เรื่องที่ 110: การแปลความหมายเงื่อนไขความรับผิดของผู้ขับขี่ที่ได้รับอนุญาต
(ตอนที่สาม)
ภายใต้หมวดการคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอกของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์
ภาคสมัครใจฉบับมาตรฐาน ในเงื่อนไขข้อ 4.
การคุ้มครองความรับผิดของผู้ขับขี่ ระบุว่า
“บริษัทจะถือว่าบุคคลใดซึ่งขับขี่รถยนต์
โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเอง แต่มีเงื่อนไขว่า
4.1 บุคคลนั้นต้องปฏิบัติตนเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเอง
และอยู่ภายใต้ข้อกำหนดตามกรมธรรม์ประกันภัยนี้”
ครั้นย้อนกลับไปดูตรงข้อตกลงคุ้มครองกับข้อยกเว้นที่เกี่ยวข้องในหมวดเดียวกันได้ระบุว่า
“ข้อ 1. ข้อตกลงคุ้มครอง
บริษัทจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความสูญเสีย
หรือความเสียหายอย่างใด ๆ อันเกิดแก่บุคคลภายนอก ซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย
เนื่องจากอุบัติเหตุอันเกิดจากรถยนต์ที่ใช้ หรืออยู่ในทาง หรือสิ่งที่บรรทุก หรือติดตั้งในรถยนต์นั้น
ในระหว่างระยะเวลาประกันภัย ในนามผู้เอาประกันภัย ดังนี้
1.1 ความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย
หรืออนามัย บริษัทจะรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายต่อชีวิต
ร่างกาย หรืออนามัย ของบุคคลภายนอก ตามความเสียหายที่แท้จริงที่ผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอกนั้น
………………………..
บุคคลภายนอกที่ได้รับความคุ้มครองตาม
1.1 นี้ ไม่รวมถึงผู้ขับขี่ที่เป็นฝ่ายที่จะต้องรับผิดตามกฎหมาย ตลอดจนลูกจ้างในทางการที่จ้าง
คู่สมรส บิดา มารดา บุตรของผู้ขับขี่นั้น
1.2 ความเสียหายต่อทรัพย์สิน บริษัทจะรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
ซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย และความรับผิดของบริษัทจะมีไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุไว้ในตาราง
ความเสียหายต่อทรัพย์สินดังต่อไปนี้
จะไม่ได้รับความคุ้มครอง
(ก) ทรัพย์สินที่ผู้เอาประกันภัย ผู้ขับขี่ที่เป็นฝ่ายต้องรับผิดตามกฎหมาย คู่สมรส บิดา มารดา บุตรของผู้เอาประกันภัยหรือผู้ขับขี่นั้นเป็นเจ้าของ หรือเป็นผู้เก็บรักษา ควบคุม หรือครอบครอง”
ฉะนั้น
หากนำไปปรับใช้เทียบเคียงกับกรณีของมิสเตอร์เอ็มที่ยืมรถยนต์ของอู่ไปใช้
และได้มอบหมายให้ลูกชายของตนขับขี่รถยนต์คันนั้นอีกทอดหนึ่งนั้น
น่าจะได้รับความคุ้มครองภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ของอู่เช่นเดียวกัน
เพราะไม่ปรากฏเงื่อนไขใดห้ามมิให้ผู้ขับขี่ซึ่งได้รับความยินยอมคนที่หนึ่งจำต้องไปขอความเห็นชอบจากผู้เอาประกันภัยอีกครั้งหนึ่งเสียก่อนถึงจะสามารถให้ผู้ได้รับความยินยอมคนที่สองนำรถยนต์คันนั้นไปขับขี่ได้
เปรียบเทียบได้กับในทางปฏิบัติแท้จริงดั่งกรณีพ่อซื้อรถยนต์ให้ลูกขับ
แม้พ่อเป็นเจ้าของตัวจริงและเป็นผู้เอาประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าว
แต่ได้อนุญาตให้ลูกนำไปใช้โดยอิสระตลอดเวลา
ซึ่งลูกผู้ขับขี่ตัวจริงนั้นก็สามารถจะพิจารณาให้ใครยืมใช้รถยนต์คันดังกล่าวได้
ประเด็นปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้เฉกเช่นกับคดีต่างประเทศ
กล่าวคือ ผู้ขับขี่ซึ่งได้รับความยินยอมนั้นจะได้รับความคุ้มครองเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเองควรแปลความหมายเช่นใด?
โดยเฉพาะข้อยกเว้นเรื่องความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยในข้อ 1.1 และความเสียหายต่อทรัพย์สินในข้อ 1.2
ข้างต้น
1) กรณียืมรถของอู่ไปใช้
โดยมีผู้จัดการอู่นั่งไปด้วย
แล้วรถยนต์คันนั้นประสบอุบัติเหตุเนื่องจากความประมาทเลินเล่อของมิสเตอร์เอ็ม
ทำให้มิสเตอร์เอ็มและผู้จัดการอู่ได้รับบาดเจ็บไปด้วยกันทั้งสองคน
ใครบ้างถือเป็นบุคคลภายนอกที่จะได้รับความคุ้มครอง?
(ก) ผู้จัดการอู่
(ข) มิสเตอร์เอ็ม
(ค) ไม่มีผู้ใดเป็นบุคคลภายนอกเลย
2) กรณีลูกขับรถไปพร้อมกับพ่อซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัย
แล้วทั้งคู่ประสบอุบัติเหตุจนได้รับบาดเจ็บ
อันเนื่องจากการขับขี่ด้วยความประมาทเลินเล่อของลูก
ใครบ้างถือเป็นบุคคลภายนอกที่จะได้รับความคุ้มครอง?
(ก) พ่อซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัย
(ข) ลูกซึ่งเป็นผู้ขับขี่
(ค) ไม่มีผู้ใดเป็นบุคคลภายนอกเลย
3) กรณียืมรถของอู่ไปใช้ โดยมีผู้จัดการอู่นั่งไปด้วย มิสเตอร์เอ็มได้ขับรถยนต์คันนั้นไปเฉี่ยวชนประตูกำแพงของอู่ได้รับความเสียหาย
กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ของอู่จะให้ความคุ้มครองได้หรือไม่?
4) กรณีลูกขับรถไปยังบริษัทประกันภัยเพื่อขอรับกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์คันนั้นเอง
ระหว่างขับเข้าไปข้างใน
ได้เกิดเฉี่ยวชนทำให้ทรัพย์สินที่ตั้งอยู่ของบริษัทประกันภัยนั้นได้รับความเสียหาย
จะสามารถเรียกร้องให้กรมธรรม์ประกันภัยของตนฉบับนั้นคุ้มครองได้หรือไม่?
ท่านจะพิจารณาให้คำตอบข้อเหล่านี้ได้อย่างไรบ้างครับ?
ส่วนตัวของผม
เมื่อพิจารณาจากถ้อยคำของกรมธรรม์ประกันภัยข้างต้น มีความเห็นดังนี้
1)
ตามเงื่อนไขแล้ว ควรเลือกข้อ (ก) ผู้จัดการอู่เป็นคำตอบที่ถูกต้อง
เพราะมิใช่เป็นลูกจ้างของผู้ขับขี่
ดั่งที่ได้อธิบายไว้ในคู่มือตีความกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์
แต่ผมขอเลือกข้อ (ค) ไม่มีผู้ใดเป็นบุคคลภายนอกเลยแทน
เนื่องจากเทียบเคียงกับคำพิพากษาศาลฎีกาที่
6249/2541 เจ้าของรถยนต์จะรับผิดหรือร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิด
ต้องเป็นกรณีที่เจ้าของรถยนต์เป็นผู้กระทำละเมิด คือ
เป็นผู้ขับด้วยตนเองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 วรรคหนึ่ง
หรือในกรณีเจ้าของรถยนต์ต้องร่วมรับผิดกับบุคคลอื่นในผลแห่งการละเมิด ต้องเป็นกรณีผู้กระทำละเมิดเป็นลูกจ้างหรือตัวแทนของเจ้าของรถยนต์
หรือเจ้าของรถยนต์เป็นผู้ครอบครองรถยนต์ขณะเกิดเหตุ โดยเจ้าของรถยนต์โดยสารไปด้วย
ตามมาตรา 425, 427 และ 437 (มาตรา 437 วรรคหนึ่ง "บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแลยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกล
บุคคลนั้นจะต้องรับผิดชอบ เพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย
หรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง")
2) ข้อ (ค) ไม่มีผู้ใดเป็นบุคคลภายนอกเลย
3) อยากจะตอบว่า ไม่คุ้มครองโดยเทียบเคียงกับคำพิพากษาศาลฎีกาอ้างอิงในข้อ 1)
แต่ลังเลใจ เพราะผมอ่านเงื่อนไขข้อ 1.2
ความเสียหายต่อทรัพย์สินซึ่งระบุให้ความคุ้มครองถึง
“ความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
ซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย”
ครั้นย่อหน้าถัดมา อ่านแล้วเข้าใจว่า สามารถจำแนกความหมายของความเสียหายที่ไม่ได้รับความคุ้มครองของข้อ
(ก) ข้างต้นออกได้เป็นข้อย่อย ๆ ประกอบด้วย
3.1) ทรัพย์สินที่ผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายต้องรับผิดตามกฎหมาย
3.2) ทรัพย์สินที่ผู้ขับขี่เป็นฝ่ายต้องรับผิดตามกฎหมาย
3.3) ทรัพย์สินที่คู่สมรส
บิดา มารดา บุตรของผู้เอาประกันภัยเป็นเจ้าของ หรือเป็นผู้เก็บรักษา ควบคุม หรือครอบครอง
3.4) ทรัพย์สินที่คู่สมรส
บิดา มารดา บุตรของผู้ขับขี่นั้นเป็นเจ้าของ หรือเป็นผู้เก็บรักษา ควบคุม หรือครอบครอง
รู้สึกสับสนเสมือนหนึ่งจะไม่คุ้มครองทรัพย์สินใด
ไม่ว่าจะเป็นของบุคคลภายนอกหรือไม่ก็ตาม หากว่าเกิดจากความรับผิดตามกฎหมายของผู้เอาประกันภัยหรือผู้ขับขี่แล้ว
ล้วนไม่คุ้มครองทั้งสิ้น ซึ่งไม่น่าจะมีเจตนารมณ์เช่นนั้น เนื่องจากถ้าปรับถ้อยคำใหม่เป็น
“3.1)
ทรัพย์สินที่ผู้เอาประกันภัยเป็นเจ้าของ หรือเป็นผู้เก็บรักษา ควบคุม
หรือครอบครอง
และ 3.2)
ทรัพย์สินที่ผู้ขับขี่เป็นเจ้าของ หรือเป็นผู้เก็บรักษา ควบคุม หรือครอบครอง” ดังเช่นกรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายอื่นน่าจะสมเหตุผลมากกว่า
(4) อยากจะเชื่อว่า บริษัทประกันภัยคงจะยอมให้ความคุ้มครองตนเองได้นะครับ
มิฉะนั้น หากจะให้ผู้เอาประกันภัยหรือผู้ขับขี่รับผิดชอบเอง ดูออกจะแปลกเหมือนกัน
ที่หยิบยกเรื่องราวเหล่านี้ขึ้นมา
เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้นเท่านั้น เพราะเท่าที่อ่านตัวอย่างของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ต่างประเทศค่อนข้างชัดเจนกว่า
เรื่องต่อไปยังตัดสินเลือกไม่ถูก
รอดูสัปดาห์หน้าก็แล้วกันครับ
บริการ
- รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
-
รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com
อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย):
เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่
https://www.facebook.com/pomamornkul/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น