เรื่องที่ 214 : เมื่อน้ำไม่ได้ท่วมบนพื้นดิน
ภัยน้ำท่วมจะให้ความคุ้มครองรวมไปถึงด้วยหรือไม่? (Whether surface
waters on roof are flood waters or not)?
คำว่า
“น้ำท่วม (flood)” ดูเสมือนเป็นคำที่คนทั่วไปคุ้นเคยกันดี
และสามารถรับรู้เข้าใจได้ทันที
แต่ถ้าจะแสวงหาความหมายลักษณะเชิงวิชาการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว
กลับเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ทุกคนเข้าใจ และเห็นพ้องร่วมกันได้
เพราะแต่ละคนจะให้มุมมองแตกต่างกันออกไป
ต่อให้มีพจนานุกรมบัญญัติศัพท์ความหมายอย่างเป็นทางการขึ้นมาก็เถอะ
มาลองพิจารณากันดูนะครับ
ในเวปของราชบัณฑิตยสถาน เขียนว่า
“คำว่า น้ำท่วม
ตรงกับคำภาษาอังกฤษว่า flood พจนานุกรมศัพท์ภูมิศาสตร์
ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ได้บัญญัติศัพท์ไว้ 2 ความหมาย ดังนี้
1. น้ำท่วม หมายถึง น้ำซึ่งท่วมพื้นที่บริเวณใดบริเวณหนึ่งเป็นครั้งคราว เนื่องจากมีฝนตกหนัก หรือหิมะละลาย
ทำให้น้ำในลำน้ำ หรือทะเลสาบไหลล้นตลิ่ง หรือบ่าลงมาจากที่สูง
2. อุทกภัย หมายถึง อันตรายอันเกิดจากน้ำท่วม”
แวดวงประกันภัยเอง
ได้มีการบัญญัติศัพท์ความหมายขึ้นมาเช่นเดียวกัน
“คำว่า
“น้ำท่วม” ในกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้ หมายถึง น้ำซึ่งไหลล้น หรือไหลออกจากทางน้ำปกติซึ่งจะเป็นทางน้ำธรรมชาติ
หรือจะเป็นทางน้ำที่สร้างขึ้นก็ดี (ไม่รวมถึงรางน้ำบนหลังคา)
หรือเกิดจากท่อน้ำสาธารณะแตก
ทำให้เกิดการท่วมของน้ำจากภายนอกของอาคารที่เอาประกันภัยไว้
หรืออาคารที่เก็บทรัพย์สินที่เอาประกันภัยตามกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้
รวมถึงน้ำท่วมอันเกิดจากลมพายุ น้ำป่า และโคลนถล่ม”
คุณคิดว่า
ทั้งคู่สามารถให้ความหมายครอบคลุมน้ำท่วมได้อย่างครบถ้วนไหมครับ?
น้ำท่วม
หรือปัจจุบันอาจเรียกเป็นน้ำรอการระบายนั้น จำเป็นไหมที่จะต้องเกิดบนพื้นผิวดิน?
น้ำท่วมห้องพักชั้นบน
หรือน้ำท่วมดาดฟ้าเอย ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
ยังงี้
มองในแง่ประกันภัย กรณีเช่นว่าเหล่านั้นจะสามารถได้รับความคุ้มครองภายใต้ภัยน้ำท่วมข้างต้นหรือเปล่า?
ถ้าไม่เข้าข่ายความหมายข้างต้น
โดยหลักการตีความของกรมธรรม์ประกันภัยประเภทสรรพภัย หรือความเสี่ยงภัยทุกชนิด
อาจจัดเป็นอุบัติภัยอื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในข้อยกเว้น ก็เป็นได้
ประเด็นชวนคิดเพิ่มเติม
ก็คือ
ทุกวันนี้
บริษัทประกันภัยมักไม่มีความประสงค์จะให้ความคุ้มครองภัยน้ำท่วมเต็มทุนประกันภัยอีกต่อไปแล้ว
เพราะเห็นว่า มีความเสี่ยงภัยสูง เพียงให้ความคุ้มครองลักษณะเป็นวงเงินต่ำ ๆ
ที่เรียกว่า “จำนวนเงินจำกัดความคุ้มครองย่อย (sublimit)” เท่านั้น
ขณะที่อุบัติภัยอื่น
ๆ อาจไม่ได้มีข้อจำกัดเข้มงวดลักษณะนั้นอย่างเคร่งครัด
การเลือกปฏิบัติทำนองนี้จึงก่อให้เกิดเป็นตัวอย่างคดีข้อพิพาทขึ้นมาในต่างประเทศล่าสุดนี้
โรงพยาบาลแห่งหนึ่งได้ประสบปัญหาความเสียหายอย่างมาก
อันสืบเนื่องมาจากเกิดพายุฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง จนก่อให้เกิดปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาสะสมท่วมขังชั้นใต้ดินสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินต่าง
ๆ อย่างมาก
นอกจากนี้
ปริมาณน้ำฝนยังท่วมบริเวณหลังคาอาคารโรงพยาบาลที่ถูกจัดสร้างลักษณะเป็นเชิงเทิน (parapet roof) มีขอบกั้นรอบบริเวณหลังคามีรูปลักษณะเสมือนหนึ่งเป็นบ่อ
จนเอ่อไหลล้นท่วมบริเวณลานดาดฟ้า
ทั้งยังได้แทรกซึมเข้าไปสร้างความเสียหายให้แก่ทรัพย์สินต่าง ๆ ที่ตกแต่ง
และจัดเก็บอยู่ภายในตัวอาคารเหล่านั้นเป็นจำนวนมาก
เนื่องด้วยโรงพยาบาลได้จัดทำกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองความเสี่ยงภัยทุกชนิดสองฉบับไว้กับสองบริษัทประกันภัย
ดังนี้
1) ฉบับแรกกับบริษัทประกันภัย Z โดยมีจำนวนเงินเอาประกันภัยรวม
750 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือเทียบเท่ากับ 24,316,875,000 บาท) แต่มีจำนวนเงินจำกัดความคุ้มครองย่อย
(sublimit) สำหรับภัยน้ำท่วมอยู่ที่ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือเทียบเท่ากับ 3,242,250,000 บาท)
2) ฉบับที่สองกับบริษัทประกันภัย A โดยมีจำนวนเงินเอาประกันภัยรวม
850 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือเทียบเท่ากับ 27,559,125,000 บาท) แต่มีจำนวนเงินจำกัดความคุ้มครองย่อย
(sublimit) สำหรับภัยน้ำท่วมอยู่ที่ 150 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือเทียบเท่ากับ 4,863,375,000 บาท)
โรงพยาบาลจึงได้ทำเรื่องแจ้งเหตุการณ์ความเสียหายที่เกิดขึ้น
เพื่อให้บริษัทประกันภัยทั้งสองมทำการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาท
คำตอบกลับมาอย่างเป็นทางการของฝ่ายบริษัทประกันภัย
คือ
1) ความเสียหายแก่ทรัพย์สินที่เอาประกันภัยซึ่งอยู่บริเวณชั้นใต้ดิน
และระดับพื้นดิน (ชั้นที่หนึ่ง) จะได้รับความคุ้มครองตามความเสียหายที่แท้จริง
แต่รวมแล้วไม่เกินจำนวนเงินจำกัดความคุ้มครองย่อย (sublimit) ที่กำหนดไว้ ภายใต้ภัยน้ำท่วม
2) เช่นเดียวกับความเสียหายแก่ทรัพย์สินที่เอาประกันภัยซึ่งอยู่ตั้งแต่ชั้นสองขึ้นไปก็จะได้รับความคุ้มครองตามความเสียหายที่แท้จริง
แต่รวมแล้วไม่เกินจำนวนเงินจำกัดความคุ้มครองย่อย (sublimit) ที่กำหนดไว้ ภายใต้ภัยน้ำท่วม
เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดเกิดจากเหตุการณ์เดียวกันจากภัยน้ำท่วม
ซึ่งได้ให้คำจำกัดความไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาท หมายความถึงกรณีดังต่อไปนี้
“ภาวการณ์เกิดน้ำเอ่อท่วม
(inundation) ชั่วคราวตามปกติของสิ่งปลูกสร้าง
หรือบริเวณพื้นที่แห้งบางส่วน หรือทั้งหมด อันมีสาเหตุมาจาก
(1) การสะสม
หรือการไหลผ่านอย่างผิดปกติ และอย่างฉับพลันของน้ำบนพื้นผิว (surface
waters) คลื่น น้ำหนุน คลื่นใต้น้ำ สึนามิ น้ำที่ถูกปล่อยออกมา
การเอ่อล้น หรือการแตกของแนวกั้นของแหล่งน้ำตามธรรมชาติ หรือที่มนุษย์สร้างขึ้น
หรือการแพร่กระจายของน้ำ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากแรงลม หรือไม่ก็ตาม
(2) โคลนไหล
(mudflow) หรือโคลนถล่ม (mudslide) อันมีสาเหตุมาจากการสะสมน้ำที่อยู่บนดิน
หรือที่อยู่ใต้ดิน
(3) การอุดตันของน้ำ (backup of water)
ในระบบระบายน้ำ หรือระบบสูบน้ำ อันมีสาเหตุมาจากน้ำท่วม
ไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดก็ตาม
(4) คลื่นพายุซัดฝั่ง
(storm surge)”
หรือพูดอีกนัยหนึ่งว่า
ความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดประเมินมูลค่าออกมาแล้วเกินกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือเทียบเท่าประมาณมากกว่าหกพันล้านบาท)
เพียงจะได้รับการชดใช้บางส่วนเท่านั้น
ฝ่ายโรงพยาบาลผู้เอาประกันภัยยอมรับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่เกินจำนวนเงินจำกัดความคุ้มครองย่อย
(sublimit) ที่กำหนดไว้
ในส่วนบริเวณชั้นใต้ดิน และระดับพื้นดิน (ชั้นที่หนึ่ง)
แต่ในส่วนของความเสียหายตั้งแต่ชั้นสองขึ้นไปนั้น
จะต้องได้รับการชดใช้ตามความเสียหายที่แท้จริง
เพราะกรณีไม่เข้าคำจำกัดความของภัยน้ำท่วมดังอ้างอิง
เรื่องราวจึงถูกนำเป็นคดีขึ้นสู่ศาลเพื่อวินิจฉัยชี้ขาด
เนื่องจากคู่กรณีมีการแปลความหมายที่แตกต่างกันของคำว่า “น้ำบนพื้นผิว (surface waters)” ซึ่งไม่ได้มีคำนิยามกำกับไว้อย่างชัดแจ้ง
ฝ่ายบริษัทประกันภัยเห็นว่า
ถ้อยคำนี้ควรแปลความหมายตรงตัวตามพจนานุกรมทั่วไป
ซึ่งให้ความหมายถึงส่วนของพื้นดินที่สัมผัสอากาศ หรือส่วนด้านนอก หรือรอบนอกสุดของวัตถุ
หรือสิ่งของ
ฉะนั้น
ส่วนหลังคาอาคารโรงพยาบาลที่ถูกจัดสร้างลักษณะเป็นเชิงเทิน (parapet roof) นั้น
แม้นน้ำฝนสะสมที่เอ่อไหลล้น
หรือแทรกซึมสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินที่เอาประกันภัยซึ่งอยู่ชั้นบนจะมิได้ไหลลงมาสู่พื้นดินก็ตาม
บริเวณพื้นผิวของหลังคาดังกล่าวจึงถือเสมือนหนึ่งอยู่ในความหมายของส่วนด้านนอก
หรือรอบนอกสุดของวัตถุ หรือสิ่งของนั้นแล้ว
อันตกอยู่ในคำจำกัดความของภัยน้ำท่วมดังอ้างอิงนั้นเอง
ฝ่ายโรงพยาบาลผู้เอาประกันภัยโต้แย้งว่า
การแปลความหมายถ้อยคำใดควรพิจารณาจากข้อความทั้งหมดเป็นเกณฑ์
เมื่อพิจารณากรณีข้อย่อยของคำจำกัดความดังอ้างอิงล้วนกล่าวถึงกรณีที่เกิดขึ้นบนภาคพื้นดินทั้งหมด
ดังนั้น
จุดประสงค์ของผู้ร่างถ้อยคำเช่นว่านั้นจึงได้วางกรอบไปในแนวทางเดียวกัน คือ
จำกัดกรณีที่เกิดขึ้นบนภาคพื้นดินเท่านั้น
ด้วยเหตุผลดังกล่าว
ในส่วนของความเสียหายตั้งแต่ชั้นสองขึ้นไปนั้น จึงไม่ใช่กรณีตามคำจำกัดความของภัยน้ำท่วมดังอ้างอิง
ศาลชั้นต้นพิจารณาเห็นพ้องตามคำกล่าวอ้างของฝ่ายบริษัทประกันภัย
และตัดสินให้ฝ่ายบริษัทประกันภัยชนะคดี
คดีนี้ได้ถูกส่งต่อมาถึงชั้นศาลสูง
(Supreme Court)
ศาลสูงได้วินิจฉัยกลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ให้ฝ่ายโรงพยาบาลผู้เอาประกันภัยชนะคดี เนื่องด้วยศาลสูงเห็นว่า ถ้อยคำของ “น้ำบนพื้นผิว
(surface waters)”
นั้นสามารถแปลความหมายออกไปได้หลายนัย ถือเป็นถ้อยคำที่กำกวม
ไม่มีความชัดเจนแน่นอน ตามหลักกฎหมาย ควรยกประโยชน์ให้แก่ฝ่ายโรงพยาบาลผู้เอาประกันภัยซึ่งไม่ได้มีส่วนร่างถ้อยคำดังกล่าว
เพราะหากฝ่ายบริษัทประกันภัยประสงค์จะให้ถ้อยคำนั้นมีความหมายรวมถึงพื้นผิวใด ๆ
ก็ได้ ทำไมถึงไม่เขียนระบุให้ชัดแจ้งเช่นว่านั้นลงไปเลยตั้งแต่แรก
(อ้างอิง
และเรียบเรียงมาจากคดี Zurich
American Insurance Company v Medical Properties Trust, Inc., 2024 WL 3504060
(Mass. Jul. 23, 2024))
หมายเหตุ
นั่นหมายความว่า
ในส่วนของความเสียหายตั้งแต่ชั้นสองขึ้นไปนั้น จะต้องได้รับการชดใช้ตามความเสียหายที่แท้จริง
เพราะถือเป็นอุบัติภัยอื่น ๆ ไม่ตกอยู่ภายใต้จำนวนเงินจำกัดความคุ้มครองย่อย (sublimit) ที่กำหนดไว้ของภัยน้ำท่วม
บางท่านอาจมองว่า
กรณีควรตกอยู่ภายใต้ภัยความเสียหายเนื่องจากน้ำ (Water Damage Peril)
ลองมาพิจารณาดูคำจำกัดความของภัยนี้กันนะครับ
ซึ่งเขียนว่า
“ภัยเนื่องจากน้ำ
อันเกิดขึ้นโดยอุบัติเหตุจากการปล่อย การรั่วไหล หรือการล้นออกมาของน้ำ หรือไอน้ำ
จากท่อน้ำ ถังน้ำ ระบบทำความร้อน ระบบทำความเย็น ระบบปรับอากาศ เครื่องสูบน้ำ
และรวมถึงน้ำฝนที่ไหลผ่านเข้าไปภายในอาคารจากการเสียหายของหลังคา หน้าต่าง ประตู
วงกบประตูหน้าต่าง ช่องลม ช่องรับแสงสว่าง ท่อน้ำหรือรางน้ำ”
คุณคิดว่า
กรณีตัวอย่างคดีศึกษาข้างต้นเข้าข่ายนี้บ้างไหมครับ?
บริการ
-
รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
- รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย
(อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ
vivatchai.amornkul@gmail.com
อ่านบทความอีกชุดที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน
พบ-ป(ร)ะ -กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook
Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/