วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2562

เรื่องที่ 110: การแปลความหมายเงื่อนไขความรับผิดของผู้ขับขี่ที่ได้รับอนุญาต


(ตอนที่สอง)

คดีศึกษาเรื่องที่สองเป็นกรณีที่มิสเตอร์เอ็มนำรถของตนเข้าซ่อมใหญ่ ณ อู่ของผู้เอาประกันภัย และเอ่ยปากร้องขอยืมรถของอู่ไปใช้ทดแทนจนกว่ารถของตนจะซ่อมเสร็จจากผู้จัดการดูแลแทนระหว่างที่ผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นเจ้าของอู่ออกไปทำธุระข้างนอกพอดี ผู้จัดการอู่ไม่ขัดข้องโดยยินยอมให้นำรถของอู่คันหนึ่งไปใช้ได้ ขณะที่มิสเตอร์เอ็มกำลังขับรถคันนั้นออกไปจากอู่ ได้สอบถามอีกครั้งหนึ่งว่า รถคันนี้มีประกันภัยคุ้มครองอยู่หรือไม่? ได้รับคำตอบกลับมาว่ามี จึงได้ขับรถคันนั้นออกไปด้วยความสบายใจ

ถัดมาไม่นาน มิสเตอร์เอ็มได้รับแจ้งจากอู่ว่า รถจะซ่อมเสร็จวันพรุ่งนี้แล้ว มิสเตอร์เอ็มจึงมอบหมายให้ลูกชายของตนเป็นผู้ขับรถของอู่ไปคืน พร้อมขับรถของตนคืนกลับมาด้วย 

วันที่ไปรับรถอันเป็นวันที่เกิดเหตุด้วย ลูกชายของมิสเตอร์เอ็มได้ขับรถของอู่ออกจากบ้านของตน โดยระหว่างทางได้แวะรับเพื่อนซึ่งมีบ้านอยู่เส้นทางเดียวกับที่ตั้งของอู่นั้นด้วย แต่โชคร้ายได้เกิดอุบัติเหตุไปชนกับรถคู่กรณีเสียก่อนที่จะถึงจุดหมายปลายทาง อันเนื่องจากความประมาทเลินเล่อของลูกชายของมิสเตอร์เอ็มเอง

ครั้นทางอู่ได้รับแจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้รายงานให้บริษัทประกันภัยรถยนต์ของตนเข้ามารับผิดชอบแทน แต่บริษัทประกันภัยนั้นกลับปฏิเสธภายหลังจากได้รับทราบเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดแล้ว

คู่กรณีได้นำคดีขึ้นสู่ศาล ซึ่งศาลชั้นต้นตัดสินให้คู่กรณีในฐานะโจทก์เป็นฝ่ายชนะคดี บริษัทประกันภัยในฐานะจำเลยยื่นอุทธรณ์ต่อ

ประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จำต้องพิจารณา คือ 

1) ผู้จัดการอู่ซึ่งเป็นผู้ได้รับความยินยอมคนที่หนึ่งจากตัวผู้เอาประกันภัยมีสิทธิที่จะส่งมอบความยินยอมต่อไปให้แก่ผู้ได้รับความยินยอมคนที่สองได้หรือไม่?  และ  

2) ผู้ได้รับความยินยอมคนที่สองมีสิทธิที่จะส่งมอบความยินยอมต่อไปให้แก่บุคคลอื่น ๆ ได้อีกหรือไม่?
 
จากพยานหลักฐานที่นำเสนอ ไม่ปรากฏผู้เอาประกันภัยได้ตั้งข้อกำหนดหรือเงื่อนไขใดอย่างชัดแจ้งในเรื่องความยินยอมให้ใช้รถคันที่เกิดเหตุ ทั้งผู้จัดการอู่ซึ่งเป็นผู้ได้รับความยินยอมคนแรกก็มิได้วางข้อกำหนดหรือเงื่อนไขใดแก่มิสเตอร์เอ็มซึ่งเป็นผู้ได้รับความยินยอมคนที่สองด้วย ประกอบกับข้อความจริงในส่วนของมิสเตอร์เอ็มที่ได้ให้ความไว้วางใจและความยินยอมให้ลูกชายขับรถของตนได้โดยอิสระ นอกจากนี้ การให้ยืมรถของอู่ไปนั้นเป็นการกระทำไปเพื่อประโยชน์แก่การประกอบธุรกิจของผู้เอาประกันภัยในฐานะเจ้าของอู่นี้ด้วยเช่นกัน รับฟังได้ว่า เป็นการให้ความยินยอมให้ใช้รถคันที่เอาประกันภัยคันนี้ของผู้เอาประกันภัยโดยปริยายแล้ว บริษัทประกันภัยซึ่งให้ความคุ้มครองรถคันนี้จำต้องรับผิดชอบตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ฉบับนี้

บริษัทประกันภัยรายนี้ได้ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ คดีนี้จึงเป็นอันสิ้นสุด

(อ้างอิงและเรียบเรียงมาจากคดี Boudreaux v. Cagle Motors, 70 So. 2d 741 (La. Ct. App. 1954))

สรุป หากผู้เอาประกันภัยของรถยนต์คันที่เอาประกันภัยมิได้กำหนดเงื่อนไขให้ความยินยอมนำรถคันนั้นไปใช้ได้อย่างชัดแจ้ง ให้ถือว่า ผู้ได้รับความยินยอมคนที่หนึ่งมีสิทธิใช้รถคันนั้นได้โดยอิสระ และสามารถส่งมอบสิทธินั้นต่อให้แก่บุคคลอื่นได้ โดยที่จะวางข้อกำหนดหรือเงื่อนไขการใช้รถคันนั้นอย่างใดก็ได้

ประเด็นพิพาทที่น่าสนใจต่อไปของต่างประเทศ ได้แก่ 

ก) หากผู้เอาประกันภัยนั่งไปด้วย และได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากความประมาทเลินเล่อของผู้ที่ตนให้ความยินยอมไปนั้น ผู้เอาประกันภัยจะมีสิทธิได้รับความคุ้มครองอยู่หรือไม่?

ข) ข้อยกเว้นความรับผิดของผู้ขับขี่ที่เกิดขึ้นแก่ชีวิตร่างกาย หรือทรัพย์สินของบุคคลภายในครอบครัวหรือที่พักอยู่อาศัยนั้น (The Family or Household Exclusion) แปลความหมายถึงใครบ้าง?

สำหรับข้อ ก) ช่วงแรก ศาลต่างประเทศบางแห่งตีความว่า ในการประกันภัยความรับผิดตามกฎหมาย มุ่งประสงค์ให้ความคุ้มครองแก่บุคคลภายนอกอื่น มิใช่ตัวผู้เอาประกันภัยเอง ถึงแม้ผู้เอาประกันภัยมิได้เป็นผู้ขับขี่เองและมิใช่เป็นผู้กระทำความผิดก็ตาม แต่ต่อมา ศาลหลายแห่งแปลความหมายให้รวมถึงตัวผู้เอาประกันภัยซึ่งมิได้ร่วมกระทำความผิดเข้าไปอยู่ในความหมายของบุคคลภายนอกอื่นด้วย


ส่วนข้อ ข) ได้มีการแปลความหมายแตกต่างกันตรงที่ว่า ให้ความคุ้มครองแก่ผู้ขับขี่ซึ่งได้รับความยินยอมนั้นเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัย คำว่า "เสมือนหนึ่ง" นั้นมิได้หมายความถึงเป็นเช่นเดียวกับตัวผู้เอาประกันภัยเองทุกรณี ฉะนั้น ข้อยกเว้นเรื่องชีวิตร่างกาย หรือทรัพย์สินของบุคคลภายในครอบครัวหรือที่พักอยู่อาศัยนั้น มุ่งเน้นไปที่บุคคลหรือทรัพย์สินของบุคคลภายในครอบครัวหรือที่พักอาศัยอยู่กับผู้เอาประกันภัยเท่านั้น กล่าวคือ ไม่ว่าผู้เอาประกันภัยจะขับขี่เอง หรือให้บุคคลอื่นขับขี่แทน ถ้าไปสร้างความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของบุคคลภายในครอบครัวหรือที่พักอาศัยอยู่กับผู้เอาประกันภัย ล้วนให้ผลเช่นเดียวกันทั้งหมด คือ ตกอยู่ในข้อยกเว้นทั้งสิ้น

ขณะที่ศาลบางแห่งกลับแปลความหมายให้ผู้ขับขี่ซึ่งได้รับความยินยอมนั้นตกอยู่ในสถานะของผู้เอาประกันภัยช่วงเวลานั้น ดังนั้น ข้อยกเว้นเรื่องชีวิตร่างกาย หรือทรัพย์สินของบุคคลภายในครอบครัวหรือที่พักอยู่อาศัยนั้นจึงควรจำกัดความหมายถึงเฉพาะบุคคลหรือทรัพย์สินของบุคคลภายในครอบครัวหรือที่พักอาศัยอยู่กับผู้ขับขี่ซึ่งได้รับความยินยอมนั้นเอง

ตอนต่อไป เราจะมาพิจารณากันถึงการแปลความหมายของเงื่อนไขดังกล่าวในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์บ้านเรากันบ้างนะครับ

บริการ
-     รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
-     รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น