เรื่องที่ 63:ภายหลังจากผู้รับเหมาติดตั้งเครื่องจักรเสร็จสิ้น
และส่งมอบงานไปเรียบร้อยแล้ว
ระหว่างที่เจ้าของโรงงานกำลังใช้งานเครื่องจักรนั้นอยู่
ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาสร้างความเสียหาย
จะยังคงได้รับความคุ้มครองจากกรมธรรม์ประกันภัยการปฏิบัติงานตามสัญญา (Contract
Works Insurance Policy) หรือกรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทุกชนิด
สำหรับผู้รับเหมา (Contractor’s All Risks Insurance Policy) อยู่หรือไม่?
(ตอนที่สอง)
คดีนี้
ศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐานต่าง ๆ จากคู่ความทั้งสองฝ่ายแล้ว มีความเห็นว่า สัญญาว่าจ้างรับเหมางานกับบัญชีแสดงปริมาณวัสดุ และปริมาณแรงงานประกอบกับราคาที่ใช้ในการก่อสร้าง (Bill of Quantities) กำหนดเงื่อนไขที่สำคัญให้ผู้รับเหมาทำประกันภัยคุ้มครองความเสียหายต่อตัวงานทั้งหมด
ตลอดจนวัสดุกับสินค้าต่าง ๆ จนกว่าผู้ว่าจ้างจะได้มีการออกใบรับรองว่างานแล้วเสร็จในระดับที่ใช้การได้
(Certificate
of Practical Completion) และจนกว่าจะได้มีหนังสือแจ้งให้ยกเลิกการจัดทำประกันภัยดังกล่าวได้
เมื่อใดก็ตาม ก่อนที่จะได้มีการออกใบรับรองว่างานแล้วเสร็จในระดับที่ใช้การได้นั้น
และด้วยความเห็นชอบของผู้รับเหมา ผู้ว่าจ้างจะเข้าไปครอบครอง (take
possession) ส่วนหนึ่งส่วนใด
หรือหลายส่วนของพื้นที่ทำงานนั้นก็ได้ โดยที่สถาปนิกของผู้ว่าจ้างจะต้องออกใบรับรองแสดงมูลค่างานในส่วนนั้นโดยประมาณการภายในเจ็ดวัน
และให้ถือว่า พื้นที่ส่วนนั้นจะตกอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ว่าจ้างแต่ผู้เดียว
ประเด็นที่จำต้องพิจารณาต่อไปว่า ก่อนเกิดเหตุไฟไหม้ ผู้ว่าจ้างได้เข้าไปครอบครองพื้นที่ส่วนนั้นแล้วหรือยัง?
ก) ถ้าใช่ ก็ตกอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ว่าจ้างเอง
ข) ถ้าไม่ใช่ ผู้รับเหมาจำต้องรับผิดชอบไปตามข้อกำหนดของสัญญานั้น
ฝ่ายผู้รับเหมากล่าวว่า จำต้องพิจารณาตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น คือ ผู้ว่าจ้างได้เข้าไปติดตั้งเครื่องจักร
ทั้งเริ่มประกอบการผลิตไปบ้างแล้วในบางพื้นที่
และบางพื้นที่ก็ได้นำเอาสต็อกม้วนกระดาษไปเก็บไว้จำนวนมาก
ฝั่งผู้ว่าจ้างโต้แย้งว่า จำต้องพิจารณาตามข้อกำหนดของสัญญาที่ระบุว่า
จะต้องมีใบรับรองยืนยันประกอบด้วย
ครั้นไล่พิจารณาไปทีละจุดของส่วนงาน จะเห็นว่า ณ วันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 1970 ซึ่งเกิดเหตุไฟไหม้ขึ้น
(1) สถานที่จอดรถได้สร้างเสร็จเกือบสมบูรณ์พร้อมใช้งานตั้งแต่เดือนกันยายน
ค.ศ. 1969
เหลือเพียงเก็บงานบางส่วนอีกเพียงเล็กน้อย ซึ่งสถาปนิกของผู้ว่าจ้างได้มาตรวจรับมอบงาน
และได้ออกใบรับรองแสดงมูลค่างานในส่วนนั้นโดยประมาณการลงวันที่
22
กันยายน ค.ศ. 1969 เพื่อยืนยันการรับมอบงานแล้ว โดยมีเงื่อนไขที่ผู้รับเหมาจะต้องเข้ามาเก็บงานที่เหลือ
และแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ ด้วย ซึ่งเป็นเพียงจุดเดียวเท่านั้นที่ได้ทำการรับมอบงานอย่างเป็นทางการ
(2) อาคารโรงงานผลิตแห่งที่สอง สภาพที่มองเห็นได้
โรงงานนั้นดูเสมือนเสร็จแล้ว เนื่องจากได้ติดตั้งเครื่องจักรเรียบร้อย
และดำเนินการผลิตไปบ้างแล้วด้วย
แม้จะคงมีงานบางอย่างที่ผู้รับเหมาจะต้องเข้ามาทำต่อ เป็นต้นว่า ประตูป้องกันไฟ (fire
door)
สถาปนิกของผู้ว่าจ้างทำหนังสือถึงผู้รับเหมาแจ้งการเข้ามาตรวจรับงานเฉพาะส่วนพื้นของโรงงานเท่านั้น
ดังนั้น ยังไม่อาจถือได้ว่า ได้มีการตรวจรับมอบงานในส่วนของโรงงานนี้ทั้งหมดแล้ว ทั้งยังมิได้มีการออกใบรับรองใด
ๆ เป็นหลักฐานประกอบเลย
(3) โกดังเก็บสินค้า พื้น หลังคากับผนังทำเสร็จแล้ว
ขาดแต่ประตู งานระบบไฟฟ้า งานทาสี งานเคลือบบางส่วนเท่านั้น ผู้ว่าจ้างได้นำสต็อกม้วนกระดาษจำนวนมากมาจัดเก็บไว้ภายในแล้ว
และสถาปนิกได้ทำหนังสือแจ้งการตรวจรับงานพื้นบางส่วนเท่านั้น ในวันที่ 9 มกราคม ค.ศ. 1970
(4) ส่วนขยายอาคารหลังเดิม งานคืบหน้าไปมาก และได้มีการนำสต็อกม้วนกระดาษจำนวนหนึ่งเข้ามาจัดเก็บไว้บางจุดแล้วเช่นกัน
สถาปนิกยังมิได้เข้ามาดำเนินการใด ๆ เลย
ดังนั้น จากหลักฐานข้อตกลงที่เป็นลายลักษณ์อักษรของคู่สัญญาจ้างเหมาฉบับนี้
เป็นที่เห็นอย่างชัดเจนได้ว่า นอกเหนือจากสถานที่จอดรถแล้ว ผู้ว่าจ้างยังมิได้รับงานอย่างเป็นทางการเลย
หากส่วนงานใดที่ผู้รับเหมาเห็นว่า ผู้ว่าจ้างได้เข้าครอบครองบางส่วนไปแล้ว
ควรที่จะเร่งรัดให้ผู้ว่าจ้าง หรือตัวแทนของผู้ว่าจ้าง ในที่นี้ คือ สถาปนิกเข้าไปตรวจรับมอบงาน
และออกใบรับรองไว้เป็นหลักฐานตามที่ได้ตกลงกันไว้ในสัญญาดังกล่าว เพื่อให้เกิดความชัดเจน
ไม่เป็นที่สงสัย หรือเข้าใจไปเอง
เมื่อมิได้เป็นเช่นนั้น จึงวินิจฉัยว่า ผู้รับเหมา
(รวมทั้งบริษัทประกันภัยโครงการนี้) จำต้องรับผิดชอบ สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นตามที่ได้กำหนดไว้ดังกล่าว (อ้างอิงจากคดี English Industrial Estates
Corporation v. George Wimpey & Co. Ltd (1972)
7 BLR 122 (117))
คดีนี้ให้แนวทางแก่คู่สัญญาจ้างเหมางานว่า ควรยึดถือปฏิบัติให้เป็นไปตามสัญญาที่ได้ตกลงกันไว้อย่างเคร่งครัด
และครบถ้วน หากเวลาทำสัญญากัน ยังมีสิ่งใดที่มิได้กำหนดไว้
จำต้องระบุลงไปให้ชัดเจนเสียดีกว่า
ข้อตกลงการรับมอบงานของต่างประเทศ จะสามารถจำแนกออกได้ ดังนี้
1) Early Use ขอแปลว่า “การขอเข้าใช้งานก่อนล่วงหน้า”
ของผู้ว่าจ้าง แต่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้รับเหมาเสียก่อน โดยยังไม่ถือว่า
เป็นการรับมอบงานอย่างเป็นทางการ เพราะพื้นที่ส่วนอื่นคงยังทำงานกันอยู่ และควรตกลงกันด้วยว่า
หากมีอะไรเกิดขึ้น ณ พื้นที่บริเวณนั้น ผู้ใดจะรับผิดชอบ?
ทั้งควรแจ้งต่อบริษัทประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองระหว่างก่อสร้าง/ติดตั้งด้วยว่า
จะยินยอมให้ความคุ้มครองต่อไปไหม? อย่างไร?
2) Partial Possession
เป็นการขอเข้าครอบครองพื้นที่งานบางส่วนก่อนของผู้ว่าจ้าง
เพื่อจะได้ใช้งานได้ตามจุดประสงค์ของสัญญา ทั้งนี้ ด้วยความยินยอมของผู้รับเหมา
โดยจะต้องมีใบรับรองว่างานแล้วเสร็จในระดับที่ใช้การได้ (Certificate
of Practical Completion) ไว้เป็นหลักฐานด้วย และจะเริ่มนับระยะเวลาบำรุงรักษา
(Maintenance Period) หรือระยะเวลารับประกันผลงานของผู้รับเหมา
(Defects Liability Period) เฉพาะพื้นที่ส่วนนั้น
3) Sectional Completion
เป็นการขอเข้าครอบครองส่วนงานที่แบ่งเป็นส่วน ๆ
ของผู้ว่าจ้าง คล้ายกับข้อ 2) ข้อแตกต่างสำคัญ คือ
กรณีนี้จะมีวางแผนกันไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ต้นด้วยการจัดแบ่งแยกส่วนงานออกเป็นส่วน ๆ
อย่างชัดเจน เมื่อส่วนงานใดเสร็จสมบูรณ์แล้ว ผู้รับเหมาจะอนุญาตให้ผู้ว่าจ้างเข้าไปครอบครองได้
และจะได้ใช้งานตามจุดประสงค์ของสัญญาได้ โดยจะต้องมีใบรับรองว่างานแล้วเสร็จในระดับที่ใช้การได้
(Certificate
of Practical Completion) ไว้เป็นหลักฐานด้วยเช่นกัน
และจะเริ่มนับระยะเวลาบำรุงรักษา (Maintenance Period) หรือระยะเวลารับประกันผลงานของผู้รับเหมา
(Defects Liability Period) เฉพาะพื้นที่ส่วนงานนั้น
4) Practical Completion
ดังชื่อที่เรียกว่า งานแล้วเสร็จในระดับที่ใช้การได้แล้ว
หรือบางครั้งเรียกว่า Substantial Completion อาจเป็นเพียงบางส่วนงานเช่นในข้อ 2) กับ 3) หรือส่วนงานทั้งหมดก็ได้
เพื่อจะได้ใช้งานตามจุดประสงค์ของสัญญาได้
โดยจะต้องมีใบรับรองว่างานแล้วเสร็จในระดับที่ใช้การได้ (Certificate
of Practical Completion) ไว้เป็นหลักฐานด้วยเช่นกัน
และจะเริ่มนับระยะเวลาบำรุงรักษา (Maintenance Period) หรือระยะเวลารับประกันผลงานของผู้รับเหมา
(Defects Liability Period) เฉพาะพื้นที่ส่วนงานนั้น
หรือพื้นที่ทั้งหมด แล้วแต่กรณี
5) Final Completion เป็นขั้นตอนสุดท้ายเมื่อครบระยะเวลาบำรุงรักษา
(Maintenance
Period) หรือระยะเวลารับประกันผลงานของผู้รับเหมา (Defects
Liability Period) แล้ว และเป็นอันสิ้นสุดภาระผูกพันของผู้รับเหมาอย่างสมบูรณ์ครบถ้วน
(อ้างอิง และเรียบเรียงจากบทความ Partial
possession/sectional completion/early use by the employer by Brodies LLP, 2017 และ JBCC: practical completion, works completion
and final completion: a brief overview by Niel Coerste, 2011)
ตอนที่สาม จะขอมองเทียบเคียงกับหลักกฎหมายบ้านเราในมุมมองของนักประกันภัยคนหนึ่งครับ