เรื่องที่ 145: ความคุ้มครองระยะเวลาบำรุงรักษา
(Maintenance
Period Coverage) ภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยการปฏิบัติงานตามสัญญา
(Contract Works Insurance Policy) ควรถูกแปลความหมายเช่นไรดี?
(ตอนที่สาม)
ดังที่กล่าวแล้วว่า ภายใต้กรมธรรม์การปฏิบัติงานตามสัญญาจะประกอบด้วยระยะเวลาความคุ้มครอง
ดังนี้
1) ระยะเวลาการก่อสร้าง
และ/หรือการติดตั้ง
2) ระยะเวลาการทดสอบเครื่องจักรใหม่
ทั้งสองช่วงระยะเวลาข้างต้น
ผู้เอาประกันภัยจะได้รับความคุ้มครองหลัก คือ
(ก) ทรัพย์สินที่เอาประกันภัย
(งานถาวรกับงานชั่วคราวตามสัญญาว่าจ้าง) และ/หรือ
(ข) ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก
ถึงแม้นจะเป็นการให้ความคุ้มครองการปฏิบัติงานตามสัญญาว่าจ้าง
แต่ก็มิได้คุ้มครองความรับผิดตามสัญญาว่าจ้างเสียทีเดียว เพียงจำกัดขอบเขตเฉพาะกรณีที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ
หรือภัยธรรมชาติที่มิได้ถูกยกเว้นอย่างชัดเจนในกรมธรรม์ประกันภัยเท่านั้น
ช่วงระยะเวลาเหล่านี้
โดยทั่วไปจะมีกรมธรรม์ประกันภัยที่เข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรงกับโครงการก่อสร้าง/ติดตั้ง
เป็นต้นว่า
(ก) กรมธรรม์ประกันภัยการปฏิบัติงานตามสัญญา
(CAR/EAR)
โดยมีผู้เอาประกันภัยร่วม ได้แก่ ผู้ว่าจ้าง ผู้รับเหมาหลัก
และผู้รับเหมาช่วง
(ข) กรมธรรม์ประกันภัยเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้าง
(CPM) ผู้รับเหมาเป็นผู้เอาประกันภัยฝ่ายเดียว
(ค)
กรมธรรม์ประกันภัยการขนส่ง (ในประเทศ/ระหว่างประเทศ) เพื่อขนส่งอุปกรณ์เครื่องจักรที่จะติดตั้งมาพักรอไว้
ณ สถานที่จัดเก็บภายนอก หรือส่งมาถึงสถานที่ก่อสร้างก็ได้ จัดทำขึ้นมาโดยผู้ว่าจ้าง
หรือผู้รับเหมาก็ได้ แล้วแต่กรณี
3) ระยะเวลาการบำรุงรักษา
ขณะที่ช่วงระยะเวลานี้
แม้ในกรมธรรม์ประกันภัยฉบับมาตรฐานบ้านเรามิได้กำหนดคำนิยามเอาไว้อย่างชัดเจน และมีบางท่าน
(ทั้งในประเทศกับต่างประเทศ) ตีความว่า ข้อยกเว้นเรื่องความบกพร่องจากการออกแบบผิดพลาด
วัสดุที่บกพร่อง และฝีมือแรงงานที่บกพร่องนั้นจะคงยังมีผลใช้บังคับสำหรับช่วงระยะเวลาการบำรุงรักษาด้วยเช่นกัน
ถ้างั้นบริษัทประกันภัยจะให้ความคุ้มครองอะไรกันแน่?
นี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งหรือเปล่าที่ทำให้บริษัทประกันภัยไม่อยากใช้คำเรียกว่า
“ระยะเวลาการรับประกันความชำรุดบกพร่อง/ระยะเวลาการแก้ไขความชำรุดบกพร่อง (Defects Liability Period/Defects
Retification Period)”?
ทั้งที่ตามข้อสัญญาว่าจ้าง และข้อกฎหมายแล้ว
ล้วนกำหนดให้เป็นเรื่องความรับผิดตามสัญญา (Contractual Liability) ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะระหว่างผู้ว่าจ้างกับผู้รับเหมาสองฝ่ายเท่านั้น
(โดยไม่ได้คุ้มครองถึงตัวงานที่ส่งมอบแล้วตามสัญญาว่าจ้าง ทรัพย์สินอื่นใดของผู้ว่าจ้าง
และความรับผิดต่อบุคคลภายนอกด้วย เว้นแต่จะได้ขยายเอาไว้เป็นอย่างอื่น)
เมื่อย้อนไปพิจารณา ภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยการปฏิบัติงานตามสัญญาการก่อสร้าง
ฉบับภาษาไทย หมวดที่ 4
ข้อตกลงคุ้มครอง ส่วนที่ 1 งานก่อสร้างและงานวิศวกรรมโยธา
ข้อที่ 1.3.2 ระยะเวลาบำรุงรักษา ซึ่งเขียนว่า
“หากมีการกำหนดระยะเวลาบำรุงรักษาไว้ในตารางกรมธรรม์ประกันภัย
ความรับผิดของบริษัทจะจำกัดอยู่เพียงความเสียหายใดที่เกิดขึ้นจากงานที่ผู้รับเหมา
ซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยปฏิบัติตามข้อผูกพัน ภายใต้การบำรุงรักษาตามสัญญาการก่อสร้างเท่านั้น”
ยิ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า
ช่วงระยะเวลาการบำรุงรักษาจะเป็นช่วงเวลาที่ผู้รับเหมาจะเข้าไปแก้ไขงานตามสัญญาว่าจ้างที่ยังถูกตรวจพบว่า
มีความชำรุดบกพร่องอยู่ให้กลับมาอยู่ในสภาพเรียบร้อยถูกต้องสมบูรณ์ตามที่ได้ตกลงกันไว้ในสัญญาว่าจ้างนั้นเอง
โดยขั้นตอนการทำงานก่อสร้าง/ติดตั้ง เมื่อทำงานจนเสร็จแล้ว
จำต้องมีการตรวจสภาพความเรียบร้อยถูกต้องสมบูรณ์เสียก่อน หากจุดใดยังบกพร่องไม่เรียบร้อยสมบูรณ์
ผู้ตรวจสอบซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ว่าจ้างก็จะจัดทำรายงานแก้ไข (Punch
List) ให้แก้ไขก่อนส่งมอบงาน และเมื่อได้แก้ไขจนครบถ้วนถูกต้องสมบูรณ์เป็นที่พึงพอใจแล้ว
ผู้ว่าจ้างก็จะรับมอบงานอย่างเป็นทางการ พร้อมกับออกใบรับรองงานแล้วเสร็จ
(Certificate of Completion) ให้ไว้เป็นหลักฐาน
ภาระหน้าที่การก่อสร้าง/การติดตั้งตามสัญญาว่าจ้างถือเป็นสิ้นสุดลงเช่นเดียวกับความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยการปฏิบัติงานตามสัญญา
ยกเว้นเหลือเพียงแค่ข้อสัญญาการรับประกันความชำรุดบกพร่อง ซึ่งผู้รับเหมามีอยู่กับผู้ว่าจ้างเท่านั้น
ความชำรุดบกพร่องที่หลุดรอดจากการตรวจรับงาน ถ้าจะคงหลงเหลืออยู่บ้าง น่าจะไม่มาก
แต่โครงการใดมิได้มีการตรวจรับมอบงานที่ดีพอ อาจก่อให้เกิดปัญหาภายหลังได้
ดังนั้น ช่วงระยะเวลาการบำรุงรักษา หรือช่วงระยะเวลาการรับประกันความชำรุดบกพร่องจะเริ่มนับตั้งแต่เวลาเมื่อมีการส่งมอบงานอย่างเป็นทางการดังกล่าวเป็นต้นไปจนกว่าจะสิ้นสุดช่วงระยะเวลาดังกล่าวตามที่ได้ตกลงกันไว้
ในช่วงระยะเวลานี้โดยทั่วไปจะมีกรมธรรม์ประกันภัยที่เข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรง
เป็นต้นว่า
(ก) กรมธรรม์ประกันภัยการปฏิบัติงานตามสัญญา
(CAR/EAR) เหลืออยู่เพียงเฉพาะเงื่อนไขช่วงระยะเวลาการบำรุงรักษาตามข้อสัญญาว่าจ้างเท่านั้น
(ข)
กรมธรรม์ประกันอัคคีภัย/กรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (IAR) กรมธรรม์ประกันภัยเครื่องจักร
(MBD)/หม้อน้ำ (BPV)/อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (EEI)
แล้วแต่กรณี ซึ่งผู้ว่าจ้างเป็นผู้เอาประกันภัยจัดทำขึ้นเพื่อคุ้มครองทรัพย์สิน
(งานถาวรที่ได้รับมอบมาแล้ว)
(ค)
กรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอก (PL) ของผู้รับเหมา
ซึ่งได้ขยายถึงการทำงานนอก (Work Away) สถานที่ประกอบการของผู้รับเหมาเอง
ระยะเวลาการบำรุงรักษานั้น
โดยหลักการแล้วจะต้องมีการขอขยายให้คุ้มครองเสียก่อน (การประกันภัยการก่อสร้าง/การติดตั้งของประเทศสหรัฐอเมริกาที่เรียกว่า
“Builders’
Risk Insurance” จะไม่ให้ความคุ้มครองช่วงระยะเวลานี้) โดยจะมีการเรียกเก็บชำระเบี้ยประกันภัยเพิ่มเติมด้วย
และมีแบบความคุ้มครองให้เลือกอยู่สองแบบ ได้แก่ (ควรแนบเอกสารแนบท้ายของแต่ละแบบ
เพื่อกำหนดขอบเขตไว้ด้วย)
(1) แบบจำกัด
หรือแบบเยี่ยมชม (Limited/Visits Maintenance Cover)
จะให้ความคุ้มครองจำกัด
หรือแคบกว่าแบบที่สอง โดยถูกร่างขึ้นมาใช้ก่อน เพราะบริษัทประกันภัยยังลังเลที่จะให้ความคุ้มครองมากกว่านี้
บางประเทศคิดอัตราเบี้ยประกันภัยเพิ่มเติมอยู่ระหว่าง 0.025 – 0.050% แล้วแต่ช่วงระยะเวลา
โดยกำหนดเงื่อนไขความคุ้มครอง ดังนี้
ความสูญเสีย หรือความเสียหายโดยอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการกระทำของผู้รับเหมาระหว่างเข้าไปปฏิบัติงานตามภาระผูกพันในข้อสัญญาการบำรุงรักษา
(การรับประกันความชำรุดบกพร่อง) ตามสัญญาว่าจ้างนั้นเอง
ข้อสังเกต - อาจเกิดขึ้นได้จากกรณีที่ผู้รับเหมาเข้าไปตรวจเยี่ยมตามวาระ
หรือเจ้าของทรัพย์สิน (งานถาวรที่ส่งมอบแล้วของผู้ว่าจ้าง) บังเอิญตรวจเจอข้อบกพร่องจึงเรียกตัวให้เข้าไปดูก็ได้
และระหว่างนั้น บังเอิญไปสร้างความเสียหายใหม่ขึ้นมาแก่ทรัพย์สินดังกล่าวเพียงเท่านั้น
อันมีลักษณะเป็นการคุ้มครองความรับผิดตามกฎหมายต่อเจ้าของทรัพย์สิน (งานถาวรที่ส่งมอบแล้วของผู้ว่าจ้าง)
เท่านั้น โดยที่มิได้รวมไปถึงความชำรุดบกพร่องเดิม
(2) แบบขยาย (Extended
Maintenance Cover)
ต่อมา
ผู้ร่างเงื่อนไขความคุ้มครองเห็นว่า
แบบแรกไม่สามารถตอบสนองแก่ความเสี่ยงภัยของผู้รับเหมาได้อย่างแท้จริง
จึงได้กำหนดแบบที่สองนี้ขึ้นมา โดยเพิ่มความคุ้มครองรวมไปถึงความสูญเสีย
หรือความเสียหายโดยอุบัติเหตุต่องานถาวรที่เกิดขึ้นมาแล้วระหว่างการก่อสร้าง/การติดตั้ง
ซึ่งหลุดรอดจากการพบเห็นเวลาตรวจรับและส่งมอบงานครั้งสุดท้าย หรือความชำรุดบกพร่องเดิมนั่นเอง
บางประเทศคิดอัตราเบี้ยประกันภัยเพิ่มเติมอยู่ระหว่าง
0.050 –
0.100% แล้วแต่ช่วงระยะเวลา
ข้อสังเกต – มีลักษณะเป็นการคุ้มครองความรับผิดตามสัญญาว่าจ้างข้อการรับประกันความชำรุดบกพร่อง
และความรับผิดตามกฎหมายต่อเจ้าของทรัพย์สิน (งานถาวรที่ส่งมอบแล้วของผู้ว่าจ้าง) เนื่องจากการนั้นด้วย
เนื่องด้วยถ้อยคำที่ใช้อยู่เดิมไม่ใคร่ชัดเจน
ทั้งไม่มีคำนิยามกำหนดเอาไว้ รวมถึงมีถ้อยคำเขียนไว้อย่างหลากหลายอีกด้วย ส่งผลทำให้เกิดการแปลความหมายออกไปแตกต่างกัน
ปัจจุบันนี้ แม้นจะได้ปรากฏถ้อยคำที่ร่างใหม่ออกมาหลากหลาย
พร้อมกับคำนิยามเฉพาะกำกับเอาไว้ด้วยแล้วก็ตาม บางอันก็ชัดขึ้น
บางอันก็ยังไม่แน่ใจเช่นเดิม น่าเสียดายที่ไม่พบเจอแนวคำพิพากษาในประเด็นเรื่องนี้ที่เกี่ยวกับด้านประกันภัย
ตัวอย่างที่ 1 ถ้อยคำต่างประเทศ
(ก) ช่วงระยะเวลาบำรุงรักษา
หมายความถึง ช่วงระยะเวลาที่เริ่มต้นนับตั้งแต่เมื่อส่วนใดของงานตามสัญญาว่าจ้างได้ถูกเข้าไปใช้งาน
ถูกเข้าไปครอบครอง หรือถูกออกใบรับรองว่างานแล้วเสร็จในระดับที่ใช้การได้ (Certificate of
Practical Completion) จนสิ้นสุดเมื่อ
(ก)
ครบกำหนดช่วงระยะเวลาการบำรุงรักษา หรือการรับประกันความชำรุดบกพร่องตามที่กำหนดไว้ในสัญญาประกันภัย
หรือ
(ข)
ครบกำหนดช่วงระยะเวลาดังที่ปรากฏในตารางกรมธรรม์ประกันภัย
แล้วแต่กรณีในข้อใดจะครบกำหนดก่อนกัน
ข้อสังเกต - ร่างลักษณะนี้จะให้แต่ละส่วนงานมีการนับระยะเวลาบำรุงรักษาแยกจากกันไป
โดยมีช่วงระยะเวลาการบำรุงรักษาหลักครอบอีกทีไว้ด้วย ดูแล้วไม่สอดคล้องกับสัญญาว่าจ้าง
(ยังไม่ถึงขั้นใบรับรองงานแล้วเสร็จ
(Certificate
of Completion) อย่างสมบูรณ์ โปรดอ่านข้อมูลเพิ่มเติมในบทความประกันภัยเป็นเรื่อง
เรื่องที่ เรื่องที่ 63:ภายหลังจากผู้รับเหมาติดตั้งเครื่องจักรเสร็จสิ้น
และส่งมอบงานไปเรียบร้อยแล้ว ระหว่างที่เจ้าของโรงงานกำลังใช้งานเครื่องจักรนั้นอยู่
ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาสร้างความเสียหาย
จะยังคงได้รับความคุ้มครองจากกรมธรรม์ประกันภัยการปฏิบัติงานตามสัญญา (Contract
Works Insurance Policy) หรือกรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทุกชนิด
สำหรับผู้รับเหมา (Contractor’s All Risks Insurance Policy) อยู่หรือไม่?)
ความเสียหายในระหว่างช่วงระยะเวลาการบำรุงรักษา
ผู้เอาประกันภัย
(ผู้รับเหมา) จะได้รับความคุ้มครองความรับผิดตามกฎหมายอันเกิดจากการเข้าไปแก้ไขความเสียหายโดยอุบัติเหตุของทรัพย์สินที่เอาประกันภัย
ภายใต้เงื่อนไขการบำรุงรักษา
หรือการรับประกันความชำรุดบกพร่องตามสัญญาว่าจ้าง ทั้งนี้ โดยมีเงื่อนไขว่า
ความเสียหายนั้นจะต้อง
1) ถูกค้นพบระหว่างช่วงระยะเวลาการบำรุงรักษา
และ
2) เกิดขึ้นเนื่องมาจากงานตามสัญญาว่าจ้างในระหว่างช่วงระยะเวลาการก่อสร้าง/การติดตั้ง
และ
3) ผู้เอาประกันภัย
(ผู้รับเหมา) ได้ก่อให้เกิดขึ้นมาขณะปฏิบัติหน้าที่ ภายใต้เงื่อนไขเงื่อนไขการบำรุงรักษา
หรือการรับประกันความชำรุดบกพร่องตามสัญญาว่าจ้าง
ตัวอย่างที่ 2 ถ้อยคำต่างประเทศ
(ก) ช่วงระยะเวลาบำรุงรักษา
หมายความถึง เมื่อได้ระบุช่วงระยะเวลาการบำรุงรักษาไว้ในตารางกรมธรรม์ประกันภัย
คือ ช่วงระยะเวลาที่จะขยายออกไปจากระยะเวลาประกันภัย (โดยที่งานตามสัญญาว่าจ้างได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว)
ตามจำนวนวันที่ปรากฏอยู่ในช่วงระยะเวลาการบำรุงรักษานั้นเอง แต่จะต้องไม่เกินกว่าช่วงระยะเวลาการบำรุงรักษา
หรือช่วงระยะเวลาการรับประกันความชำรุดบกพร่องดังที่กำหนดไว้ในสัญญาว่าจ้าง
ทั้งนี้ กรมธรรม์ประกันภัยจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัย
สำหรับความรับผิดตามกฎหมายของผู้เอาประกันภัยในการปรับแก้ไขความสูญเสีย
หรือความเสียหายทางกายภาพต่องานตามสัญญาว่าจ้าง
เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขของสัญญาว่าจ้างนั้นเอง ซึ่งเกิดขึ้นภายในช่วงระยะเวลาการบำรุงรักษาดังระบุไว้
โดยที่เป็นเพียงความรับผิดชอบเฉพาะของผู้เอาประกันภัย (ผู้รับเหมา) และเนื่องมาจาก
1) สาเหตุที่มิได้ถูกระบุยกเว้นไว้เป็นอย่างอื่น
ซึ่งเกิดขึ้นมาจากการปฏิบัติงานตามสัญญาประกันภัยในระหว่างระยะเวลาประกันภัย
หรือ
2) สาเหตุที่มิได้ถูกระบุยกเว้นไว้เป็นอย่างอื่น
ซึ่งเกิดขึ้นมาจากการดำเนินงานของผู้เอาประกันภัย (ผู้รับเหมา) ขณะที่ปฏิบัติงานตามข้อกำหนดว่าด้วยการบำรุงรักษาของสัญญาประกันภัย
ข้อสังเกต - โปรดพิจารณาการใช้ถ้อยคำว่า
“สัญญว่าจ้าง” กับ “สัญญาประกันภัย” นั้น ในทั้งสองตัวอย่าง
จะก่อให้เกิดผลในการแปลความหมายที่แตกต่างกันหรือไม่?
กรณีศึกษาที่ 1
ภายหลังจากที่ผู้ว่าจ้างได้รับมอบอาคารโกดังใหม่ที่เพิ่งก่อสร้างเสร็จจากผู้รับเหมาได้ไม่นาน
เกิดปัญหาหลังคาโลหะที่ติดตั้งอยู่ได้ส่งสัญญาณไม่ดี แล้วอีกไม่นานก็พังถล่มลงมาท้ายที่สุด
ในช่วงระหว่างระยะเวลาการบำรุงรักษา หรือช่วงระยะเวลาการรับประกันความชำรุดบกพร่องตามสัญญาว่าจ้าง
หากพิสูจน์ได้ว่า เหตุการณ์นี้มีสาเหตุมาจากการออกแบบผิดพลาดจะได้รับความคุ้มครองหรือไม่?
ลำดับแรกจำต้องพิจารณาก่อนว่า
ถือเป็นความรับผิดตามสัญญาว่าจ้างของผู้รับเหมาหรือไม่?
ลำดับที่สอง ตกอยู่ในข้อกำหนด ข้อยกเว้น
และเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัยหรือไม่?
(ก) ถ้าเทียบเคียงกับตัวอย่างถ้อยคำที่
1 ซึ่งให้ถือสัญญาประกันภัยเป็นเกณฑ์ เห็นว่า น่าจะแปลความไม่ได้รับความคุ้มครอง
เนื่องจากข้อยกเว้นของกรมธรรม์ประกันภัยการปฏิบัติงานตามสัญญาระบุว่า
ไม่คุ้มครองความเสียหายอันเนื่องมาจากการออกแบบผิดพลาด
ความบกพร่องของวัสดุหรือแบบหล่อ ฝีมือแรงงานที่ไม่ได้มาตรฐาน
ซึ่งไม่ใช่ความผิดพลาดจากการติดตั้ง
(ข) ถ้าเทียบเคียงกับตัวอย่างถ้อยคำที่
2 ซึ่งให้ถือสัญญาว่าจ้างเป็นเกณฑ์ เห็นว่า น่าจะแปลความได้รับความคุ้มครอง ภายใต้ช่วงระยะเวลาการบำรุงรักษา
แบบขยาย แม้ข้อยกเว้นของกรมธรรม์ประกันภัยการปฏิบัติงานตามสัญญาจะระบุว่า
ไม่คุ้มครองความเสียหายอันเนื่องมาจากการออกแบบผิดพลาด
ความบกพร่องของวัสดุหรือแบบหล่อ ฝีมือแรงงานที่ไม่ได้มาตรฐาน
ซึ่งไม่ใช่ความผิดพลาดจากการติดตั้งก็ตาม
แต่ถ้าเป็นภายใต้ช่วงระยะเวลาการบำรุงรักษา
แบบเยี่ยมชมจะไม่ได้รับความคุ้มครองเลย ไม่ว่าจะเป็นตัวอย่างถ้อยคำใดก็ตาม
อนึ่ง หากหลังคาถล่มลงมานั้นได้สร้างความเสียหายแก่
(1) ส่วนอื่นของโครงสร้างตัวอาคารหลังนั้นเอง
หรือ
(2) สินค้าอื่นใดของผู้ว่าจ้าง
ข้อที่ (1) กับข้อที่ (2) จะมิได้รับความคุ้มครอง ภายใต้ช่วงระยะเวลาการบำรุงรักษาใดเลย เพราะแม้เกิดขึ้นช่วงระยะเวลานั้นเอง
แต่มิได้เกิดเนื่องจากการเข้าไปบำรุงรักษา
แต่อาจได้รับความคุ้มครอง ภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยการปฏิบัติงานตามสัญญาก็ได้
หากพิสูจน์ได้ว่า ความเสียหายนั้นเป็นผลติดตามมาและเพิ่งปรากฏผลขึ้นมาจากการชำรุดบกพร่องนั้นเอง
โดยอาศัยแนวทางการตีความจากทฤษฏีการปรากฏผล (Exposure Theory)
และอาจได้รับความคุ้มครอง
ภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (IAR) ซึ่งระบุว่า “อย่างไรก็ตาม
บริษัทจะรับผิดต่อความเสียหายอื่นที่ติดตามมาจากข้อ 1.1 (ความผิดพลาดหรือความบกพร่องจากการออกแบบ การใช้วัสดุ หรือฝีมือแรงงาน)
ถึง 1.3 ถ้าหากความเสียหายที่ติดตามมานั้นเกิดจากสาเหตุที่มิได้ระบุยกเว้นไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยนี้”
กรณีศึกษาที่ 2
ภายหลังจากที่ผู้ว่าจ้างได้รับมอบอาคารโกดังใหม่ที่เพิ่งก่อสร้างเสร็จจากผู้รับเหมาได้ไม่นาน
เกิดปัญหาหลังคาโลหะที่ติดตั้งอยู่ได้ส่งสัญญาณไม่ดี ผู้ว่าจ้างจึงรีบแจ้งแก่ผู้รับเหมาทันที
ครั้นผู้รับเหมาเข้ามาตรวจสอบทำการแก้ไข แต่ไม่ทันการณ์ หลังคาก็พังถล่มลงมาในท้ายที่สุด
และสร้างความเสียหายแก่ส่วนอื่นของโครงสร้างอาคาร ตลอดจนสินค้าของผู้ว่าจ้างที่เก็บอยู่ภายในนั้นด้วย
ในช่วงระหว่างระยะเวลาการบำรุงรักษา หรือช่วงระยะเวลาการรับประกันความชำรุดบกพร่องตามสัญญาว่าจ้าง
สำหรับตัวหลังคาที่เป็นต้นเหตุ
การวิเคราะห์เป็นเช่นเดียวกับกรณีศึกษาที่ 1
ส่วนความเสียหายแก่โครงสร้างอาคารส่วนอื่น
กับสินค้าของผู้ว่าจ้างนั้น
เฉพาะเพียงโครงสร้างอาคารส่วนอื่น
(งานถาวรที่ส่งมอบแล้วตามสัญญาว่าจ้าง) เท่านั้นถึงจะได้รับความคุ้มครอง ภายใต้ช่วงระยะเวลาการบำรุงรักษา
แบบขยาย เนื่องจากได้เกิดขึ้นขณะเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาว่าจ้าง
และยังได้รับความคุ้มครอง
ภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (IAR) อีกด้วย
ขณะที่สินค้าของผู้ว่าจ้างนั้นเพียงได้รับความคุ้มครอง
ภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (IAR) ของตนเองเท่านั้น
ส่งผลทำให้โครงสร้างอาคารส่วนอื่นนั้นตกอยู่ ภายใต้เงื่อนไขที่มีการประกันภัยอื่นคุ้มครองอยู่หลายราย
ซึ่งจะต้องมาร่วมเฉลี่ยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกันตามสัดส่วน ยกเว้นถ้าเป็นกรมธรรม์ประกันภัยการปฏิบัติงานตามสัญญา
ฉบับภาษาอังกฤษที่ระบุจะร่วมชดใช้เฉพาะส่วนที่เกินจากกรมธรรม์ประกันภัยฉบับอื่นเท่านั้น
อนึ่ง
บริษัทประกันภัยที่ร่วมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามส่วน ภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน
(IAR) นั้น ยังสามารถรับช่วงสิทธิไปไล่เบี้ยเอากับผู้รับเหมาอีกก็ได้
ครั้นผู้รับเหมานั้นจะหยิบยกกรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอก
(PL) ของตนเองให้รับผิดแทน ก็กลับตกอยู่ในข้อยกเว้นความรับผิดใด ๆ
ซึ่งเกิดจาก หรือสืบเนื่องจากงานก่อสร้าง งานบำรุงรักษา งานซ่อมแซม งานต่อเติม หรือรื้อถอน
อาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใด ๆ และ/หรือการชำรุดบกพร่องของงานหรือทรัพย์สิน ซึ่งผู้เอาประกันภัยเป็นผู้รับจ้าง
ก่อสร้างต่อเติม ติดตั้ง ซ่อมแซม ปลูก บำรุงรักษา
หรือรื้อถอน ซึ่งได้ส่งมอบงานหรือทรัพย์สินนั้นให้แก่ ผู้ว่าจ้างหรือเจ้าของไปแล้วเสียอีก
นอกจากนี้ หากผู้รับเหมานั้นไม่ยินยอมเข้าไปดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องของตนตามสัญญาว่าจ้าง
ผู้ว่าจ้างสามารถเรียกผู้รับเหมารายอื่นให้มากระทำการแทน
และไปเรียกเก็บค่าใช้จ่ายกับผู้รับเหมานั้นก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2031/2541
ตามสัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 และที่ 2 มีข้อตกลงเรื่องความชำรุดบกพร่องไว้ในสัญญาว่า
หากงานก่อสร้างที่จำเลยที่ 1 รับจ้างทำและจำเลยที่ 2 เป็นผู้ออกแบบและควบคุมเกิดความชำรุดบกพร่องภายใน 1 ปี
นับแต่วันส่งมอบและโจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยที่ 1 และที่ 2
ซ่อมแซมแก้ไขแล้ว แต่จำเลยที่ 1 และที่ 2
ไม่ซ่อมแซมแก้ไขหรือซ่อมแซมแก้ไขแล้ว แต่ไม่เรียบร้อย โจทก์มีสิทธิจ้างผู้อื่นซ่อมแซมแก้ไขแทนได้
และจำเลยที่ 1 และที่ 2 จะต้องรับผิดชอบในค่าจ้างที่โจทก์ต้องจ่ายให้แก่ผู้อื่นนั้น
เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 มิได้ปฏิบัติตามข้อตกลงย่อมถือว่าเป็นการผิดสัญญา
โจทก์ย่อมฟ้องได้ตามข้อสัญญา กรณีจึงไม่ใช่เรื่องที่จะนำอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 600
และ 601 มาใช้บังคับ เพราะบทบัญญัติแห่งมาตราทั้งสองใช้บังคับเฉพาะกรณีที่ไม่มีข้อตกลงในสัญญาเป็นอย่างอื่น
กรณีในคดีนี้เป็นเรื่องมิได้มีบทบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงต้องนำบทบัญญัติเรื่องอายุความทั่วไป
10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 164 ที่ใช้บังคับในขณะที่โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้มาใช้บังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4308/2550
การฟ้องร้องให้ผู้รับจ้างรับผิดเพื่อการที่ทำชำรุดบกพร่องอันมีอายุความ
1 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 601 นั้น
ใช้บังคับแก่กรณีที่เกิดขึ้นตาม ป.พ.พ. มาตรา 600 กล่าวคือ
ต้องเป็นกรณีที่มิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นในสัญญา แล้วงานที่ทำเกิดการชำรุดบกพร่องขึ้นภายหลังส่งมอบ
แต่กรณีตามคำฟ้องของโจทก์เป็นการฟ้องตามข้อสัญญาซึ่งกำหนดความรับผิดเพื่อการที่ทำชำรุดบกพร่องไว้เป็นอย่างอื่น
อันเป็นข้อสัญญาที่ตกลงกันไว้เป็นพิเศษอีกส่วนหนึ่งต่างหาก ซึ่งผูกพันคู่สัญญาให้ต้องปฏิบัติตาม
หาใช่เป็นเพียงข้อตกลงเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาซึ่งผู้รับจ้างต้องรับผิดเพื่อการที่ทำชำรุดบกพร่องให้แตกต่างไปจากที่กำหนดไว้ใน
ป.พ.พ. มาตรา 600 ไม่ เมื่อไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ
จึงต้องใช้กำหนดอายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30
การฟ้องร้องให้ผู้รับจ้างรับผิดเพื่อการที่ทำชำรุดบกพร่องอันมีอายุความ
1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 601 นั้น บทบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับแก่กรณีที่เกิดขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 600 กล่าวคือต้องเป็นกรณีมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นในสัญญา
แล้วงานที่ทำเกิดการชำรุดบกพร่องขึ้นภายหลังส่งมอบ จึงกำหนดให้ฟ้องคดีภายใน 1
ปี นับแต่วันการชำรุดบกพร่องได้ปรากฎขึ้น คดีนี้โจทก์ฟ้องโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาจ้าง
ข้อ 6 ซึ่งระบุว่า "เมื่องานแล้วเสร็จบริบูรณ์...
หากมีเหตุชำรุดบกพร่องหรือเสียหายเกิดขึ้นจากงานจ้างนี้ภายในกำหนด 2 ปี นับถัดจากวันที่ได้รับมอบงานดังกล่าว ซึ่งความชำรุดบกพร่องหรือเสียหายนั้นเกิดจากความบกพร่องของผู้รับจ้างอันเกิดจากการใช้วัสดุที่ไม่ถูกต้อง
หรือทำไว้ไม่เรียบร้อย หรือทำไม่ถูกต้องตามมาตรฐานแห่งหลักวิชา ผู้รับจ้างต้องรีบทำการแก้ไขให้เป็นที่เรียบร้อยโดยไม่ชักช้าโดยผู้ว่าจ้างไม่ต้องออกเงินใด
ๆ ในการนี้ทั้งสิ้น หากผู้รับจ้างบิดพลิ้วไม่กระทำการดังกล่าว... ให้ผู้ว่าจ้างมีสิทธิที่จะทำการนั้นเองหรือจ้างผู้อื่นให้ทำงานนั้นโดยผู้รับจ้างต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย"
ข้อสัญญาดังกล่าวเป็นการกำหนดความรับผิดเพื่อการที่ทำชำรุดบกพร่องไว้เป็นอย่างอื่น
อันเป็นข้อสัญญาที่ตกลงกันไว้เป็นพิเศษอีกส่วนหนึ่งต่างหากซึ่งผูกพันคู่สัญญาให้ต้องปฏิบัติตาม
หาใช่เป็นเพียงข้อตกลงเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาซึ่งผู้รับจ้างต้องรับผิดเพื่อการที่ทำชำรุดบกพร่องให้แตกต่างไปจากที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 600 ดังที่จำเลยที่ 3 ฎีกาเท่านั้นไม่
ข้อเสนอแนะ
ควรเปลี่ยนไปใช้คำเรียก
“ระยะเวลาการบำรุงรักษา” จากเดิมซึ่งให้ความหมายค่อนกว้างไปเป็น “ระยะเวลาการรับประกันความชำรุดบกพร่อง
หรือระยะเวลาการแก้ไขความชำรุดบกพร่อง” น่าจะสร้างความเข้าใจที่ดีและถูกต้องมากกว่า
ทั้งวงการประกันภัยต่างประเทศก็ไม่กังวลในการใช้คำเรียกใหม่อีกต่อไปแล้ว กอปรกับปัจจุบันนี้ได้มีการยินยอมขยายความคุ้มครองเพิ่มเติมเรื่องการออกแบบผิดพลาด ความบกพร่องของวัสดุ หรือฝีมือแรงงานที่ไม่ได้มาตรฐานอย่างกว้างขวางกันแล้วเช่นกัน
(DE/LEG) ส่งผลทำให้ปัญหาการแปลความหมายเรื่องนี้ลดน้อยลงไปพอสมควร
และควรขอตรวจดูขอบเขตสัญญาว่าจ้างเสียก่อนที่จะรับประกันภัยน่าจะดีที่สุดด้วย
(อ้างอิง และเทียบเคียงมาจาก IMIA6-59 (98)E Defects
Liability Cover Construction
Insurance, https://www.imia.com/wp-content/uploads/2013/05/Defects-Liability-Cover-Construction-Insurance-WGP-6_59-98.pdf และ The Conditions of Contract and the
Maintenance Period Cover under the CAR Policy – cause for concern?, https://www.saia.co.za/index.php?id=1901)
บริการ
-
รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
-
รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com
อ่านบทความอีกชุดที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน
พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่
https://www.facebook.com/pomamornkul/
และที่ https://www.facebook.com/BestTrainingAdvisory