(ตอนที่หนึ่ง)
กรมธรรม์การปฏิบัติงานตามสัญญา
(Contract
Works Insurance Policy) หรือกรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทุกชนิด
สำหรับผู้รับเหมา (Contractor’s All Risks Insurance Policy) ซึ่งให้ความคุ้มครองแก่ทั้งผู้ว่าจ้างกับผู้รับเหมาในฐานะคู่สัญญาว่าจ้างนั้น
และเป็นผู้เอาประกันภัยร่วมกัน ได้จัดแบ่งระยะเวลาความคุ้มครองออกเป็นสามระยะเวลาด้วยกัน
กล่าวคือ
1) ระยะเวลาเอาประกันภัย
ซึ่งจะระบุไว้ในตารางกรมธรรม์ประกันภัยว่า จะเริ่มคุ้มครองตั้งแต่วันเดือนปีใด
และจะไปสิ้นสุด ณ วันเดือนปีใด
โดยทั่วไปจะอ้างอิงให้สอดคล้องกับสัญญาจ้างเหมางานระหว่างผู้ว่าจ้างกับผู้รับเหมานั่นเอง
2) ระยะเวลาการก่อสร้าง/การติดตั้งตามสัญญา
โดยจะมีผลเริ่มคุ้มครองตั้งแต่วันแรกที่ขนวัตถุที่เอาประกันภัยลง ณ สถานที่ก่อสร้าง/ติดตั้งเป็นต้นไป
จวบจนถึงวันที่ผู้ว่าจ้างเข้าไปใช้งาน หรือเข้าไปครอบครองพื้นที่ก่อสร้าง/ติดตั้งนั้นแล้ว
หรือวันที่ผู้รับเหมานั้นได้ส่งมอบงานที่เสร็จสมบูรณ์ก่อนกำหนด
หรือวันที่ครบกำหนดระยะเวลาเอาประกันภัยในข้อ 1) แล้วแต่วันใดจะถึงก่อนกัน
3) ระยะเวลาบำรุงรักษา (Maintenance Period) หรือระยะเวลารับประกันผลงานของผู้รับเหมา (Defects
Liability Period) จะเริ่มนับต่อเนื่องจากระยะเวลาในข้อ
2)
เป็นต้นไป จวบจนครบกำหนดระยะเวลาตามที่ตกลงกันไว้ ปกติจะกำหนดเป็นจำนวนเดือน
เช่น 6 เดือน 12 เดือน 24 เดือน เป็นต้น
โดยระยะเวลาช่วงที่ 1) กับ 2) ข้างต้นนั้น จะได้รับความคุ้มครองอย่างเต็มที่ดังกำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้
ทั้งในส่วนของวัตถุที่เอาประกันภัย (ตัวงานก่อสร้าง/ติดตั้งตามสัญญา) และส่วนของความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอก
ขณะที่ระยะเวลาช่วงที่ 3) จะลดความคุ้มครองเหลือเพียงต่อวัตถุที่เอาประกันภัย
อันเกิดเนื่องมาจากการทำงานที่บกพร่องของผู้รับเหมานั้นเท่านั้น
คดีเรื่องนี้
เกิดขึ้นแก่โรงงานผลิตกล่องลูกฟูกแห่งหนึ่งในต่างประเทศ
ซึ่งได้ว่าจ้างผู้รับเหมาเจ้าหนึ่งให้ทำการก่อสร้าง ดังนี้
(1) อาคารโรงงานผลิตแห่งที่สองขึ้น
ณ บริเวณข้างเคียงกับโรงงานเดิม โดยผู้ว่าจ้างจะซื้อเครื่องจักรใหม่มาติดตั้งเอง
(2) โกดังเก็บสินค้า
(3) สถานที่จอดรถ
(4) ขยายอาคารโรงเดิมออกไปอีก
โดยได้ตกลงทำสัญญาว่าจ้างกัน
ณ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1969 ซึ่งเงื่อนไขข้อหนึ่งของสัญญานี้ กำหนดให้ผู้รับเหมาจัดทำประกันภัยคุ้มครองงานตามสัญญานี้เอาไว้ด้วยตลอดระยะเวลาทำงาน
ประมาณเดือนมกราคม ค.ศ. 1970 แม้นผู้รับเหมารายนี้ได้ดำเนินการก่อสร้างไปได้คืบหน้าค่อนข้างมากแล้ว
แต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ได้ปรากฏว่า
(1) ในตัวโรงงานผลิตแห่งใหม่ ตัวผู้ว่าจ้างก็ได้ซื้อเครื่องจักรใหม่มา
พร้อมกับให้ผู้ขายเครื่องจักรนั้นติดตั้งจนเสร็จสมบูรณ์ และเริ่มดำเนินการผลิตกล่องลูกฟูกไปบ้างแล้ว
(2) อาคารโกดัง
ผู้ว่าจ้างได้นำสต็อกม้วนกระดาษจำนวนมากเข้าไปเก็บไว้แล้ว
ต่อมา ในวันที่ 18 มกราคมนั้นเอง ได้เกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ขึ้นมาสร้างความเสียหายให้แก่พื้นที่บริเวณส่วนที่ก่อสร้างนั้นอย่างมาก
ประเด็นข้อพิพาทจึงเกิดขึ้นมาทันทีว่า ใครจะต้องรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้?
ก) ผู้ว่าจ้างกล่าวว่า ฝ่ายผู้รับเหมารายนี้กับบริษัทประกันภัยของผู้รับเหมารายนี้จะต้องรับผิดชอบ
เนื่องจากขณะเกิดเหตุงานก่อสร้างตามสัญญายังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์
ข) ฝ่ายผู้รับเหมารายนี้กับบริษัทประกันภัยของผู้รับเหมารายนี้ก็โต้แย้งว่า
ผู้ว่าจ้างจะต้องรับผิดชอบเอง โดยเฉพาะพื้นที่ส่วนที่ผู้ว่าจ้างเข้าไปครอบครอง
หรือใช้งานแล้ว เพราะถือเสมือนหนึ่งผู้ว่าจ้างได้รับมอบงานพื้นที่ส่วนนั้นโดยปริยายแล้ว
ทั้งยังส่งผลทำให้ความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้ก็ได้สิ้นสุดลงไปด้วยตามเงื่อนไขดังกล่าวข้างต้น
คุณมีความเห็นในเรื่องนี้เช่นไรบ้างครับ? ลองวิเคราะห์ไปพลาง ๆ ก่อนรอรับฟังผลทางคดีนี้กันสัปดาห์หน้าครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น