เรื่องที่ 48: กรมธรรม์ประกันภัยการปฎิบัติงานตามสัญญา
(Contract Works Insurance) จะสิ้นสุดความคุ้มครอง
เมื่อได้ถูกครอบครอง (taken over) หรือได้ถูกใช้งาน
(taken into use) โดยผู้ว่าจ้างแล้ว หมายถึงอย่างไร?
(ตอนที่หนึ่ง)
กรมธรรม์ประกันภัยการปฎิบัติงานตามสัญญา
(Contract Works Insurance Policy) หรือที่รู้จักกันทั่วไปในอีกชื่อหนึ่งว่า “กรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทุกชนิด
สำหรับผู้รับเหมาก่อสร้าง (Construction
All Risks Insurance Policy (CAR))”
และ/หรือ “กรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทุกชนิด สำหรับผู้รับเหมาติดตั้ง (Erection All Risks Insurance Policy (EAR))”
ซึ่งเป็นการให้ความคุ้มครองแบบสรรพภัยในช่วงการก่อสร้าง/การติดตั้ง
สำหรับงานตามที่ได้ตกลงกันไว้ระหว่างผู้ว่าจ้างกับผู้รับจ้าง ซึ่งในที่นี้ คือ
ผู้รับเหมานั่นเอง
โดยเงื่อนไขความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้จะกำหนดระยะเวลาเอาประกันภัย
สำหรับงานก่อสร้างเอาไว้เป็นสองระยะเวลา กล่าวคือ
1) ระยะเวลาการก่อสร้าง (Construction Period)
“ความรับผิดของผู้รับประกันภัยจะเริ่มต้นหลังจากการขนทรัพย์สินดังระบุไว้ในตารางกรมธรรม์ประกันภัยลง
ณ สถานที่ตามสัญญาว่าจ้าง ทั้งนี้ ไม่ว่าจะได้มีการระบุเอาไว้เป็นวันอื่นใดในตารางกรมธรรม์ประกันภัย
และจะสิ้นสุด ณ วันที่ได้กำหนดไว้ในตารางกรมธรรม์ประกันภัย
ความรับผิดของผู้รับประกันภัยจะสิ้นสุดลงเช่นกัน
เมื่อส่วนใดๆ ของงานว่าจ้างที่ได้เอาประกันภัยไว้นั้นได้ถูกครอบครอง (taken
over) หรือถูกใช้งาน (taken into use) (แล้วแต่กรณีใดเกิดขึ้นก่อนกัน)
โดยผู้ว่าจ้าง ก่อนวันที่สิ้นสุดดังระบุไว้ในตารางกรมธรรม์ประกันภัย”
2) ระยะเวลาบำรุงรักษา
(Maintenance Period)
“หากได้มีการกำหนดระยะเวลาบำรุงรักษาไว้ในตารางกรมธรรม์ประกันภัย
ความรับผิดของผู้รับประกันภัยในระหว่างระยะเวลานี้จะจำกัดอยู่เพียงต่อความสูญเสีย
หรือความเสียหายใดที่เกิดขึ้นมาจากผู้รับจ้างที่เอาประกันภัย ในการปฎิบัติงานนั้น
เพื่อให้เป็นไปตามข้อผูกพันภายใต้ข้อกำหนดของการบำรุงรักษาตามสัญญาจ้างเหมานั้นเอง”
ทั้งสองระยะเวลานี้จะนับต่อเนื่องกันไป
เมื่องานก่อสร้างสิ้นสุดลง และผู้รับเหมาได้ส่งมอบงานตามสัญญาจ้างแล้ว ถือว่า
ภาระหน้าที่ในการทำงานก่อสร้างของผู้รับเหมานั้นก็จะจบลงไป
คงเหลือแต่การรับประกันผลงานของตนเองเท่านั้น คือ
ระยะเวลาการบำรุงรักษา ซึ่งเป็นระยะเวลาการรับประกันผลงานของผู้รับเหมาก่อสร้าง
ซึ่งอาจจะเพิ่งมาตรวจพบความบกพร่องภายหลังส่งมอบงานไปแล้ว
โดยจะนับต่อเนื่องกันไปตามกำหนดระยะเวลาที่ตกลงกัน เช่น 6 เดือน 12 เดือน หรือ 24 เดือน
เป็นต้น
เนื่องจากกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้มิได้กำหนดอย่างชัดแจ้งให้มีการส่งมอบงานก่อสร้างที่เสร็จสิ้นแล้วอย่างเป็นการ
โดยต้องมีหนังสือรับส่งมอบงานเป็นหลักฐานเอาไว้ ดังนั้น
การที่ผู้ว่าจ้างเข้าไปครอบครอง (taken over) หรือเข้าไปใช้งาน
(taken into use) ก่อน สำหรับพื้นที่บางส่วนที่ได้สร้างแล้ว
แม้ส่วนอื่นที่เหลือ ผู้รับเหมายังคงทำงานก่อสร้างต่อไปตามปกติอยู่ก็ตาม ก็ให้ถือเสมือนหนึ่งเป็นการที่ผู้ว่าจ้างรับมอบงานก่อสร้างในพื้นที่ส่วนที่ตนเข้าไปครอบครอง
หรือใช้งานก่อนนั้น เป็นการรับมอบงานโดยปริยาย ความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัย
และความรับผิดของผู้รับเหมาตามสัญญาว่าจ้างเฉพาะในพื้นที่ส่วนนั้น
ก็จะสิ้นสุดลงไปโดยอัตโนมัติด้วย
เมื่อเป็นเช่นนี้
ก) การนับระยะเวลาบำรุงรักษาควรจะต้องนับต่อเนื่องไปใช่หรือไม่?
เฉพาะพื้นที่ส่วนดังกล่าว คือ แยกกันนับเป็นส่วน ๆ ไป หรือ
ข) ระยะเวลาบำรุงรักษาควรจะนับต่อเนื่องต่อเมื่องานก่อสร้างทั้งหมดได้สร้างเสร็จ
และส่งมอบอย่างเป็นการแล้วเท่านั้นหรือเปล่า? คือ นับรวมกันไปคราวเดียวกันทั้งหมด
เว้นแต่จะได้มีการขยายเงื่อนไขพิเศษที่เรียกว่า
“Endorsement
116 – Cover for insured contract works taken
over or put into service” ซึ่งระบุ “ขยายความคุ้มครองถึงความสูญเสีย
หรือความเสียหายต่อส่วนของงานก่อสร้างตามสัญญาว่าจ้างที่ได้เอาประกันภัยไว้นั้น ซึ่งได้ถูกครอบครอง
หรือถูกใช้งานไปแล้ว หากว่า ความสูญเสีย หรือความเสียหายดังกล่าวจะได้เกิดขึ้นมาจากการก่อสร้างดังที่ได้เอาประกันภัยไว้ในหมวดที่
1
และได้เกิดขึ้นในระหว่างระยะเวลาเอาประกันภัยด้วย”
การรับระยะเวลาบำรุงรักษาจะนับรวมกันไปคราวเดียวตามข้อ ข) ข้างต้น
ถ้ามิปรากฏมีการขยายเงื่อนไขพิเศษดังกล่าวเอาไว้
จะนับตามข้อ ก) หรือข้อ ข)
คุณพิจารณาแล้วเข้าใจอย่างไรบ้างครับ?
ซึ่งการที่จะหาคำตอบได้ คงจำต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนถึงความหมายของคำว่า “การที่ผู้ว่าจ้างเข้าไปครอบครอง
(taken
over) หรือเข้าไปใช้งาน (taken into use) ก่อน” นั้น หมายความถึงเช่นใดกันแน่?
สัปดาห์หน้า เราจะมาคุยกันถึงคดีที่เกิดเป็นข้อพิพาทขึ้นมาในประเด็นเหล่านี้ เพื่อหาคำตอบกันนะครับ