ผู้เอาประกันภัยมิใช่ผู้เอาประกันภัย
ถ้าตั้งคำถามว่า “ผู้เอาประกันภัย” คือใคร เราจะได้คำตอบ ดังนี้
-
ผู้เอาประกันภัย คือ ผู้ซื้อประกันภัย
-
ผู้เอาประกันภัย คือ
คนที่เป็นคู่สัญญากับผู้รับประกันภัย
-
ผู้เอาประกันภัย คือ บุคคล หรือนิติบุคคล
ตามที่ปรากฏชื่อเป็นผู้เอาประกันภัยในหน้าตารางกรมธรรม์
ซึ่งตกลงจะชำระเบี้ยประกัน
ภัยให้แก่บริษัทประกันภัย
แล้วถ้ามีคำถามต่อไปว่า
-
ถ้าผู้เอาประกันภัยมิได้มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินที่เอาประกันภัย
จะมาเรียกร้องให้ผู้รับประกันภัยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเวลาเมื่อทรัพย์สินที่เอาประกันภัยนั้นเสียหายได้หรือไม่
คำตอบ คือ
คงไม่ได้ เพราะสัญญาประกันภัยนั้น ไม่มีผลผูกพัน
-
และถ้าคนที่มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินที่เอาประกันภัย
แต่มิใช่เป็นผู้เอาประกันภัยดังระบุชื่อไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย บริษัทประกันภัยยังต้องรับผิดชอบให้ได้หรือไม่
เชื่อว่า
ร้อยทั้งร้อย น่าจะตอบว่า ไม่
เพราะมิได้มีความสัมพันธ์อะไรกับบริษัทประกันภัยตามสัญาประกันภัยเลย
งั้นเรามาดูเรื่องนี้กัน
นาย ก. เอารถของภรรยามาขับโดยประมาทแซงซ้ายรถคู่กรณีด้วยความเร็ว
แต่ปรากฏไปเจอรถจักรยานยนต์วิ่งอยู่ในช่องทางซ้าย
จึงหักหลบเบียดเข้ามาในเลนขวาที่รถคู่กรณีวิ่งอยู่ รถคู่กรณีจึงเบนหนี
ส่งผลทำให้ทั้งรถนาย ก. กับรถคู่กรณีหมุนคว้างจนได้รับความเสียหายทั้งสองคัน
คู่กรณีจึงฟ้องนาย ก. เป็นจำเลยที่ 1 ภรรยาของนาย ก. ในฐานะเจ้าของรถคันที่ก่อเหตุ เป็นจำเลยที่
2 เนื่องจากรถคันนี้มีประกันภัยรถยนต์คุ้มครองอยู่โดยระบุชื่อ
นาย เอ เป็นผู้เอาประกันภัย และตกเป็นจำเลยที่ 3 ด้วยเช่นเดียวกับบริษัทประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองรถคันก่อเหตุนี้
เป็นจำเลยที่ 4 ให้ร่วมกัน หรือแทนกันรับผิดต่อโจทก์
จากการนำสืบ
รถคันที่ก่อเหตุเป็นรถคันที่ได้เอาประกันภัยไว้จริงตามหมายเลขทะเบียนรถยนต์ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันภัยจำเลยที่
4 โดยมีภรรยานาย ก. จำเลยที่ 2
เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ตามทะเบียนรถยนต์ และยินยอมให้นาย ก. สามีซึ่งเป็นจำเลยที่ 1
นำรถคันนั้นไปใช้จนก่อให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ขึ้นมา
ส่วนจำเลยที่ 3 ผู้เอาประกันภัยนั้น นาย ก. จำเลยที่ 1 ให้การว่า ไม่รู้จักเป็นใคร เพียงแต่จำได้ว่า เพื่อนคนหนึ่งรู้จักในชื่อเล่นว่า
ซี มาขอยืมรถคันนี้ไปขับ
และเป็นช่วงเวลาที่กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์คันนี้กำลังจะหมดอายุพอดี จึงฝากให้นาย
ซี ไปช่วยทำประกันภัยให้ด้วย ส่วนนาย ซี จะเป็นคนเดียวกับนาย เอ ที่ถูกระบุชื่อเป็นผู้เอาประกันภัยหรือเปล่า
ตนเองไม่แน่ใจ เพราะไม่ทราบชื่อจริงของนาย ซี
คดีนี้
ศาลมีความเห็นว่า เนื่องด้วยจำเลยที่ 4 บริษัทประกันภัยไม่นำสืบว่า
ทำไมถึงยอมรับประกันภัยรถยนต์คันนี้ในชื่อของนาย เอ ทั้งที่น่าจะทราบได้ว่ามิใช่เป็นเจ้าของ
หรือผู้มีส่วนได้เสียในรถยนต์คันดังกล่าว ตามพฤติการณ์ที่รับฟังมา จึงเชื่อว่า นาย
เอ ถือเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ภรรยานาย
ก. ซึ่งเป็นเจ้าของรถคันนั้น และในฐานะเป็นตัวการโดยไม่เปิดเผยชื่อ ซึ่งสามารถกลับมาแสดงตนเพื่อถือเอาสิทธิตามสัญญาประกันภัยได้[5] โดยมีนาย ก. จำเลยที่ 1
รับมอบหมายให้ช่วยจัดการดูแลแทนอีกช่วงหนึ่ง
ดังนั้น จำเลยที่ 4
บริษัทประกันภัยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาประกันภัยค้ำจุน (คำพิพากษาศาลฎีกาเลขที่ 2888/2553)
เรื่องนี้ให้อุทาหรณ์ว่า
ขั้นตอนการพิจารณารับประกันภัยเป็นสิ่งที่สำคัญ ทั้งในฝ่ายของผู้จะเอาประกันภัยกับฝ่ายผู้จะรับประกันภัย
ควรใช้ความระมัดระวังอย่างรอบคอบ เพราะบางกรณี ทะเบียนรถยนต์
หรือกระทั่งทะเบียนบ้านก็มิใช่สิ่งที่แสดงอย่างชัดเจนถึงการมีกรรมสิทธิ์ หรือส่วนได้เสียในทรัพย์สินนั้นเสมอไป
ผลของการทำประกันภัยโดยไม่มีส่วนได้เสียนั้น สัญญาประกันภัยไม่มีผลผูกพัน คือ
เมื่อเกิดเหตุขึ้นมา
บริษัทประกันภัยอาจปฎิเสธไม่ผูกพันด้วยการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ก็ได้
แม้จากตัวอย่างคำพิพากษานี้ จะเปิดช่องให้ผู้เอาประกันภัยสามารถหยิบยกหลักกฎหมายตัวการตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาโต้แย้งได้ก็ตาม
ทางที่ดี ควรทำให้ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น จะดีที่สุด
ประเด็นปัญหาที่เทียบเคียงกับเรื่องนี้ได้
ซึ่งมักหยิบยกขึ้นมาถกกันอยู่บ่อยครั้ง และเป็นเรื่องที่ถือปฎิบัติกันอยู่ทั่วไป
เป็นต้นว่า
1)
ลูกเป็นตัวแทนประกันภัย
นำบ้านของพ่อแม่ ซึ่งยังมีชีวิตอยู่มาทำประกันอัคคีภัยบ้านอยู่อาศัย
โดยระบุชื่อตนเองเป็นผู้เอาประกันภัย และชำระเบี้ยประกันภัยเองได้หรือไม่
2)
สามีนำบ้านที่เป็นสินสมรส
มาทำประกันภัยเต็มมูลค่าทั้งหลัง โดยใส่ชื่อสามีเป็นผู้เอาประกันภัยคนเดียว
เมื่อเกิดเหตุไฟไหม้บ้านเสียหายทั้งหลัง บริษัทประกันภัยจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ใครบ้าง
อย่างไร
3)
ลูกที่บรรลุนิติภาวะแล้ว
แต่ยังอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันกับพ่อแม่ พ่อและ/หรือแม่
จะมีสิทธิเอาประกันภัยทรัพย์สินของลูกคนนั้นด้วยได้หรือไม่
4)
ภรรยาที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายจะมีส่วนได้เสียเอาประกันชีวิตสามีได้หรือไม่
5)
นายจ้างจะสามารถเอาประกันชีวิตลูกจ้างได้หรือไม่
ฯลฯ
ฝากช่วยกันคิดเป็นการบ้านด้วย
คราวต่อไป เราค่อยคุยกันต่อในประเด็นเหล่านี้
[5] ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 806
ตัวการซึ่งมิได้เปิดเผยชื่อจะกลับแสดงตนให้ปรากฏและเข้ารับเอาสัญญาใด
ๆ ซึ่งตัวแทนได้ทำไว้แทนตนก็ได้
แต่ถ้าตัวการผู้ใดได้ยอมให้ตัวแทนของตนทำการออกหน้าเป็นตัวการไซร้ ท่านว่าตัวการผู้นั้นหาอาจจะทำให้เสื่อมเสียถึงสิทธิของบุคคลภายนอกอันเขามีต่อตัวแทน
และเขาขวนขวายได้มาแต่ก่อนที่รู้ว่าเป็นตัวแทนนั้นได้ไม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น