกันภัยจะให้ความคุ้มครองในระยะเวลาเอาประกันภัยหนึ่งปี และเช่นเดียวกับสัญญาอื่นทั่วไปจะอนุญาตให้คู่สัญญาประกันภัยทั้งสองฝ่ายต่างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาประกันภัยก่อนครบระยะเวลาเอาประกันภัยก็ได้ เว้นแต่จะได้มีข้อกำหนดระบุเอาไว้เป็นอย่างอื่น

คดีนี้เกิดเป็นข้อพิพาทขึ้นมาว่า ผู้เอาประกันภัยเป็นโรงงานผลิตได้ทำประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอกกับบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง โดยมีระยะเวลาเอาประกันภัยหนึ่งปี ระหว่างวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1967 ถึงวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1968 ด้วยวงเงินความคุ้มครอง 10 ล้านเหรียญต่อเหตุการณ์แต่ละครั้งและทุกครั้ง (each and every occurrence) และวงเงินโดยรวม 10 ล้านเหรียญตลอดระยะเวลาเอาประกันภัย (in aggregate limit for the annual policy period)  

ครั้นผ่านความคุ้มครองไปได้เพียงสามเดือน ผู้เอาประกันภัยได้บอกเลิกสัญญาประกันภัย เพื่อโยกย้ายไปทำประกันภัยกับบริษัทประกันภัยเจ้าใหม่ บริษัทประกันภัยเดิมก็ยินยอม และได้คืนเบี้ยประกันภัยสำหรับระยะเวลาเอาประกันภัยที่ยังมิได้คุ้มครองตามส่วน คือ 75% ของเบี้ยประกันภัยที่ได้ชำระเต็มปี 100% หรือคืนเบี้ยประกันภัยมาให้สามในสี่ส่วนนั่นเอง

เรื่องราวน่าจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ถ้ามิได้มีบุคคลภายนอกผู้เสียหายมาแจ้งเรียกร้องให้ผู้เอาประกันภัยรายนี้รับผิดชอบตามกฎหมาย สำหรับความบาดเจ็บที่ตนเองได้รับอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาสิบปีนับแต่ปี ค.ศ. 1967 คือ ผ่านไปแล้วสิบปี จู่ ๆ ก็มีบุคคลภายนอกผู้เสียหายมาเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้เอาประกันภัยรายนี้

เมื่อตรวจสอบเรื่องราว ได้ความว่า เป็นความผิดตามกฎหมายของผู้เอาประกันภัยจริง ซึ่งได้ก่อให้เกิดความเจ็บป่วยแก่บุคคลภายนอกผู้เสียหายขึ้นมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1967 โดยยังอยู่ในระยะเวลาที่บริษัทประกันภัยรายแรกให้ความคุ้มครองอยู่ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ตกอยู่ในเงื่อนไขความคุ้มครองที่บริษัทประกันภัยรายดังกล่าวจำต้องรับผิดด้วยเช่นกัน โดยมิได้ปฎิเสธความรับผิดชอบของตนแต่ประการใด 

ประเด็นข้อพิพาทคดีนี้อยู่ที่ว่า ความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันภัยดังกล่าว คือ เท่าไหร่? เนื่องจากบุคคลภายนอกผู้เสียหายเรียกร้องค่าเสียหายมาเต็มวงเงิน 10 ล้านเหรียญ 

บริษัทประกันภัยรายดังกล่าวโต้แย้งว่า ตนเองมีช่วงระยะเวลาความคุ้มครองจริงเพียงสามเดือน หรือ 25% เท่านั้น (หากเทียบระยะเวลาเอาประกันภัยหนึ่งปีเป็น 100%) ทั้งตนก็ได้รับชำระเบี้ยประกันภัยจริงเพียงตามส่วน 25% ด้วย

เมื่อคดีขึ้นสู่ศาลชั้นต้น ศาลได้ตัดสินให้บริษัทประกันภัยรายดังกล่าวรับผิดเต็มวงเงิน 10 ล้านเหรียญ

บริษัทประกันภัยรายดังกล่าวอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วิเคราะห์ว่า เมื่อผู้เอาประกันภัยได้บอกเลิกสัญญาประกันภัย บริษัทประกันภัยรายดังกล่าวก็ได้ออกใบสลักหลัง (Endorsement) แก้ไขระยะเวลาเอาประกันภัยจากหนึ่งปีเป็นเหลือเพียงสามเดือน และคืนเบี้ยประกันภัยที่ตนได้รับชำระมาแล้วเต็มปีให้แก่ผู้เอาประกันภัยไปตามส่วน 75% และยังได้ระบุตอนท้ายใบสลักหลังฉบับนั้นด้วยอีกว่า “ส่วนเงื่อนไขและข้อความอื่น ๆ ในกรมธรรม์ประกันภัยนี้คงใช้บังคับตามเดิม (All other terms and conditions remain unchanged.)” ทั้งมิได้ปรากฏข้อความในใบสลักหลังฉบับนั้นตอนใดที่ได้ระบุอย่างชัดแจ้งว่า วงเงินความคุ้มครองนั้นจะต้องลดลงไปตามส่วนด้วย 

ฉะนั้น การที่กำหนดว่า เงื่อนไขและข้อความอื่น ๆ ในกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้คงมีผลใช้บังคับตามเดิม คือ หมายความว่า ในส่วนวงเงินความคุ้มครองนั้นเท่าเดิม คือ 10 ล้านเหรียญต่อเหตุการณ์แต่ละครั้งและทุกครั้ง และโดยรวมตลอดระยะเวลาเอาประกันภัยโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงนั่นเอง อนึ่ง เนื่องจากในคำฟ้องมิได้ระบุถึงความรับผิดของบริษัทประกันภัยรายอื่น ๆ ด้วย จึงมิใช่หน้าที่ของศาลที่จะต้องทำการวินิจฉัย และพิพากษายืนตามคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น

(อ้างอิงและเทียบเคียงจากคดี OneBeacon Ins. Co. v. GeorgiaPacific Corp., 474 F.3d 6 (1st Cir. 2007))

ทางปฏิบัติจะไม่เห็นข้อโต้แย้งประเด็นนี้เกิดขึ้นบ่อยนัก จึงนำมาเล่าสู่กันฟังเป็นข้อมูลครับ

เรื่องราวต่อไป: ความสับสนระหว่างภัยการกระทำอันมีเจตนาร้าย (Malicious Act) หรือการกระทำป่าเถื่อน (Vandalism) กับภัยลักทรัพย์ (Theft)  

ขณะนี้ ผมได้เขียนบทความสาระความรู้ประกันภัยทั่วไปเพิ่มเติม ภายใต้หัวข้อ พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย) : เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook โดยได้เริ่มต้นบทความเรื่อง ภาษาประกันภัย คำใน คำนอก เรื่องที่ 1: ความหมายของสิ่งตกแต่ง และสิ่งติดตั้งตรึงตรา (Fittings/Furnishings & Fixtures)  ไปแล้วเมื่อต้นเดือนนี้ และกลางสัปดาห์นี้จะพูดถึงความหมายของการกระทำอันมีเจตนาร้าย (Malicious Act) กับการการกระทำป่าเถื่อน (Vandalsim) นั้นว่า มีความหมายอย่างไร? โดยที่ในส่วนของบล้อกจะเป็นการหยิบยกตัวอย่างคำพิพากษามาให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น โปรดติดตามครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น