วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2562

เรื่องที่ 96: การชดใช้ตามมูลค่าความเสียหายที่แท้จริง (Actual Cash Value) มีความหมายว่าอย่างไรกันแน่?


(ตอนที่สี่)

ตอนที่ผ่านมา เป็นคดีศึกษาจากฝั่งประเทศสหรัฐอเมริกา ตอนนี้จะมาดูฝั่งประเทศอังกฤษกันบ้าง

ผู้เอาประกันภัยทำประกันภัยทรัพย์สินคุ้มครองตัวโรงสีข้าวแห่งหนึ่งซึ่งซื้อต่อมาด้วยราคา 16,000 ปอนด์สเตอร์ริง โดยได้กำหนดประกันภัยซึ่งคำนวณจากราคาค่าก่อสร้างใหม่ (Replacement Value) ณ วันที่ทำประกันภัยไว้ที่ 550,000 ปอนด์สเตอร์ริง ก่อนหักค่าเสื่อมราคา

ครั้นเกิดไฟไหม้สร้างความเสียหายไปประมาณ 70% ของตัวอาคาร ทั้งผู้ประเมินวินาศภัยของฝ่ายบริษัทประกันภัยกับของฝ่ายผู้เอาประกันภัยต่างเห็นชอบร่วมกันว่า ราคาค่าก่อสร้างใหม่ ณ วันที่เกิดความเสียหาย หักด้วยค่าเสื่อมราคา อันเป็นมูลค่าความเสียหายที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ 243,320 ปอนด์สเตอร์ริง

เมื่อผู้เอาประกันภัยเรียกร้องให้บริษัทประกันภัยชดใช้ บริษัทประกันภัยกลับปฏิเสธโดยยกเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้ขึ้นต่อสู้ ซึ่งมีข้อความระบุว่า

... หากทรัพย์สินที่เอาประกันภัย ... หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของทรัพย์สินดังกล่าวได้ถูกทำลาย หรือถูกทำให้เสียหายจากอัคคีภัย ผู้รับประกันภัยจะชดใช้ให้แก่ผู้เอาประกันภัยตามมูลค่าความเสียหายของทรัพย์สินนั้น ณ วันที่เกิดความเสียหายดังกล่าว หรือผู้รับประกันภัยอาจเลือกที่จะทำให้กลับคืนสู่สภาพดังเดิม หรือทำการเปลี่ยนทดแทนซึ่งทรัพย์สินดังกล่าว หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของทรัพย์สินนั้นก็ได้ 
บริษัทประกันภัยตีความว่า มูลค่าความเสียหาย ณ วันที่เกิดความเสียหายอันจะต้องรับผิดชอบนั้น บริษัทประกันภัยมีสิทธิเลือกชดใช้เป็น

1) มูลค่าราคาตลาด (Market Value) ซึ่งคำนวณมาจากผลต่างระหว่างราคาซื้อขายทั่วไปก่อนกับหลังจากความเสียหาย จะได้มูลค่าความเสียหายที่แท้จริงอยู่เพียง 5,000 ปอนด์สเตอร์ริง หรือ

2) ราคาเปลี่ยนทดแทนในสภาพร่วมสมัย (Modern Replacement) ซึ่งประเมินแล้ว จะมีราคาเพียง 55,000 ปอนด์สเตอร์ริงเท่านั้นก็ได้ มิใช่จำต้องเป็นราคาค่าก่อสร้างใหม่ให้อยู่ในสภาพล้าสมัยดังเดิม ซึ่งสูงถึง 250,000 ปอนด์สเตอร์ริง และคงไม่มีใครประสงค์จะทำเช่นนั้น

ผู้เอาประกันภัยจึงนำคดีขึ้นสู่ศาล

ศาลพิจารณาแล้วมีความเห็นว่า เนื่องจากเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้มิได้กำหนดวิธีการคำนวณค่าสินไหมทดแทนไว้เป็นการเฉพาะเจาะจง ฉะนั้น การคำนวณค่าสินไหมทดแทนสามารถเลือกกำหนดได้เป็นสามวิธี ดังนี้

(1) มูลค่าราคาตลาด (Market Value) ซึ่งมีความเหมาะสมกับสิ่งปลูกสร้างลักษณะทั่วไปมากกว่า หรือ

(2) ราคาเปลี่ยนทดแทน (สร้างใหม่) ในสภาพร่วมสมัย (Modern Replacement) ซึ่งเทียบเท่ากับของเดิม หรือ

(3) ราคาสร้างใหม่ให้กลับคืนสภาพดังเดิม (Reinstatement Cost)

ในการพิจารณาวิธีการใดจะเหมาะสมที่สุดนั้น จำต้องวิเคราะห์จากหลายปัจจัย โดยเฉพาะปัจจัยด้านความประสงค์ของผู้เอาประกันภัยที่มีความสำคัญมากว่า ผู้เอาประกันภัยตั้งใจจะนำเงินค่าสินไหมทดแทนที่ได้รับไปทำอะไร? ประสงค์จะดำเนินธุรกิจต่อไปดังเดิมหรือไม่?

สำหรับวิธีการแรก อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม หากผู้เอาประกันภัยไม่ประสงค์จะดำเนินธุรกิจอีกต่อไปแล้ว

วิธีการที่สอง ตัวเงินที่จะได้รับดูน้อยไปมาก

วิธีการที่สาม จำต้องวิเคราะห์จากพยานหลักฐานถึงเจตนาที่แท้จริงว่า ถ้าผู้เอาประกันภัยจำต้องควักเงินตัวเอง เขาจะนำไปทำอย่างไรต่อ? สร้างใหม่ให้มีความทันสมัยเทียบเท่ากับของเดิม หรือสร้างใหม่ให้เหมือนเดิม

ศาลพิจารณาแล้วเชื่อว่า ผู้เอาประกันภัยประสงค์จะทำให้กลับคืนสู่สภาพดังเดิมจริง จึงตัดสินให้บริษัทประกันภัยชดใช้ตามราคาสร้างใหม่ให้กลับคืนสภาพดังเดิม หักค่าเสื่อมราคาแล้ว เป็นเงินทั้งสิ้น 243,320 ปอนด์สเตอร์ริง ให้แก่ผู้เอาประกันภัย

(อ้างอิงและเรียบเรียงจากคดี Reynolds v Phoenix Assurance Co 10 Ltd [1978] 2 Lloyd’s Rep 440)   

ในตอนที่ห้าคราวต่อไป เราจะมาสรุป และพิจารณาตัวอย่างเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยทรัพย์สินของบ้านเรากันนะครับ

ขอให้มีความสุข และปลอดภัยในเทศกาลวันสงกรานต์ครับ

บริการ
-      รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
-     รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com

ประกันภัยเป็นเรื่อง http://vivatchaia.blogspot.com
พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น