วันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

เรื่องที่ 186 : รถขายอาหารเคลื่อนที่ (Mobile Catering Truck) กับความคุ้มครองกรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดทั่วไปเชิงพาณิชย์ (Commercial General Liability Insurance Policy (CGL))

 

(ตอนที่หนึ่ง)

 

เรื่องที่ผ่านมาข้อพิพาทที่บังเกิดแก่รถขายอาหารเคลื่อนที่ (Mobile Catering Truck) นั้นมุ่งเน้นไปในประเด็นเรื่องความคุ้มครองกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์เป็นเกณฑ์สำคัญมากกว่า ทั้งที่มีกรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดทั่วไปเชิงพาณิชย์ (Commercial General Liability Insurance Policy (CGL)) คุ้มครองร่วมอยู่ด้วย โดยศาลอุทธรณ์คดีนั้น ให้มุมมองไว้ว่า  

 

กรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดทั่วไปเชิงพาณิชย์กับกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์นั้นมีความเกี่ยวข้องกันพอสมควร โดยเฉพาะหากเป็นกรณีที่เป็นฝ่ายผู้ให้เช่ารถขายอาหารเคลื่อนที่นั้นต้องรับผิด เพราะแม้กรมธรรม์ประกันภัยสองฉบับดังกล่าวจะมิได้ให้ความคุ้มครองทับซ้อนกัน ต่างก็สนับสนุนกันได้ เวลาเมื่ออีกฉบับหนึ่งไม่คุ้มครอง

 

ถัดจากนั้นอีกไม่กี่ปี ก็เกิดเรื่องราวคล้ายคลึงกัน แต่ครานี้กลับปรากฏประเด็นถึงการนำกรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดทั่วไปเชิงพาณิชย์มาใช้บังคับร่วมด้วย ซึ่งจะมีประเด็นน่าศึกษาอะไร อย่างไรบ้างนั้น? ลองมาติดตามกันดูครับ

 

บริษัทเจ้าของรถขายอาหารเคลื่อนที่/ครัวเคลื่อนที่ (Mobile Catering Truck/Food Truck) เจ้าหนึ่งที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งประกอบกิจการให้เช่ารถชนิดนี้แก่ผู้เช่าที่สนใจจะนำไปใช้ เพื่อออกไปตระเวนบริการขายอาหารตามสถานที่ต่าง ๆ

 

ปรากฏมีสามีภรรยาครอบครัวโกเมซได้มาเช่ารถคันหนึ่งออกไปให้บริการดังกล่าว โดยที่ภายในตัวรถคันนั้นมีที่นั่งจำกัดอยู่เพียงสองที่เท่านั้น และมีอุปกรณ์เครื่องครัวที่จำเป็นถูกติดตั้งอยู่ อันประกอบด้วยหม้อทอดแบบน้ำมันท่วม เตาย่าง ตู้อุ่นอาหาร เตาอบ ตู้เย็น เครื่องทำน้ำกาแฟ หม้อ กระทะ จาน ชาม ถ้วย ฯลฯ เพื่อให้บริการแก่ลูกค้า

 

ตัวรถคันนั้นมีลักษณะสามารถพับเปิดด้านข้างออกไปเป็นชั้นวาง เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าด้านนอกได้ โดยตัวผู้ให้บริการเองจะอยู่ภายใน

 

ฉะนั้น รถคันนี้มิได้มีวัตถุประสงค์ในการขนคน หรือขนสิ่งของเหมือนดังเช่นรถยนต์ทั่วไป

 

เงื่อนไขการเช่า คือ ทุกวัน ผู้เช่ามีหน้าที่จะต้องนำรถกลับมาส่งคืนยังสถานที่ประกอบการของผู้ให้เช่า และผู้ให้เช่าก็มีภารกิจในการจัดการทำความสะอาด การบำรุงรักษา และการซ่อมแซมเท่าที่จำเป็นให้ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการทำงานของผู้เช่าในวันถัดไป

 

ส่วนใหญ่แล้ว การจัดเตรียมอาหารที่ใช้ในแต่ละครั้งจะถูกกระทำล่วงหน้าโดยผู้เช่าเอง ณ สถานที่ประกอบการของผู้ให้เช่า ก่อนที่ผู้เช่าจะนำรถคันนั้นออกไปให้บริการภายนอก หรือบางคราอาจมีการจัดเตรียมอาหารเป็นครั้งคราว ณ จุดจอดแวะให้บริการภายนอกก็ได้ แต่มิใช่ในระหว่างที่รถกำลังขับเคลื่อนอยู่

 

ตามปกติ ครอบครัวโกเซจะเริ่มต้นออกไปทำงานตั้งแต่เวลาตีห้า ไปจนถึงเวลาประมาณบ่ายโมง ใช้เส้นทางเดิมประจำทุกครา โดยจะมีการจอดแวะให้บริการตลอดทางอยู่ประมาณ 13 จุด

 

ณ วันที่เกิดอุบัติเหตุ ระหว่างนายโกเมซกำลังขับรถขายอาหารเคลื่อนที่คันที่เช่านั้นอยู่ โดยมีเพื่อนอีกคนร่วมนั่งทางไปด้วย ทำให้นางโกเมซจำต้องไปยืนอยู่ด้านหลังรถ ครั้นพอมาถึงสี่แยกแห่งหนึ่ง นายโกเมซได้หักหลบรถบรรทุกคันหนึ่งซึ่งขับเบียดกินเลนเข้ามา ส่งผลทำให้น้ำมันร้อน ๆ ซึ่งอยู่ในหม้อทอดแบบน้ำมันท่วมกระเซ็นออกมาถูกนางโกเมซจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนตัวผู้โดยสารอีกคนเจ็บไม่มาก

 

ครอบครัวโกเมซกับผู้โดยสารได้มาเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ให้เช่ารถยนต์คันนั้น ในกรณีความรับผิดจากผลิตภัณฑ์ (products liability) ในที่นี้ คือ หม้อทอดแบบน้ำมันท่วม ซึ่งถูกติดตั้งโดยตัวผู้ให้เช่าเอง ดังนี้

 

ก) ความประมาทเลินเล่อ อันเนื่องมาจากการที่ผลิตภัณฑ์ไม่มีความปลอดภัยอย่างเพียงพอ

 

ข) ผลิตภัณฑ์ที่ถูกออกแบบมาอย่างบกพร่อง (design defect) ทำให้ฝาปิดไม่สามารถปิดได้อย่างมิดชิดแน่นหนา

 

เนื่องด้วยผู้ให้เช่ารถยนต์คันนั้นได้จัดทำประกันภัยคุ้มครองเผื่อไว้อยู่แล้วกับบริษัทประกันภัยสองแห่ง รวมทั้งสิ้นสี่ฉบับ ได้แก่

 

1) บริษัทประกันภัย A ประกอบด้วย

 

    1.1) กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์เชิงพาณิชย์ (Commercial Auto Insurance Policy)

 

    1.2) กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์เชิงพาณิชย์ แบบครอบคลุม (Umbrella Commercial Auto Insurance Policy)

 

2) บริษัทประกันภัย T ประกอบด้วย

 

    2.1) กรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดทั่วไปเชิงพาณิชย์ (Commercial General Liability Insurance Policy (CGL))

 

    2.2) กรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดส่วนเกินแบบครอบคลุมเชิงพาณิชย์ (Excess-Umbrella Commercial Liability Insurance Policy)

 

บริษัทประกันภัย A ตกลงยอมรับผิดเพียงบางส่วน เพราะเห็นว่า ทั้งฝ่ายผู้เสียหายเอง และผู้ขับขี่รถบรรทุกคู่กรณี ล้วนต่างควรมีส่วนร่วมรับผิดด้วยเช่นเดียวกัน

 

ขณะที่บริษัทประกันภัย T กลับปฏิเสธไม่ชดใช้ใด ๆ ทั้งสิ้น  

 

ในส่วนคดีของบริษัทประกันภัย A นั้น ปรากฏมีคำวินิจฉัยแจกแจงสัดส่วนความรับผิดของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกรายออกมาว่า

 

- ผู้ขับขี่รถบรรทุกคู่กรณี มีอยู่ร้อยละ 20

 

- ผู้ให้เช่ารถขายอาหารเคลื่อนที่คันนั้น มีอยู่ร้อยละ 40

 

- นายโกเมซ ผู้ขับขี่รถขายอาหารเคลื่อนที่คันที่เช่านั้น มีอยู่ร้อยละ 25

 

- นางโกเมซ ผู้เสียหายในรถขายอาหารเคลื่อนที่คันที่เช่านั้น มีอยู่ร้อยละ 15

 

หลังจากนั้น บริษัทประกันภัย A จึงได้นำคดีขึ้นสู่ศาล เพื่อเรียกร้องให้บริษัทประกันภัย T มาร่วมรับผิดด้วยตามสัดส่วน

 

ผลการวิเคราะห์จะออกมาเช่นไร? รอติดตามนะครับ

 

บริการ

 

-     รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย

-     รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)

สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com ต่างกัน

 

อ่านบทความอีกชุดที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/

 

วันจันทร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

เรื่องที่ 185 : รถขายอาหารเคลื่อนที่ (Mobile Catering Truck) เกิดไฟไหม้เวลาเลิกงาน ณ สถานประกอบการ จนทำให้คนปรุงอาหารบาดเจ็บ กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์จะคุ้มครองหรือไม่?

 

(ตอนที่สอง)

 

ศาลอุทธรณ์ได้วิเคราะห์กรมธรรม์ประกันภัยทั้งสามฉบับที่ถูกอ้างอิงเป็นลำดับในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้

 

1) กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์เชิงพาณิชย์ (Commercial Auto Insurance Policy)

 

1.1) ผู้เอาประกันภัย/ผู้ได้รับความคุ้มครอง

 

แม้หน้าตารางกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้ได้ระบุชื่อผู้เอาประกันภัย คือ นิติบุคคลผู้ให้เช่ารถยนต์ที่เอาประกันภัย รวมถึงคันที่ให้เช่าออกไปด้วยก็ตาม

 

แต่เงื่อนไขความคุ้มครองยังกำหนดให้ขยายความคุ้มครองไปถึงบุคคลอื่นผู้ได้รับความยินยอมให้ขับขี่รถยนต์เหล่านั้นจากผู้เอาประกันภัย ในที่นี้ คือ ตัวผู้เช่า และ/หรือตัวแทนของผู้เช่าอีกด้วย

 

1.2) การประกอบธุรกิจ/ลักษณะการใช้รถยนต์คันที่เอาประกันภัย

 

ได้แถลงไว้ว่า คือ “การขายอาหารแบบเคลื่อนที่ (Mobile Catering)  

 

ฉะนั้น ชัดเจนว่า รถยนต์คันที่เอาประกันภัยเหล่านี้มิได้เพียงมีจุดประสงค์แค่ขนคน หรือสิ่งของจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งตามปกติทั่วไปเท่านั้น

 

แต่มีลักษณะการใช้รถโดยเฉพาะเจาะจงที่ถูกออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อประกอบธุรกิจการขายอาหารแบบเคลื่อนที่ โดยมีอุปกรณ์เครื่องครัวต่าง ๆ ถูกติดตั้งอยู่ในตัวรถคันดังกล่าว ประกอบกับกฎหมายในเรื่องสุขอนามัย ทำให้จำเป็นจะต้องมีการปฏิบัติให้สอดคล้องด้วยการดูแลรักษาความสะอาดกันทุกวันอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

 

1.3) ข้อตกลงคุ้มครอง

 

มีข้อกำหนดว่า บริษัทประกันภัยจะชดใช้จำนวนเงินทั้งหลายในนามของผู้เอาประกันภัย สำหรับความรับผิดตามกฎหมายของผู้เอาประกันภัยที่จะต้องจ่ายเป็นค่าเสียหาย ในกรณีความบาดเจ็บทางร่างกาย หรือความเสียหายทางทรัพย์สินที่มีต่อบุคคลภายนอก อันมีสาเหตุมาจากอุบัติเหตุที่คุ้มครอง และเป็นผลเนื่องมาจากการเป็นเจ้าของ การบำรุงรักษา หรือการใช้รถยนต์คันที่เอาประกันภัยนั้นเอง

 

ไม่ปรากฏคำจำกัดความเฉพาะของคำว่า “การใช้” กำกับเอาไว้เป็นพิเศษ

 

จึงอาศัยแนวทางการตีความของการใช้รถยนต์ อันจะได้รับความคุ้มครองนั้นต้องมีหลักเกณฑ์ ดังนี้

 

(1) อุบัติเหตุนั้นจะต้องเกิดขึ้นเนื่องมาจากลักษณะตามปกติวิสัย (inherent nature) ของรถยนต์คันนั้นเอง

 

(2) อุบัติเหตุนั้นจะต้องเกิดขึ้นภายในอาณาบริเวณตามปกติ (natural territorial limits) ของรถยนต์คันนั้นเอง โดยที่ยังไม่สิ้นสุดการใช้อย่างแท้จริงลงไป

 

(3) อุบัติเหตุนั้นจะต้องไม่ใช่เพียงแค่มีส่วนในการก่อให้เกิดปัจจัยในความบาดเจ็บขึ้นมา แต่จะต้องเป็นต้นเหตุก่อให้เกิดความบาดเจ็บนั้นขึ้นมาเอง

 

เมื่อนำข้อความจริงที่อุบัติขึ้นมาประกอบการพิจารณากับหลักเกณฑ์ข้างต้นแล้ว จะพบว่า

 

(1) อุบัติเหตุนั้นจะต้องเกิดขึ้นเนื่องมาจากลักษณะตามปกติวิสัย (inherent nature) ของรถยนต์คันนั้นเอง

 

เมื่อคู่สัญญาประกันภัยได้ตกลงกันชัดเจนว่า จะให้ความคุ้มครองรถยนต์คันที่เอาประกันภัยซึ่งมีวัตถุประสงค์ดังแถลงโดยเฉพาะเจาะจง เพื่อประกอบธุรกิจการขายอาหารแบบเคลื่อนที่ โดยที่รถแต่ละประเภทของธุรกิจล้วนต่างมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป  

 

ดังนั้น ขอบเขตของการใช้รถคันดังกล่าว คือ เพื่อใช้ขนอาหารกับบุคลากรประจำรถ รวมทั้งการจัดเตรียม และการขายอาหารเหล่านั้น โจทก์ผู้เสียหายอาจไม่มีความปลอดภัยเพียงพอที่จะต้องอยู่ภายในตัวรถซึ่งมีสภาพพื้นรถเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบไขมัน อีกทั้งก็มิอาจที่จะจัดเตรียมอาหาร และทำการขายได้ หากปรากฏว่า รถยนต์คันนั้นเองไม่มีความสะอาด และมีสุขอนามัยที่ดีพอ

 

ด้วยเหตุนี้ การบำรุงรักษาที่ดีพอจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง หากรถยนต์คันนี้มิได้มีอุปกรณ์เครื่องครัวติดตั้งอยู่เลย ก็คงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการขนาดนั้น และอุบัติเหตุดังกล่าวก็คงไม่บังเกิดขึ้นมาได้   

 

ฉะนั้น การทำความสะอาดจึงถือเป็นสิ่งที่เป็นปกติวิสัย สามารถคาดหวังได้ และจำเป็นอย่างยิ่งในการใช้ และการบำรุงรักษารถขายอาหารแบบเคลื่อนที่คันดังกล่าว

 

ความบาดเจ็บที่บังเกิดขึ้นนั้นจึงเข้าอยู่ในหลักเกณฑ์ลักษณะตามปกติวิสัยของรถยนต์คันนั้นเองในข้อนี้

 

(2) อุบัติเหตุนั้นจะต้องเกิดขึ้นภายในอาณาบริเวณตามปกติ (natural territorial limits) ของรถยนต์คันนั้นเอง โดยที่ยังไม่สิ้นสุดการใช้อย่างแท้จริงลงไป

 

รถยนต์คันที่เกิดเหตุได้จอดอยู่ ณ จุดจอดพักรถ ในเวลาที่เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว และความบาดเจ็บของโจทก์ผู้เสียหายก็ได้บังเกิดขึ้นภายในรถยนต์คันนั้นด้วย ทั้งหมดล้วนเข้าหลักเกณฑ์ตามข้อนี้ทุกประการ

 

(3) อุบัติเหตุนั้นจะต้องไม่ใช่เพียงมีส่วนในการก่อให้เกิดปัจจัยในความบาดเจ็บขึ้นมา แต่จะต้องเป็นต้นเหตุก่อให้เกิดวามบาดเจ็บนั้นขึ้นมาเอง

 

ข้อนี้หมายความถึง รถยนต์คันนั้นก่อให้เกิดความบาดเจ็บหรือเปล่า?

 

ฝ่ายบริษัทประกันภัยจำเลยร่วมโต้แย้งว่า อุบัติเหตุมิได้เกิดขึ้นโดยมีรถยนต์คันดังกล่าวเป็นต้นเหตุ แต่เนื่องมาจากการเปิดสวิตช์หลอดไฟแสดงสถานการณ์ทำงาน (pilot light) ของเตาทอดขึ้นมา จนส่งผลให้เกิดประกายไฟไปทำปฏิกิริยากับน้ำมันเบนซินบนพื้นมากกว่า ในลักษณะเป็นสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นเช่นว่านั้นได้ในทุกแห่งหน

 

ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย เพราะเมื่อแปลความได้ว่า กรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้ให้ความคุ้มครองโดยเฉพาะเจาะจงแก่รถขายอาหารแบบเคลื่อนที่ ซึ่งตามปกวิสัยสามารถรับรู้ และคาดหวังได้ถึงการใช้รถอันเกี่ยวข้องกับกิจกรรมการปรุงอาหาร ดังนั้น การทำความสะอาดกับการเทสารไวไฟลงบนพื้นรถ และได้ส่งผลทำให้เกิดเหตุไฟไหม้เนื่องมาจากประกายไฟของหลอดไฟแสดงสถานการณ์ทำงาน จนบังเกิดความบาดเจ็บในท้ายที่สุด ล้วนถือมีสาเหตุมาจากกระบวนการการใช้ และการบำรุงรักษารถยนต์คันดังกล่าวตามปกติวิสัย ซึ่งได้มีข้อตกลงกันเป็นพิเศษนั้นเองตามหลักเกณฑ์ข้อนี้ด้วยเช่นเดียวกัน

 

1.3) ข้อยกเว้นว่าด้วยบุคคลภายนอกนั้นต้องมิใช่ลูกจ้างในทางการที่จ้าง (employee) ของผู้ขับขี่นั้นเอง

 

ในที่นี้ พนักงานขับรถยนต์คันดังกล่าวถูกมองว่า ตกอยู่ในฐานะลูกจ้าง และถือเสมือนหนึ่งเป็นตัวแทนของผู้เช่าผู้ได้รับความยินยอมให้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวจากผู้เอาประกันภัย

 

ฝ่ายบริษัทประกันภัยจำเลยร่วมได้โต้แย้งเพิ่มเติมอีกว่า แม้กรณีจะผ่านสองหัวข้อแรกแล้วก็ตาม กรณีก็ยังมาตกอยู่ในข้อยกเว้นนี้อยู่ดี เนื่องจากโจทก์ผู้เสียหายเองก็ถือเป็นลูกจ้างของผู้เช่าเช่นเดียวกัน

 

ทำให้มีประเด็นคำถามว่า อันที่จริงโจทก์ผู้เสียหายมีสถานะเป็น

 

(ก) ลูกจ้าง (employee)? หรือ

 

(ข) ผู้รับจ้างอิสระ (independent contractor)?

 

โดยหลักกฎหมาย ความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง โดยไม่คำนึงจะเรียกหากันเช่นไร?

 

นายจ้างจะต้องมีอำนาจในการกำกับดูแล และการสั่งการลูกจ้าง โดยที่ลูกจ้างนั้นจำต้องปฏิบัติตามคำสั่งเช่นว่านั้นของนายจ้างด้วย

 

ประเด็นข้อนี้ มิได้ถูกวินิจฉัยจากศาลชั้นต้น เพราะศาลชั้นต้นเพียงตัดสินเห็นพ้องกับฝ่ายบริษัทประกันภัยจำเลยร่วม โดยมุ่งเน้นไปให้น้ำหนักกับประเด็นเรื่องการใช้ และการบำรุงรักษารถยนต์คันดังกล่าวเป็นเกณฑ์สำคัญประการเดียวเท่านั้น

 

2) กรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดทั่วไปเชิงพาณิชย์ (Commercial General Liability Insurance Policy (CGL))

 

อันที่จริง มิได้มีประเด็นร้องอุทธรณ์คำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นที่ว่า ผู้เช่าไม่ใช่ผู้เอาประกันภัยตามคำจำกัดความของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้

 

แต่กรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้กับกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์นั้นมีความเกี่ยวข้องกันพอสมควร โดยเฉพาะหากว่า เป็นกรณีที่เป็นฝ่ายผู้ให้เช่าต้องรับผิด เพราะแม้สองกรมธรรม์ประกันภัยนั้นจะไม่ให้ความคุ้มครองทับซ้อนกัน ต่างก็สนับสนุนกันเวลาเมื่ออีกฉบับหนึ่งไม่คุ้มครอง

 

3) กรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดแบบครอบคลุมเชิงพาณิชย์ (Umbrella Commercial Liability Insurance Policy)

 

สำหรับกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้จะมีหลักเกณฑ์ใช้บังคับได้สองกรณีด้วยกัน กล่าวคือ

 

(ก) ถ้ากรณีคุ้มครองโดยกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ กรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้จะคุ้มครองเสริมเพิ่มเติมให้

 

(ข) ถ้ากรณีไม่คุ้มครองโดยกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ กรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้อาจจะคุ้มครองเสริมเพิ่มเติมให้ก็ได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับข้อกำหนด และเงื่อนไขที่เขียนเอาไว้เป็นสำคัญ

 

ข้อสรุป

 

ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษากลับคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น โดยเห็นว่า ฝ่ายบริษัทประกันภัยจำเลยร่วมจำต้องรับผิด ภายใต้ข้อตกลงคุ้มครองว่าด้วยการใช้กับการบำรุงรักษารถยนต์คันที่เอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ฉบับพิพาท และให้ย้อนคดีกลับไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยเพิ่มเติม ในประเด็นเรื่องข้อยกเว้นว่าด้วยความบาดเจ็บของลูกจ้างนั้นเอง

 

(อ้างอิง และเรียบเรียงมาจากคดี Employers Mutual Casualty Company v. Bonilla, 613 F.3d 512 (5th Cir. July 29, 2010)) 

 

หมายเหตุ

 

ข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนของโจทก์ผู้เสียหาย มีลักษณะเป็นผู้รับจ้างอิสระรายวันมากกว่า โดยมีสิทธิเลือกที่จะไปทำงานให้แก่ผู้เช่า หรือผู้ให้เช่ารถคันดังกล่าวก็ได้ตลอดเวลา

 

ในสถานะทางกฎหมายแล้วไม่มีความชัดเจนเพียงพอ แม้กระทั่งในบ้านเราเอง มีดำริร่างกฎหมาย เพื่อออกมารองรับสถานะเช่นว่านี้ด้วย แต่ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่พอสมควร เทียบเคียงได้กับกรณีของไรเดอร์ผู้รับจ้างอิสระ

 

ส่วนคดีนี้ ถ้าลองนำมาปรับใช้กับกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์บ้านเรา เชื่อว่า น่าจะมีโอกาสได้รับความคุ้มครองค่อนข้างสูง เพราะภายใต้หมวดการคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ข้อ 1. ข้อตกลงคุ้มครอง เขียนว่า

 

บริษัท (ประกันภัย) จะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความสูญเสีย หรือความเสียหายอย่างใด ๆ อันเกิดแก่บุคคลภายนอก ซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย เนื่องจากอุบัติเหตุอันเกิดจากรถยนต์ที่ใช้ หรืออยู่ในทาง หรือสิ่งที่บรรทุก หรือติดตั้งในรถยนต์นั้น ในระหว่างระยะเวลาประกันภัย ในนามผู้เอาประกันภัย

 

อนึ่ง มีตัวอย่างคดีศึกษาต่างประเทศอีกคดีหนึ่งซึ่งมีเรื่องราวใกล้เคียงกันมาก แต่กลับเป็นประเด็นข้อถกเถียงในเรื่องของกรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดทั่วไปเชิงพาณิชย์ (Commercial General Liability Insurance Policy (CGL)) แทน

 

โปรดติดตามได้ในตอนหน้าครับ

 

บริการ

 

-     รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย

-     รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)

สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com ต่างกัน

 

อ่านบทความอีกชุดที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/

 

วันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

เรื่องที่ 185 : รถขายอาหารเคลื่อนที่ (Mobile Catering Truck) เกิดไฟไหม้เวลาเลิกงาน ณ สถานประกอบการ จนทำให้คนปรุงอาหารบาดเจ็บ กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์จะคุ้มครองหรือไม่?

 

(ตอนที่หนึ่ง)

 

ปัจจุบัน เราสามารถพบเห็นรถขายอาหารเคลื่อนที่/ครัวเคลื่อนที่ (Mobile Catering Truck/Food Truck) เพิ่มปริมาณขึ้นอย่างมากมายตามแหล่งชุมชน หรือจุดจอดต่าง ๆ เพื่อให้บริการทั้งอาหาร และ/หรือเครื่องดื่มแก่ลูกค้าทั่วไป ซึ่งนับเป็นเทรนด์ใหม่ โดยเฉพาะสำหรับผู้เริ่มต้นประกอบธุรกิจด้านอาหาร และเครื่องดื่ม อันได้รับการตอบรับที่ดียิ่งจากลูกค้า

 

แล้วเวลาเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา จะมีประเด็นปัญหาด้านประกันภัยอะไรบ้างไหม?

 

ส่วนตัวยังไม่พบเจอในบ้านเรา

 

แต่ที่ต่างประเทศได้เกิดขึ้นมาแล้วดั่งเช่นในตัวอย่างคดีศึกษานี้

 

นายบี (นามสมมุติ) ได้ไปขอเช่ารถขายอาหารเคลื่อนที่คันหนึ่งจากผู้ประกอบการรถจำพวกนี้ ทั้งยังขอแบ่งเช่าพื้นที่ส่วนหนึ่ง เพื่อใช้เป็นจุดจอดพักรถ และจุดจัดเตรียมอาหารก่อนที่จะขับเคลื่อนนำรถคันนั้นออกไปให้บริการแก่ลูกค้าภายนอกตามสถานที่ต่าง ๆ ในแต่ละวันด้วย

 

นายบีได้ว่าจ้างพนักงานขับรถกับพนักงานปรุงอาหารประจำรถของตนเอาไว้ โดยกำหนดตารางหน้าที่ประจำวันว่า ภายหลังจากสิ้นสุดการออกไปทำงานนอกสถานที่แต่ละวัน จะต้องนำรถกลับเข้ามายังจุดจอดพักรถนั้น เพื่อทำความสะอาด และจัดเตรียมความพร้อมที่จะออกไปทำงานในวันถัดไปให้เรียบร้อยเสียก่อน

 

เย็นวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2002 เมื่อพนักงานขับรถนำรถคันนั้นกลับมาจุดจอดพักประจำเรียบร้อยแล้ว ได้เทราดน้ำมันเบนซินลงทิ้งไว้บนพื้นรถชั่วช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อปล่อยให้คราบไขมันที่เปรอะเปื้อนอยู่บนพื้นนั้นสามารถหลุดร่อนออกมา อันง่ายแก่การที่จะกลับมาทำความสะอาดภายหลัง ระหว่างที่ตนเดินจากไปนำส่งเงินยอดรายได้ประจำวันให้แก่นายบี

 

ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง พนักงานปรุงอาหารที่อยู่ในรถคันนั้นก็กำลังทำหน้าที่ล้างจานชามกับถาดใส่อาหารอยู่ ครั้นพอเอื้อมมือไปเปิดสวิตช์หลอดไฟแสดงสถานการณ์ทำงาน (pilot light) ของเตาทอดขึ้นมา จู่ ๆ ได้ก่อให้เกิดประกายไฟทำให้น้ำมันเบนซินบนพื้นนั้นติดไฟลุกไหม้ท่วมตัวพนักงานปรุงอาหารผู้นั้นจนบาดเจ็บสาหัส

 

พนักงานปรุงอาหารผู้บาดเจ็บได้ยื่นฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายทั้งจากตัวนายบี (ผู้เช่ารถ) และผู้ประกอบการรถขายอาหารเคลื่อนที่ (ผู้ให้เช่ารถ) เป็นจำเลยร่วมกัน 

 

นายบี มิได้จัดทำประกันภัยใด ๆ เผื่อเอาไว้เลย แต่ผู้ประกอบรถจำพวกนี้ได้มีกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองอยู่รวมสามฉบับ อันได้แก่

 

1) กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์เชิงพาณิชย์ (Commercial Auto Insurance Policy) ซึ่งครอบคลุมรถยนต์จำพวกนี้ทุกคัน รวมถึงรถคันให้เช่าที่เกิดเหตุด้วย

 

2) กรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดทั่วไปเชิงพาณิชย์ (Commercial General Liability Insurance Policy (CGL))

 

3) กรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดแบบครอบคลุมเชิงพาณิชย์ (Umbrella Commercial Liability Insurance Policy)

 

บริษัทประกันภัยซึ่งให้ความคุ้มครองเหล่านั้นได้ถูกเรียกเข้ามาร่วมรับผิดในคดีด้วย ได้ปฏิเสธความรับผิดอย่างสิ้นเชิง โดยหยิบยกประเด็นต่าง ๆ มากล่าวอ้างโต้แย้ง ดังนี้

 

1) กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์เชิงพาณิชย์

 

ไม่คุ้มครอง เนื่องจากขณะเกิดเหตุมิได้ตกอยู่ภายใต้เงื่อนไขความคุ้มครองว่าด้วยการขับขี่ การบำรุงรักษา หรือการใช้รถ (the operation, maintenance or use of insured vehicle) แต่ประการใด เพราะอยู่ในช่วงเลิกการใช้งานนั้นแล้ว อีกทั้งก็มิได้อยู่ในความหมายของการบำรุงรักษารถตามปกติทั่วไปด้วยเช่นกัน

 

นอกเหนือจากนี้ ผู้บาดเจ็บก็ไม่ถือเป็นบุคคลภายนอก อันตกอยู่ในข้อยกเว้นไม่คุ้มครองถึงตัวลูกจ้างอีกด้วย

 

2) กรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดทั่วไปเชิงพาณิชย์

 

ไม่คุ้มครอง เนื่องจากเข้าข้อยกเว้นว่าด้วยความรับผิดของยานพาหนะใดที่จดทะเบียนให้ใช้บนท้องถนน และไม่ถือเป็น “อุปกรณ์ที่เคลื่อนที่ได้ (Mobile Equipment)” ตามคำจำกัดความเฉพาะ

 

อีกทั้งตัวผู้เช่าไม่ถือเป็นผู้เอาประกันภัยตามคำจำกัดความเฉพาะที่จะต้องถูกระบุชื่อลงไปให้ชัดเจน อนึ่ง เจตนารมณ์ของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้เพียงเพื่อคุ้มครองผู้ประกอบการรถขายอาหารเคลื่อนที่ (ผู้ให้เช่ารถ) เองเท่านั้น

 

3) กรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดแบบครอบคลุมเชิงพาณิชย์

 

ไม่คุ้มครอง เนื่องจากกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้จะทำงานเป็นส่วนเสริมเพิ่มเติมจากสองกรมธรรม์ประกันภัยแรกนั้นเอง

 

ศาลชั้นต้นเห็นพ้องกับฝ่ายบริษัทประกันภัยในฐานะจำเลยร่วมในประเด็นที่ว่า อุบัติเหตุนั้นมิได้เกิดขึ้นมาจากการใช้รถ เพราะการใช้รถคันนั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว และขณะเกิดเหตุดังกล่าวอยู่ในช่วงเวลาการทำความสะอาดกับการจัดเตรียมความพร้อมสำหรับวันถัดไปต่างหาก ซึ่งก็มิได้อยู่ในความหมายของการบำรุงรักษารถตามปกติทั่วไปอีก จึงตัดสินให้ฝ่ายบริษัทประกันภัยไม่ต้องรับผิด โดยไม่จำเป็นต้องไปพิจารณาถึงประเด็นอื่นใดเพิ่มเติม

 

โจทก์ผู้เสียหายร้องอุทธรณ์คัดค้าน

 

คุณเห็นว่า ฝ่ายใดควรชนะคดีนี้ครับ

 

ฝ่ายโจทก์? หรือ

 

ฝ่ายจำเลย?

 

ลองลุ้นดูนะครับ แล้วค่อยไปรับฟังผลการอุทธรณ์สัปดาห์หน้ากัน

 

บริการ

-     รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย

-     รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)

สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com ต่างกัน

 

อ่านบทความอีกชุดที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/