วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2563

 เรื่องที่ 132 : เหตุเกิดที่ปั๊มน้ำมัน

(ตอนที่สาม)

มีหลักการทางกฎหมายอยู่หลายทฤษฏีที่ใช้ในการวิเคราะห์วันที่ของ “เหตุที่เกิดหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น” ศาลต่างประเทศมักจะใช้ทฤษฏีทางกฎหมาย 4 ลักษณะที่จะวินิจฉัยบ่งชี้ว่า เมื่อใดถึงจะถือว่าได้เกิดความบาดเจ็บทางร่างกาย หรือความเสียหายต่อทรัพย์สินขึ้นมา ทั้งนี้ โดยขึ้นอยู่กับข้อความจริงของแต่ละกรณีประกอบด้วย ดังพอสรุปได้ ดังนี้

1) ทฤษฏีความเสียหายจริง (Injury-in-Fact Theory) ศาลจะพิจารณาถึงวันที่ได้เกิดความบาดเจ็บ/ความเสียหายขึ้นมาจริง

ดังตัวอย่างกรณีปั๊มน้ำมัน จะเป็นวันที่รถยนต์ได้รับความเสียหาย เป็นวันที่ของ “เหตุที่เกิดหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น” โดยไม่คำนึงถึงว่า จะมีต้นเหตุเมื่อใด หรือมีการปนเปื้อนของน้ำมัน หรือมีการเติมน้ำมันเมื่อใด?

2) ทฤษฏีการแสดงผล (Manifestation Theory) เป็นวันที่ผู้เสียหายค้นพบ หรือควรค้นพบถึงความบาดเจ็บ/ความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่รถยนต์ของตน

3) ทฤษฏีการปรากฏผล (Exposure Theory) ศาลจะพิจารณาถึงวันที่มีการปรากฎความบาดเจ็บ/ความเสียหายซึ่งอาจใช้เวลาสะสมมาช่วงระยะเวลาหนึ่งกว่าจะปรากฏอาการออกมาให้เห็นหรือรับรู้ได้ โดยให้ถือวันแรกที่ได้เห็นหรือรับรู้นั้นเป็นวันที่ของ “เหตุที่เกิดหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น” (อาจจะมีกรมธรรม์ประกันภัยหลายฉบับเข้ามาเกี่ยวข้อง) หรือ

4) ทฤษฏีการทำงานอย่างต่อเนื่องของกลไก (Continuous Trigger Theory) หรือบางคราวเรียกกันว่า “ทฤษฏีกลไกสามจังหวะ (Triple-trigger Theory) ด้วยการผสมผสานสามทฤษฏีแรกเข้ามาประกอบการพิจารณากับข้อความจริงที่เกิดขึ้น เนื่องจากลักษณะเหตุการณ์ค่อนข้างซับซ้อน ใช้เวลาสะสมมายาวนาน และอาจมีกรมธรรม์ประกันภัยหลายฉบับ หลายบริษัทประกันภัยเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งนี้เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ได้อย่างชัดเจนและเป็นธรรมมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

อย่างตัวอย่างที่หยิบยกขึ้นมานั้น หากมีข้อพิพาท ศาลอาจจำต้องหยิบยกนำวันที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาใช้ประกอบการพิจารณาเพื่อค้นหาว่า ใครบ้างควรรับผิดชอบ หรือควรเข้ามาร่วมรับผิดบ้าง?

สำหรับกรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายอันเนื่องจากผลิตภัณฑ์ฉบับที่สอง จากผลการวิเคราะห์เบื้องต้นในตอนที่ผ่านมาดูเสมือนเมื่อพิจารณาโดยอาศัยเกณฑ์คุ้มครองวันเรียกร้อง (Claims Made Basis) แล้วค่อนข้างไม่มีปัญหานัก เนื่องด้วยเงื่อนไขความคุ้มครองกำหนดให้ทั้งวันที่เกิดเหตุแห่งการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน (วันที่เสียหาย) กับวันที่เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเป็นครั้งแรกนั้นจะต้องเกิดขึ้นภายในระยะเวลาประกันภัยเดียวกัน หรือระยะเวลาคุ้มครองย้อนหลัง (หากมี) แต่กรณีตัวอย่างกลับปรากฏว่า ทั้งสองวันนั้นมิได้อยู่ภายในช่วงระยะเวลาประกันภัยเดียวกันเลย

ส่วนกรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอกฉบับแรกที่ใช้เกณฑ์คุ้มครองวันเกิดความเสียหาย (Occurrence Basis)) นั้น โดยหลักการทั่วไป ควรยึดถือวันที่เสียหาย เพราะนั่นคือวันที่ผู้เสียหายสามารถประเมินราคาค่าเสียหายที่ตนได้รับ เพื่อนำไปเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากผู้กระทำผิดหรือจากบริษัทประกันภัยของผู้กระทำผิดนั่นเอง อันเข้าเงื่อนไขความคุ้มครองที่ให้พิจารณาจากวันที่เกิดวินาศภัยหรือเหตุที่ก่อให้เกิดการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัย และจะต้องเกิดขึ้นในระหว่างระยะเวลาประกันภัยเป็นเกณฑ์นั่นเอง

สอดคล้องกับข้อตกลงคุ้มครองดังระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยฉบับดังกล่าวที่ว่า

บริษัทจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัย สำหรับความสูญเสีย หรือความเสียหาย อันเกิดแก่บุคคลภายนอก ซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดตามกฎหมาย อันสืบเนื่องหรือเป็นผล (as a consequence or result of) มาจากอุบัติเหตุจากการประกอบการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่เอาประกันภัย ภายใต้ขอบเขตของการเสี่ยงภัย ในระหว่างระยะเวลาเอาประกันภัย ณ อาณาเขตความคุ้มครองซึ่งระบุในตารางกรมธรรม์ประกันภัย

โปรดสังเกตถ้อยคำตรงที่ขีดเส้นใต้ มิได้ใช้คำว่า “วันที่เกิดอุบัติเหตุ หรือมีเหตุการณ์เกิดขึ้น (Date of Accident or Occurrence)” แต่ประการใด

อันเป็นการมองมุ่งไปที่ผลลัพธ์ (Effect) มากกว่าที่ต้นเหตุ/สาเหตุ (Cause)

นั่นคือ แนวทางการวิเคราะห์สำหรับคำถามที่ 1) เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (Occurrence) นั้นจะเริ่มมีผลคุ้มครองนับแต่วันใดเป็นเกณฑ์? กับ 3) กรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายฉบับใดจะเข้ามารับผิดชอบ?

ส่วนคำถามที่ 2) เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นจะนับได้เป็นกี่เหตุการณ์? นั้น กรุณาติดตามต่อตอนหน้าครับ

บริการ

-     รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย

-     รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)

สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com

อ่านบทความอีกชุดที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/

และที่ https://www.facebook.com/BestTrainingAdvisory

 

วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เรื่องที่ 132 : เหตุเกิดที่ปั๊มน้ำมัน

(ตอนที่สอง)

 

บางท่านอาจนึกสงสัยทำไมถึงต้องมานั่งเสียเวลาจำแนกแยกแยะวันต่าง ๆ ออกมาด้วย? ไม่เห็นต้องคิดมากเลย

 

ลองไล่เลียงวันต่าง ๆ ดูเถิดครับ จะเห็นได้ว่าก่อให้เกิดความคิดเห็นแตกต่างกันออกไปอย่างหลากหลาย ผมได้เคยทดลองตั้งคำถามเช่นนี้ขึ้นมาเวลามีโอกาสบรรยายให้ความรู้หลายครั้งหลายหน ทุกครั้งก็ให้ผลออกมาหลากหลายความคิด ยิ่งถ้ามีเดิมพัน คือ การจะได้รับความคุ้มครองหรือไม่? หรือการจะได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนหรือไม่? แล้วจะไม่ทำให้ต้องคิดมากได้อย่างไร?

 

เมื่อพิจารณาถึงคำถามที่ว่ากรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายฉบับใดจะเข้ามารับผิดชอบ?

 

1) กรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอก (เกณฑ์คุ้มครองวันเกิดความเสียหาย (Occurrence Basis))

           ระยะเวลาประกันภัย 12 เดือน ระหว่างวันที่ 1/01/2004 – 1/01/2005

 

2) กรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายอันเนื่องจากผลิตภัณฑ์ (เกณฑ์คุ้มครองวันเรียกร้อง (Claims Made Basis))

           ระยะเวลาประกันภัย 12 เดือน ระหว่างวันที่ 1/01/2004 – 1/01/2005

 

กรณีสมมุติว่า

 

    1.1) วันที่เกิดเหตุ คือ 2/03/2004

           ฉบับแรก ถือว่าคุ้มครอง เพราะเกิดเหตุขึ้นภายในระยะเวลา

           ประกันภัย

           ฉบับที่สอง ไม่คุ้มครอง เพราะเจ้าของปั๊มน้ำมันผู้เอาประกันภัย

           เข้าแจ้งต่อบริษัทประกันภัยเป็นครั้งแรก ภายหลังสิ้นสุดระยะ

           เวลาประกันภัยแล้ว 

    1.2) วันที่เสียหาย คือ 14/03/2004

           ฉบับแรก ถือว่าคุ้มครอง แม้นวันที่เกิดเหตุกับวันที่เสียหายต่าง

           วันกันก็ตาม เพราะทั้งสองวันยังอยู่ภายในระยะเวลาประกันภัย

           เดียวกัน

           ฉบับที่สอง ไม่คุ้มครอง เพราะเหตุผลเหมือนข้อ 1.1)

    1.3) วันที่เกิดเหตุกับวันที่เสียหาย คือ 2/03/2004

           ฉบับแรก ถือว่าคุ้มครอง เพราะอยู่ภายในระยะเวลาประกันภัย

           ฉบับที่สอง ไม่คุ้มครอง เพราะเหตุผลเหมือนข้อ 1.1)

    1.4) วันที่เกิดรอยรั่วที่ถังเก็บน้ำมันใต้ดิน คือ 30/12/2003

           ฉบับแรก ข้อ 1.1) ถึง 1.3) ไม่ได้รับความคุ้มครองทั้งหมด 

           หากบริษัทประกันภัยอ้างว่า ต้นเหตุที่ก่อเกิดเหตุการณ์นั้นได้

           เกิดขึ้นมาก่อนระยะเวลาประกันภัย

           ฉบับที่สอง ไม่คุ้มครอง เพราะเหตุผลเหมือนข้อ 1.1)

    1.5) วันแรกที่ลูกค้าผู้เสียหายเข้ามาแจ้ง คือ 1/04/2004

           ฉบับแรก ถือว่าคุ้มครอง ถึงแม้วันที่เกิดเหตุกับวันที่เสียหาย

           และวันแรกที่ลูกค้าผู้เสียหายเข้ามาแจ้งเป็นต่างวันกัน เนื่อง

           จากทั้งสามวันยังอยู่ภายในระยะเวลาประกันภัยเดียวกัน

           ฉบับที่สอง ไม่คุ้มครอง เพราะเหตุผลเหมือนข้อ 1.1)

    1.6) วันแรกที่เจ้าของปั๊มน้ำมันผู้เอาประกันภัยเข้าแจ้งต่อบริษัทประกันภัย คือ 3/01/2005

           ฉบับแรก ถือว่าคุ้มครอง เพราะทั้งวันที่เกิดเหตุกับวันที่เสีย

           หายล้วนอยู่ภายในระยะเวลาประกันภัย โดยไม่คำนึงผู้เอา

           ประกันภัยจะไปแจ้งเรียกร้องต่อบริษัทประกันภัยเมื่อใด

           ฉบับที่สอง ไม่คุ้มครอง เพราะเหตุผลเหมือนข้อ 1.1)

 

ข้อสังเกตหลัก ๆ น่าจะอยู่ที่ข้อ 1.4) เพราะจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความคุ้มครองของผู้เอาประกันภัยทั้งสองฉบับ

 

จึงก่อให้เกิดคำถามขึ้นมาระหว่างวันที่เกิดเหตุ (หรือวันต้นเหตุแรกสุด) กับวันที่เสียหาย ควรจะยึดถือวันใดเป็นเกณฑ์พิจารณากันแน่?

 

โดยเฉพาะในกรณีที่มีลักษณะเรียกภาษากฎหมายว่า “ละเมิดต่อเนื่อง” ซึ่งผู้ละเมิดได้กระทำความผิดอย่างต่อเนื่องติดต่อกันช่วงระยะเวลาหนึ่ง อาจเป็นเวลาหลายวัน หลายเดือน หรือหลายปีก็เป็นได้

 

ศาลต่างประเทศจึงได้คิดค้นทฤษฏีทางกฎหมายขึ้นมาประกอบการพิจารณาวินิจฉัยหลากหลายทฤษฏี อันได้แก่

 

1) ทฤษฏีความเสียหายจริง (Injury-in-Fact Theory)

2) ทฤษฏีการแสดงผล (Manifestation Theory)

3) ทฤษฏีการปรากฏผล (Exposure Theory)

4) ทฤษฏีการทำงานอย่างต่อเนื่องของกลไก (Continuous Trigger Theory)   

 

สัปดาห์ค่อยมาไล่เลียงกันดูนะครับว่า แต่ละทฤษฎีให้ความหมายเช่นไรกันบ้าง?

 

บริการ

-     รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย

-     รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)

สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com

 

อ่านบทความอีกชุดที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/

และที่ https://www.facebook.com/BestTrainingAdvisory