เรื่องที่ 94:ข้อบังคับความเสียหายต่อทรัพย์สิน (Material Damage
Proviso) ภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก ความหมายที่เปลี่ยนไป?
(ตอนที่สอง)
คราวนี้เราจะมาไล่เรียงกันทีละประเด็นให้เห็นภาพ
1) สิ่งปลูกสร้าง หรือทรัพย์สินอื่น
ๆ หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของทรัพย์สินเหล่านั้นที่ผู้เอาประกันภัยได้ใช้งานอยู่ ณ
สถานที่ที่เอาประกันภัย
จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ข้อความส่วนนี้ของกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักฉบับนี้
ไม่ปรากฏตรงใดเลยที่ระบุว่า สิ่งปลูกสร้าง หรือทรัพย์สินอื่น ๆ
หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของทรัพย์สินเหล่านั้นจะต้องถูกกำหนดให้เป็นทรัพย์สินที่เอาประกันภัยด้วย
ทั้งประโยคที่ว่า ผู้เอาประกันภัยได้ใช้งานอยู่ ก็ให้ความหมายอย่างกว้าง ๆ ว่า สิ่งปลูกสร้าง
หรือทรัพย์สินอื่นเหล่านั้นอาจเป็นของผู้เอาประกันภัยเอง
หรือของบุคคลอื่นที่ผู้เอาประกันภัยใช้งานอยู่ก็ได้ เนื่องจากเหตุผล ดังนี้
1.1) กรณีที่เป็นทรัพย์สินของบุคคลอื่นนั้น โดยหลักการแล้ว ผู้เอา
ประกันภัยจะนำไปทำประกันภัยไม่ได้ เจ้าของทรัพย์สินนั้นต้อง
ทำประกันภัยของเขาเอง ถึงแม้บางกรณี ผู้เอาประกันภัยอาจมี
สิทธิทำได้ก็ตาม แต่อาจควบคุมบังคับให้เป็นไปตามเงื่อนไข
บังคับก่อนนั้นอย่างเคร่งครัดได้ลำบาก เช่น กรณีผู้เอา
ประกันภัยเช่าอาคาร
หรือเช่าเครื่องจักรของผู้อื่นมาประกอบ
ธุรกิจ เป็นต้น
1.2) แม้ทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของผู้เอาประกันภัยเอง ปัญหาอาจเกิด
ขึ้นได้ทั้งจากฝ่ายผู้เอาประกันภัยที่จะเลือกทำประกันภัย
ทรัพย์สินบางรายการ หรือทุกรายการแต่ไม่เต็มมูลค่าก็มี ส่วน
ฝ่ายบริษัทประกันภัยก็เช่นเดียวกัน ไม่อาจยอมรับประกันภัย
ทรัพย์สินได้ทั้งหมด
ดังเช่น คดีสนามกอล์ฟที่บริษัท
ประกันภัยไม่คุ้มครองทรัพย์สินที่เป็นที่ดิน สนามหญ้า เป็นต้น
หรือกระทั่งบางภัยที่คุ้มครอง เช่น ภัยน้ำท่วม บริษัทประกันภัยก็
ไม่อาจให้ความคุ้มครองเต็มมูลค่าทรัพย์สินที่เอาประกันภัยนั้น
ได้เลย
2) ได้เกิด “ความเสียหาย” โดยอุบัติเหตุนอกเหนือไปจากสาเหตุที่ยกเว้นแก่สิ่งปลูกสร้าง หรือทรัพย์สินอื่น ๆ
หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของทรัพย์สินเหล่านั้น
กำหนดเพียงให้ “ความเสียหาย” ซึ่งเป็นคำเรียกรวมของความสูญเสีย ความวินาศ หรือความเสียหายโดยอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแก่สิ่งปลูกสร้าง หรือทรัพย์สินอื่น ๆ เหล่านั้นว่า
ต้องเกิดจากภัยที่คุ้มครองเท่านั้นก็พอ โดยไม่จำต้องไปกำหนดคำนิยามเฉพาะของ “ความเสียหาย”
ขึ้นมาอีก
(3)
เวลาที่ก่อให้เกิด “ความเสียหาย”
หากมีการประกันภัยซึ่งยังมีผลบังคับอยู่ ได้ให้ความคุ้มครองถึงส่วนได้เสียของผู้เอาประกันภัย
ณ สถานที่ที่เอาประกันภัยนั้น และปรากฏว่าได้มีการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
หรือได้ยอมรับผิดจากกรณีนั้นแล้ว เว้นเสียแต่ในกรณีความเสียหายส่วนแรก
คำว่า “ส่วนได้เสีย (interest)” ในที่นี้ จะสังเกตเห็นว่า มิได้ใช้คำว่า “ส่วนได้เสียที่เอาประกันภัยได้
(insurable
interest)” เลย คำว่า
“ส่วนได้เสีย (interest)” นี้จึงมีความหมายกว้างกว่ามาก โดยหมายความถึง
การที่อาจจะได้รับผลกระทบต่อผลประโยชน์ที่จะพึงมีของตนจากสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนั้น ข้อความในส่วนนี้แปลความได้ว่า
กรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักจะให้ความคุ้มครองแก่ผู้เอาประกันภัยได้
หากทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหายนั้นได้ส่งผลกระทบสืบเนื่องทางการเงินที่ผู้เอาประกันภัยมีส่วนได้เสียอยู่
นี่คือ
ตัวอย่างเงื่อนไขบังคับก่อนว่าด้วยความเสียหายต่อทรัพย์สิน (Material Damage
Proviso) ที่ถูกปรับปรุงใหม่ และนิยมใช้กันอยู่ปัจจุบันในต่างประเทศ
ซึ่งมีความยืดหยุ่นมากขึ้นกว่าของเดิม และเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่สนใจจะทำประกันภัยนี้ได้เพิ่มมากขึ้น
ฉะนั้น
การที่ไปกำหนดให้ทรัพย์สินดังกล่าวจำต้องเป็นทรัพย์สินที่เอาประกันภัยทั้งหมดนั้น ในทางปฏิบัติไม่สามารถกระทำได้จริง
กลับสร้างปัญหามากกว่า ดังคดีสนามกอล์ฟเชื่อว่า
ถ้าถามความประสงค์ของผู้เอาประกันภัยเจ้าของสนามกอล์ฟ
เขาคงต้องการให้คุ้มครองตัวสนามกอล์ฟอยู่แล้ว
แต่อาจละเลยมิได้ตรวจสอบข้อยกเว้นเรื่องนี้ในกรมธรรม์ประกันภัยตั้งแต่ต้น
จนกระทั่งเกิดเป็นข้อพิพาทขึ้นมาดังกล่าว
เมื่อมองอีกมุมหนึ่ง
ดูจะไม่เป็นธรรมต่อผู้เอาประกันภัยรายนี้เลย
เพราะโดยหลักการในการกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก
จะอ้างอิงจากงบบัญชีในการประกอบธุรกิจของผู้เอาประกันภัยเป็นเกณฑ์
อย่างในกรณีของสนามกอล์ฟ ซึ่งมีรายได้หลักมาจากค่าบริการสนามกอล์ฟ (Green Fee) เชื่อว่า เวลาทำประกันภัย
ผู้เอาประกันภัยได้เสียเบี้ยประกันภัยเพื่อคุ้มครองรายได้ส่วนนี้อยู่แล้ว
แต่เวลาเกิดความเสียหายขึ้นมา กลับถูกปฏิเสธไปเสียเช่นนั้น ทำให้ผู้เอาประกันภัยเสียเบี้ยประกันภัยไปโดยเปล่าประโยชน์
อนึ่ง ถ้าผู้เอาประกันภัยได้รับทราบตั้งแต่ต้นว่า
ไม่สามารถได้รับความคุ้มครองเลยในส่วนนี้เลย น่าเชื่อว่า
ผู้เอาประกันภัยรายนี้คงไม่สนใจทำประกันภัยนี้ตั้งแต่แรก
เนื่องจากในคดีนี้ไม่มีรายละเอียดของเงื่อนไขบังคับก่อน
จึงเข้าใจว่า น่าจะเป็นเงื่อนไขบังคับก่อนข้อความเดิมที่กำหนดให้ต้องเกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินที่ระบุเอาประกันภัยไว้เท่านั้น
เพราะถ้าใช้ข้อความใหม่ในปัจจุบันของเงื่อนไขบังคับก่อนดังตัวอย่างข้างต้น
ผู้เอาประกันภัยรายนี้คงได้รับความคุ้มครองโดยไม่มีปัญหา
ตอนต่อไป
เราลองไปดูคดีต่างประเทศอีกคดีหนึ่งที่เทียบเคียงกันได้
พร้อมบทสรุปบทความเรื่องนี้: ลานเล่นสกีหิมะเสียหาย
กรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักให้ความคุ้มครองได้หรือไม่?
บริการ
- รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
-
รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com
ประกันภัยเป็นเรื่อง http://vivatchaia.blogspot.com
พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook
Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น