วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2567

เรื่องที่ 220 : เมื่อระยะเวลารอคอย (Waiting Period) ภายใต้การประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก (Business Interruption Insurance) ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด หรือที่เข้าใจ?

 

พจนานุกรมศัพท์ประกันภัย ฉบับราชบัณฑิตยสภา พิมพ์ครั้งที่ 6 (แก้ไขเพิ่มเติม) พ.ศ. 2560 ให้คำนิยามถ้อยคำที่เกี่ยวข้องไว้ ดังนี้

 

ช่วงเวลารับผิดส่วนแรก (time excess) หมายความถึง

 

ช่วงเวลาที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายด้วยตัวเอง ภายหลังจากเกิดวินาศภัยขึ้น เช่น การประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักจะกำหนดให้ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบ สำหรับรายได้ที่สูญเสียไปใน 72 ชั่วโมงแรก หลังจากเกิดวินาศภัยขึ้น (มีความหมายเหมือน waiting period ในส่วนที่เกี่ยวกับการประกันวินาศภัย)

 

ระยะเวลารอคอย, ระยะเวลาที่ไม่คุ้มครอง (waiting period) หมายความถึง

 

ในการประกันวินาศภัย หมายถึง ระยะเวลาที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งผู้รับประกันภัยจะไม่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้สำหรับวินาศภัยที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว เช่นในการประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักอาจมีข้อตกลงว่า เมื่อเกิดวินาศภัยขึ้น และมีผลให้ธุรกิจต้องหยุดชะงัก ผู้รับประกันภัยจะไม่จ่ายค่าสินไหมทดแทนสำหรับช่วง 7 วันแรกที่ธุรกิจหยุดชะงัก และจะเริ่มให้ความคุ้มครองเมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว

 

ในการประกันชีวิต หมายถึง ระยะเวลาที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันชีวิตซึ่งผู้รับประกันชีวิตจะไม่ให้ความคุ้มครองจนกว่าจะพ้นระยะเวลาดังกล่าว เช่น กรมธรรม์ประกันชีวิตกำหนดระยะเวลา 90 วัน นับแต่วันที่ทำสัญญา หรือวันที่ต่ออายุสัญญาครั้งสุดท้าย หากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตในช่วงเวลารอคอยดังกล่าว ผู้รับประกันชีวิตจะไม่ชดใช้เงินให้ ในการประกันชีวิตนิยมเรียกว่า ระยะเวลารอคอย

 

ขณะที่กรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก (เนื่องจากภัยที่เอาประกันภัยภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน) ในข้อที่ 1. คำจำกัดความของหมวดที่ 1 เงื่อนไขทั่วไป จะเรียกถ้อยคำนี้ และให้คำนิยามว่า

 

ระยะเวลาที่ไม่คุ้มครอง” หมายความถึง ระยะเวลาหนึ่งตามที่ระบุไว้ในตารางกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งผู้เอาประกันภัย และบริษัทตกลงว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว บริษัทไม่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน

 

โดยปกติ คนประกันภัยจะแปลความหมายถ้อยคำเหล่านี้ว่า มีกลไกการทำงานเสมือนหนึ่งความรับผิดส่วนแรก (deductible) หรือความเสียหายส่วนแรก ภายใต้การประกันภัยทรัพย์สิน (การประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักก็มีเช่นเดียวกัน) ซึ่งพจนานุกรมฉบับนี้ด้วยว่า หมายความถึง ความรับผิดเพื่อความเสียหายที่กรมธรรม์ประกันภัยกำหนดไว้ให้ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบเอง ก่อนที่ผู้รับประกันภัยจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในส่วนที่เกินจากนั้น

 

นั่นคือ สิ่งที่รับรู้กันทั่วไป  

 

ทีนี้เรามาลองพิจารณาตัวอย่างคดีศึกษาต่างประเทศนี้กันนะครับ

 

ผู้เอาประกันภัยโจทก์ประกอบธุรกิจโรงแรมและคาสิโนของตนอยู่ในเมือง Deadwood มลรัฐ South Dakota ประเทศสหรัฐอเมริกาได้จัดทำกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองทั้งทรัพย์สิน และความสูญเสียทางการเงินของตนเอาไว้ด้วยกับบริษัทประกันภัยจำเลย ซึ่งอย่างหลังเรียกว่า ความคุ้มครองเงินได้ทางธุรกิจ (Business Income) หรือที่รู้จักคุ้นเคยในบ้านเราว่า “การประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก (Business Interruption Insurance)” นั่นเอง

 

ปลายเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2002 ได้เกิดไฟป่าขนาดใหญ่ขึ้นใกล้เมือง Deadwood

 

วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน ค.ศ. 2002 เวลา 14.30 น. ผู้ว่าการมลรัฐ South Dakota ออกคำสั่งด้วยวาจาให้ดำเนินการอพยพประชาชนออกจากเมืองนั้น รวมถึงเมืองอื่นที่อยู่ใกล้เคียง พร้อมทั้งให้มีการปิดถนน และจำกัดเส้นทางเข้าออกบางเส้นทางด้วย

 

วันจันทร์ที่ 1 กรกฏาคม ค.ศ. 2002 เวลา 20.00 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน (Civil Authority) ประกาศยกเลิกคำสั่งนั้นเฉพาะเมือง Deadwood  ให้ประชาชนสามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้ตามเส้นทางที่กำหนด ขณะที่บางเมือง บางจุดที่อยู่บริเวณใกล้เคียงคงยังตกอยู่ภายใต้คำสั่งนั้นอยู่

 

วันจันทร์ที่ 8 กรกฏาคม ค.ศ. 2002 เวลา 18.00 น. คำสั่งดังกล่าวทั้งหมดได้ถูกประกาศยกเลิกโดยสมบูรณ์ ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติดังเดิม

 

ผู้เอาประกันภัยโจทก์ได้มาเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนในส่วนของการหยุดชะงักของธุรกิจในช่วงที่มีคำสั่งอพยพ การปิดถนน และข้อจำกัดต่างที่ได้ถูกกำหนดขึ้น ซึ่งได้รับผลกระทบทางการเงินอย่างมาก ถึงแม้นคำสั่งนั้นถูกยกเลิกในไม่กี่วันถัดมา ก็ยังได้รับผลกระทบอยู่ดี เพราะบริเวณใกล้เคียง คำสั่งนั้นคงมีผลอยู่ ส่งผลทำให้ตนได้รับความสูญเสียทางการเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 288,204.53 ดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 9,966,833.16 บาท)

 

เนื่องด้วยบริษัทประกันภัยจำเลยได้ตอบปฏิเสธคำเรียกร้องโดยอ้างว่า ทรัพย์สินของผู้เอาประกันภัยโจทก์มิได้ถูกปิดตัวลงเกินกว่าเจ็ดสิบสองชั่วโมงตามข้อบังคับแห่งกรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาท ซึ่งได้เขียนไว้ในส่วนของความคุ้มครองเพิ่มเติมว่าด้วยความเสียหายเนื่องจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน (Civil Authority) โดยสามารถถอดความออกได้ ดังนี้

 

บริษัทประกันภัยจะชดใช้ความสูญเสียอย่างแท้จริงของเงินได้ทางธุรกิจซึ่งผู้เอาประกันภัยได้รับ พร้อมกับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเพิ่มเติม อันมีสาเหตุมาจากการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนซึ่งห้ามมิให้มีการเข้าถึงสถานที่เอาประกันภัยเนื่องมาจากความสูญเสีย หรือความเสียหายทางกายภาพโดยตรงแก่ทรัพย์สิน ณ สถานที่แห่งอื่นใดที่ไม่ใช่สถานที่เอาประกันภัย ด้วยสาเหตุ หรือเป้นผลมาจากภัยที่คุ้มครอง

 

ความคุ้มครองสำหรับเงินได้ทางธุรกิจนี้จะเริ่มต้นขึ้นใน 72 ชั่วโมงนับแต่เวลาที่ได้มีการดำเนินการเช่นว่านั้น (begin 72 hours after the time of that action) และจะมีผลใช้บังคับในช่วงระยะเวลาไม่เกินกว่าสามสัปดาห์ติดต่อกัน ภายหลังจากเมื่อความคุ้มครองได้เริ่มต้น

 

โดยบริษัทประกันภัยจำเลยแปลถ้อยคำตรงตามที่เขียน คือ จะให้ความคุ้มครองได้ต่อเมื่อมีคำสั่งของเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเมืองห้ามการเข้าถึงสถานที่เอาประกันภัยเป็นช่วงระยะเวลาเกินกว่าเจ็ดสิบสองชั่วโมง (หรือสามวัน) แล้วเท่านั้น หรืออีกนัยหนึ่ง คือ ถ้าไม่ถึงเจ็ดสิบสองชั่วโมง ก็จะไม่คุ้มครองเลย อันเป็นการแปลระยะเวลารอคอยนี้ในลักษณะเป็นระยะเวลาไม่คุ้มครอง

 

ขณะที่ผู้เอาประกันภัยโจทก์ตีความว่า ระยะเวลารอคอยนี้มีกลไกการทำงานเสมือนหนึ่งความรับผิดส่วนแรกมากกว่า คือ ความสูญเสียทางการเงินภายหลังจากเมื่อหักเจ็ดสิบสองชั่วโมงแรกออกไปแล้ว บริษัทประกันภัยจำเลยจำต้องรับผิด สำหรับความสูญเสียส่วนที่พ้นจากช่วงระยะเวลาแรกนั้นไป

 

บริษัทประกันภัยจำเลยโต้แย้งเพิ่มเติมอีกว่า นอกจากนี้ ในหน้าตารางกรมธรรม์ประกันภัยที่เกี่ยวข้องยังปรากฏถ้อยคำที่เขียนสั้น ๆ อีกด้วยว่า “No Ded.,” ในที่นี้ประสงค์จะหมายความถึง ไม่มีความรับผิดส่วนแรก (deductible) นั่นเอง

 

ผู้เอาประกันภัยโจทก์ก็โต้กลับไปว่า คำว่าไม่มีความรับผิดส่วนแรกนั้นเขียนเพื่อมาทำให้ช่วงระยะเวลาเจ็ดสิบสองชั่วโมงนั้น ปราศจากผลใช้บังคับได้ต่างหาก

 

อนึ่ง การทำให้สามารถแปลความหมายได้หลายนัยนี้ ถือเป็นความกำกวม โดยหลักกฎหมายแล้ว ต้องยกประโยชน์ให้แก่ผู้เอาประกันภัยโจทก์ซึ่งไม่ได้มีส่วนร่างถ้อยคำของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาท

 

ศาลชั้นต้นในคดีนี้ได้วินิจฉัยว่า

 

ถ้อยคำของการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนซึ่งห้ามมิให้มีการเข้าถึงสถานที่เอาประกันภัยนั้น ไม่กำกวม เพราะการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนเช่นว่านั้นมีผลใช้บังคับนับได้ไม่ถึงห้าสิบสี่ชั่วโมง คือ ตั้งแต่เวลา 14.30 น. ของวันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน ค.ศ. 2002 จวบจนถึงเวลา 20.00 น. ของวันจันทร์ที่ 1 กรกฏาคม ค.ศ. 2002 ถึงแม้นบางถนนโดยรอบของเมือง Deadwood ยังถูกปิดกั้นอยู่ก็ตาม แต่ก็ยังสามารถเดินทางเข้าถึงสถานที่เอาประกันภัยได้ เพียงอาจติดขัดไม่สะดวกเช่นเดิมเท่านั้น จึงไม่เข้าเงื่อนไขความคุ้มครองของการปิดกั้นเจ็ดสิบสองชั่วโมงดังกล่าว

 

ส่วนช่วงระยะเวลาเจ็ดสิบสองชั่วโมงนั้น ไม่จัดเป็นความรับผิดส่วนแรก เพราะจากพจนานุกรมศัพท์ประกันภัยอ้างอิงสากล ให้ความหมายความรับผิดส่วนแรก คือ ส่วนแรกของความเสียหายที่ผู้เอาประกันภัยจำต้องรับผิดชอบเองมาหักออกก่อนลำดับแรก โดยผู้รับประกันภัยจะรับผิดสำหรับส่วนที่เกินจากนั้นไปในลำดับถัดไป แต่ทำงานในลักษณะเป็นเงื่อนเวลาซึ่งจะให้ความคุ้มครองได้ต่อเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลานั้นไปแล้วเท่านั้น ไม่ใช่ต้องมีการจำแนกช่วงเวลาแรกกับช่วงเวลาหลังมาหักออกจากกันแต่ประการใด

 

อนึ่ง ประเด็นข้อโต้แย้งตรงที่เขียนว่า ไม่มีความรับผิดส่วนแรกนั้น ศาลชั้นต้นเห็นว่า ไม่ขัดแย้งกับเงื่อนเวลาดังกล่าว เพราะมีความหมายถึง เมื่อบังเกิดความคุ้มครองหลังจากพ้นเงื่อนเวลาดังกล่าวแล้ว ก็จะไม่นำความรับผิดส่วนแรกมาใช้บังคับอีก หรือถ้าเขียนว่า มีความรับผิดส่วนแรก ก็ให้นำมาใช้บังคับได้หลังจากนั้นเช่นเดียวกัน

 

จึงพิพากษาให้ผู้เอาประกันภัยโจทก์ไม่ได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขข้อกำหนดของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาท

 

ผู้เอาประกันภัยโจทก์ยื่นอุทธรณ์คัดค้านประเด็นการแปลความของความรับผิดส่วนแรก

 

ศาลอุทธรณ์ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เงื่อนเวลานั้นจัดเป็นระยะเวลาไม่คุ้มครอง (waiting period or clearance period)

 

(อ้างอิง และเรียบเรียงมาจากคดี BY Development v. United Fire & Cas., No. 06-2016 (8th Cir. 2006))

 

เมื่อคุณย้อนกลับไปอ่านคำนิยามต่าง ๆ ข้างต้น

 

คุณจะแปลความหมาย และเข้าใจเช่นไรครับ?

 

หมายเหตุ

 

สนใจศึกษาเพิ่มเติม ลองย้อนกลับไปอ่านดูบทความเก่าที่เคยเขียนไว้หลายปีแล้ว เทียบเคียงกันดูนะครับ

 

เรื่องที่ 113: จะเกิดอะไรขึ้นกับบริษัทประกันภัยต่อไป เมื่อมีคำพิพากษาศาลฎีกาเรื่องกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก (Business Interruption Insurance Policy) ออกมาเช่นนั้น?

 

บริการ

 

-     รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย

-     รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)

สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com

 

อ่านบทความอีกชุดที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ -กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/

 

วันพุธที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2567

เรื่องที่ 219 : ถปั้นจั่นเคลื่อนที่ (Mobile Crane) ถือเป็นงานชั่วคราว (Temparary Works) หรือเครื่องจักรที่ใช้ในการก่อสร้าง (Construction Plant) ภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยการปฏิบัติงานตามสัญญาว่าจ้าง (Contract Works Insurance Policy) กันแน่?

 

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2011 ผู้เอาประกันภัยเจ้าของให้เช่าอุปกรณ์ปั้นจั่น (cranes) ที่ใช้ในการก่อสร้างแห่งหนึ่งได้ตกลงทำกรมธรรม์ประกันภัยการปฏิบัติงานตามสัญญาว่าจ้าง (Contract Works Insurance Policy) หรือที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า กรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทุกชนิด สำหรับผู้รับเหมา (Contractor’s All Risks Insurance Policy (CAR/EAR)) กับบริษัทประกันภัยรายหนึ่ง

 

ณ เวลาที่ตกลงจัดทำกรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาท คู่สัญญาประกันภัยทั้งสองฝ่ายได้รับรู้ และเข้าใจร่วมกันถึงลักษณะกระบวนการทำงานของผู้เอาประกันภัยรายนี้ ทั้งได้ระบุเป็นลายลักษณ์อักษรแนบไว้กับกรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาทอีกด้วย ดังนี้

 

ก) ประกอบธุรกิจให้เช่าปั้นจั่นหอสูง (tower cranes) เพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างต่าง ๆ ทั่วประเทศ

 

ข) โดยจะนำชิ้นส่วนต่าง ๆ ของปั้นจั่นหอสูงขนส่งไปบนรถบรรทุกกึ่งพ่วง (semi-trailer trucks) จนถึงสถานที่ก่อสร้างจุดหมายปลายทาง จากนั้นจะประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ เหล่านั้นเข้าด้วยกันเป็นปั้นจั่นหอสูงเพื่อใช้งาน ครั้นเมื่อใช้งานเสร็จแล้ว ก็จะถอดแยกชิ้นส่วนต่าง ๆ เหล่านั้นออกจากกัน ขนขึ้นรถบรรทุกกึ่งพ่วงกลับมายังสถานที่จัดเก็บของผู้เอาประกันภัยรายนี้ดังเดิม

 

ค) ในการดำเนินการขั้นตอนประกอบ และถอดแยกชิ้นส่วนต่าง ๆ ของปั้นจั่นหอสูงนั้น จำต้องอาศัยรถปั้นจั่นไฮดรอลิกเคลื่อนที่ (hydraulic mobile cranes) ของผู้เอาประกันภัยรายนี้เองเข้ามาช่วยด้วย

 

ง) โดยที่รถปั้นจั่นไฮดรอลิกเคลื่อนที่นั้นจะแยกกันมากับการขนส่งชิ้นส่วนของปั้นจั่นหอสูง

 

ทั้งนี้ ข้อตกลงคุ้มครองพิเศษของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาทได้เขียนเพิ่มเติมพอสรุปใจความได้ว่า

 

คุ้มครองถึงงานตามสัญญาทั้งหลายของผู้เอาประกันภัย ซึ่งผู้เอาประกันภัยได้กำหนดให้คุ้มครองเป็นพิเศษโดยเฉพาะ นับแต่วันที่เริ่มต้นความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้ ดังนี้

 

ต่อรถปั้นจั่นเคลื่อนที่ ปั้นจั่นหอสูง ลิฟท์ขนคน/สินค้าที่ใช้ในงานก่อสร้าง ทั้งขาไป และขากลับ ซึ่งทั้งหมดเป็นทรัพย์สินของผู้เอาประกันภัย หรือเป็นของบุคคลอื่นซึ่งผู้เอาประกันภัยจำต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย

 

โดยมีวงเงินความคุ้มครองสูงสุดในส่วนนี้อยู่ที่ 2,000,000 แรนด์แอฟริกาใต้ (หรือประมาณ 3,790,920 บาท) และมีค่าเสียหายส่วนแรกอยู่ที่ 10,000 แรนด์แอฟริกาใต้ (หรือประมาณ 18,954.60 บาท)

 

ขณะที่ข้อตกลงคุ้มครองหลักพื้นฐานของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาทได้ระบุว่า

 

บริษัทประกันภัยจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัย สำหรับความสูญเสียทางกายภาพต่อส่วนใดส่วนหนึ่งของทรัพย์สินที่เอาประกันภัย ดังนี้

 

(ก) ขณะที่อยู่ในช่วงการขนส่ง รวมทั้งการขนขึ้นกับการขนลง หรือขณะที่จัดเก็บอยู่ในสถานที่แห่งใดระหว่างทางไปสู่ หรือมาจากสถานที่ก่อสร้าง ภายในอาณาเขตความคุ้มครอง

 

(ข) นับแต่เวลาที่ขนลง ณ สถานที่ก่อสร้าง และตลอดไปจนกว่าทรัพย์สินที่เอาประกันภัยนั้นจะได้ถูกรับมอบเป็นทางการจากผู้ว่าจ้างเรียบร้อยแล้วด้วยหนังสือรับรองการแล้วเสร็จของงาน (notice of completion certificate) หรือหลักฐานทางกฎหมายอย่างอื่น

 

ทรัพย์สินที่เอาประกันภัยนั้น คือ

 

งานถาวร (Permanent works) ตามสัญญาว่าจ้าง (รวมถึงวัสดุ หรือสิ่งของที่จัดหามาให้โดยผู้ว่าจ้าง ถ้ามี) รวมทั้งงานชั่วคราว (Temporary works) ตลอดจนวัสดุทั้งหลายที่ประกอบขึ้นมาเป็นงานเหล่านั้นด้วย

 

งานชั่วคราว (Temporary works) นั้นจะหมายความรวมถึงอุปกรณ์ สิ่งก่อสร้าง หรืองานต่าง ๆ ที่ใช้ช่วยสนับสนุนการดำเนินงานตามสัญญาว่าจ้างให้แล้วเสร็จลงได้ (แต่ไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งของงานถาวร) โดยไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะถูกนำไปใช้งานอีก (reuse) หรือจะถูกเคลื่อนย้ายออกไป นอกเหนือจากในลักษณะเป็นเศษซากทรัพย์ ซึ่งได้รวมมูลค่าอยู่ในราคาค่าก่อสร้างทั้งหมดตามสัญญาว่าจ้างแล้ว โดยไม่ได้รวมถึงโรงงาน/เครื่องจักรกลแบบเคลื่อนย้ายได้ (mobile plant) แต่ประการใด

 

อนึ่ง ในข้อยกเว้นข้อหนึ่งยังได้เขียนว่า บริษัทประกันภัยจะไม่รับผิด สำหรับความสูญเสีย หรือความเสียหายต่อโรงงาน/เครื่องจักรกล (plant) เครื่องมือ (tools) หรืออุปกรณ์ (equipment) ที่ใช้ในการก่อสร้าง (นอกเหนือจากโรงงาน/เครื่องจักรกล (plant) ที่ได้กำหนดเป็นงานชั่วคราวไว้ในที่นี้)

 

ต่อมาวันที่ 19 มกราคม ค.ศ. 2012 ระหว่างการทำงาน ณ สถานที่ก่อสร้าง รถปั้นจั่นไฮดรอลิกเคลื่อนที่นั้นได้เกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำลงได้รับความเสียหายเป็นมูลค่า 990,000 แรนด์แอฟริกาใต้ (หรือประมาณ 1,876,505.40 บาท)

 

ภายหลังได้เกิดเป็นคดีข้อพิพาทขึ้นสู่ศาล เนื่องจากคู่ความทั้งสองฝ่ายมีความคิดเห็นขัดแย้งกัน

 

ฝ่ายโจทก์ผู้เอาประกันภัยอ้างถึงว่า ได้ปรากฏมีการขยายความคุ้มครองเป็นพิเศษเพิ่มเติมแก่รถปั้นจั่นเคลื่อนที่ ปั้นจั่นหอสูงที่ใช้ในงานก่อสร้าง ทั้งขาไป และขากลับไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งยังอยู่ในความหมายของงานชั่วคราวอีกด้วย

 

ฝ่ายจำเลยบริษัทประกันภัยกลับตอบโต้ว่า ข้อความที่เขียนเช่นนั้นแปลความหมายได้เพียงเฉพาะจะให้ความคุ้มครองเพิ่มเติมแก่รถปั้นจั่นเคลื่อนที่ ปั้นจั่นหอสูงนั้นระหว่างที่อยู่ในช่วงการขนส่งทั้งขาไปกับขากลับ และระหว่างช่วงเวลาที่จัดเก็บอยู่ในสถานที่แห่งใดระหว่างทางไปสู่ หรือมาจากสถานที่ก่อสร้างเท่านั้น

 

พูดสรุปให้เข้าใจง่าย ๆ อีกอย่างหนึ่งก็คือ ไม่คุ้มครองช่วงระหว่างที่อยู่ ณ สถานที่ก่อสร้างนั่นเอง เพราะช่วงเวลาดังกล่าวตกอยู่ในข้อยกเว้นซึ่งไม่ได้ให้ความคุ้มครองถึงความสูญเสีย หรือความเสียหายต่อโรงงาน/เครื่องจักรกล (plant) เครื่องมือ (tools) หรืออุปกรณ์ (equipment) ที่ใช้ในการก่อสร้าง และไม่เข้าข่ายของงานชั่วคราว แต่เข้าข่ายเป็นโรงงาน/เครื่องจักรกลแบบเคลื่อนย้ายได้ (mobile plant) มากกว่า

 

ศาลสูงได้พิจารณาประเด็นข้อพิพาทของคู่ความทั้งสองฝ่ายแล้ว ให้ความเห็น ดังนี้

 

รูปแบบความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาทมีลักษณะเป็นการประกันภัยทรัพย์สินบวกด้วยการประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอก ซึ่งไม่ได้มีคำนิยามของงานถาวรกับงานชั่วคราวกำกับไว้อย่างชัดเจน

 

นอกจากนี้ ในทางปฏิบัติทั่วไป ก็ไม่ได้จัดเป็นกรมธรรม์ประกันภัยฉบับมาตรฐานสำเร็จรูปที่แน่นอนตายตัว อาจมีการตกลงเป็นพิเศษระหว่างคู่สัญญาประกันภัย เพื่อแก้ไขปรับเปลี่ยนข้อความไปตามความประสงค์ หรือตามความต้องการของตลาดประกันภัย แล้วแต่กรณีก็ได้

 

อย่างไรก็ดี หากมีข้อขัดแย้งในการแปลความหมาย ศาลสูงเห็นว่า

 

1) ทุกสัญญาประกันภัยควรแปลความหมายให้สอดคล้องกับเงื่อนไขข้อกำหนดทั้งหลายที่เขียนไว้

 

2) เมื่อข้อตกลงพิเศษใด (หรือการแปลความหมายของข้อตกลงพิเศษใด) มีความขัดแย้งกับจุดประสงค์พื้นฐานหลักของสัญญาประกันภัย ข้อตกลงพิเศษนั้นจะไม่อาจนำมาใช้บังคับได้

 

3) เมื่อข้อตกลงพิเศษใดอาจแปลความหมายได้แตกต่างกันหลายนัย ให้ยึดถือนัยที่สมเหตุสมผลมากที่สุดเป็นเกณฑ์พิจารณา

 

4) สัญญาประกันภัยฉบับใดซึ่งปรากฏมีความแตกต่างกันระหว่างเงื่อนไขข้อกำหนดมาตรฐานปกติกับเงื่อนไขข้อกำหนดพิเศษ ให้ยึดถือเงื่อนไขข้อกำหนดพิเศษเป็นเกณฑ์พิจารณา

 

ฉะนั้น ครั้นพิจารณาถึงรูปลักษณะการใช้งานของรถปั้นจั่นเคลื่อนที่แล้ว จะเข้าข่ายเป็นเครื่องจักรกล หรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้างมากกว่า เพราะสามารถนำไปใช้งานใหม่ได้อีก อันไม่ใช่ลักษณะของงานชั่วคราวดังที่โจทก์ผู้เอาประกันภัยกล่าวอ้าง และตกอยู่ในข้อยกเว้นพื้นฐานปกติของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาทอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงการขนส่ง หรือช่วงการจัดเก็บ หรือช่วงใดก็ตาม

 

แต่เมื่อฝ่ายจำเลยบริษัทประกันภัยเองได้แปลความหมายของข้อตกลงพิเศษของความคุ้มครองต่อรถปั้นจั่นเคลื่อนที่นั้น โดยยอมรับผิดบางส่วน คือ ให้จำกัดอยู่เพียงแค่ช่วงการขนส่งกับช่วงการจัดเก็บเท่านั้น จึงไม่สมเหตุผลตามแนวทางการแปลความดังกล่าวข้างต้น ควรยกประโยชน์ในการแปลความหมายที่คลุมเครือนี้ให้แก่ฝ่ายโจทก์ผู้เอาประกันภัยซึ่งไม่ได้เป็นผู้ร่างถ้อยคำเช่นว่านั้น

 

ตัดสินให้ฝ่ายโจทก์ผู้เอาประกันภัยชนะคดีนี้ด้วยการได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามฟ้อง

 

(อ้างอิง และเรียบเรียงมาจากคดี Mechanised Equipment Sales (PTY) Limited v. Lion of Africa Insurance Company Limited, 32874/2013)

 

หมายเหตุ

 

นับเป็นอุทธาหรณ์ที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่ง แม้นจะมีเงื่อนไขข้อกำหนดที่อาจแตกต่างจากกรมธรรม์ประกันภัยการปฏิบัติงานตามสัญญาว่าจ้างฉบับมาตรฐานของไทยอยู่บ้าง แต่ประเด็นพึงพิจารณา ทุกวันนี้ แทบไม่อาจเรียกกรมธรรม์ประกันภัยฉบับมาตรฐานเป็นข้อตกลงสำเร็จรูปได้อีกต่อไปแล้ว เพราะจะมีข้อตกลงพิเศษต่าง ๆ อย่างหลากหลายให้เลือกติดแนบได้ตามประสงค์ ถึงจะมีข้อความสำเร็จรูปที่ได้รับอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็เถอะ แนบเข้าไปแล้ว อาจขัดแย้ง หรือหักล้างกับเงื่อนไขข้อกำหนดมาตรฐานได้ง่าย ๆ แถมชวนปวดหัวในการแปลความหมายได้อีกด้วยนะครับ พึงระวัง

  

บริการ

 

-     รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย

-     รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)

สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com

 

อ่านบทความอีกชุดที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ -กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/