เรื่องที่ 220 : เมื่อระยะเวลารอคอย (Waiting Period) ภายใต้การประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก (Business Interruption Insurance) ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด หรือที่เข้าใจ?
พจนานุกรมศัพท์ประกันภัย ฉบับราชบัณฑิตยสภา พิมพ์ครั้งที่ 6 (แก้ไขเพิ่มเติม) พ.ศ. 2560 ให้คำนิยามถ้อยคำที่เกี่ยวข้องไว้ ดังนี้
“ช่วงเวลารับผิดส่วนแรก (time excess) หมายความถึง
ช่วงเวลาที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายด้วยตัวเอง ภายหลังจากเกิดวินาศภัยขึ้น เช่น การประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักจะกำหนดให้ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบ สำหรับรายได้ที่สูญเสียไปใน 72 ชั่วโมงแรก หลังจากเกิดวินาศภัยขึ้น (มีความหมายเหมือน waiting period ในส่วนที่เกี่ยวกับการประกันวินาศภัย)
ระยะเวลารอคอย, ระยะเวลาที่ไม่คุ้มครอง (waiting period) หมายความถึง
ในการประกันวินาศภัย หมายถึง ระยะเวลาที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งผู้รับประกันภัยจะไม่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้สำหรับวินาศภัยที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว เช่นในการประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักอาจมีข้อตกลงว่า เมื่อเกิดวินาศภัยขึ้น และมีผลให้ธุรกิจต้องหยุดชะงัก ผู้รับประกันภัยจะไม่จ่ายค่าสินไหมทดแทนสำหรับช่วง 7 วันแรกที่ธุรกิจหยุดชะงัก และจะเริ่มให้ความคุ้มครองเมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว
ในการประกันชีวิต หมายถึง ระยะเวลาที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันชีวิตซึ่งผู้รับประกันชีวิตจะไม่ให้ความคุ้มครองจนกว่าจะพ้นระยะเวลาดังกล่าว เช่น กรมธรรม์ประกันชีวิตกำหนดระยะเวลา 90 วัน นับแต่วันที่ทำสัญญา หรือวันที่ต่ออายุสัญญาครั้งสุดท้าย หากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตในช่วงเวลารอคอยดังกล่าว ผู้รับประกันชีวิตจะไม่ชดใช้เงินให้ ในการประกันชีวิตนิยมเรียกว่า ระยะเวลารอคอย”
ขณะที่กรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก (เนื่องจากภัยที่เอาประกันภัยภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน) ในข้อที่ 1. คำจำกัดความของหมวดที่ 1 เงื่อนไขทั่วไป จะเรียกถ้อยคำนี้ และให้คำนิยามว่า
“ระยะเวลาที่ไม่คุ้มครอง” หมายความถึง ระยะเวลาหนึ่งตามที่ระบุไว้ในตารางกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งผู้เอาประกันภัย และบริษัทตกลงว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว บริษัทไม่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
โดยปกติ คนประกันภัยจะแปลความหมายถ้อยคำเหล่านี้ว่า มีกลไกการทำงานเสมือนหนึ่งความรับผิดส่วนแรก (deductible) หรือความเสียหายส่วนแรก ภายใต้การประกันภัยทรัพย์สิน (การประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักก็มีเช่นเดียวกัน) ซึ่งพจนานุกรมฉบับนี้ด้วยว่า หมายความถึง ความรับผิดเพื่อความเสียหายที่กรมธรรม์ประกันภัยกำหนดไว้ให้ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบเอง ก่อนที่ผู้รับประกันภัยจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในส่วนที่เกินจากนั้น
นั่นคือ สิ่งที่รับรู้กันทั่วไป
ทีนี้เรามาลองพิจารณาตัวอย่างคดีศึกษาต่างประเทศนี้กันนะครับ
ผู้เอาประกันภัยโจทก์ประกอบธุรกิจโรงแรมและคาสิโนของตนอยู่ในเมือง Deadwood มลรัฐ South Dakota ประเทศสหรัฐอเมริกาได้จัดทำกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองทั้งทรัพย์สิน และความสูญเสียทางการเงินของตนเอาไว้ด้วยกับบริษัทประกันภัยจำเลย ซึ่งอย่างหลังเรียกว่า ความคุ้มครองเงินได้ทางธุรกิจ (Business Income) หรือที่รู้จักคุ้นเคยในบ้านเราว่า “การประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก (Business Interruption Insurance)” นั่นเอง
ปลายเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2002 ได้เกิดไฟป่าขนาดใหญ่ขึ้นใกล้เมือง Deadwood
วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน ค.ศ. 2002 เวลา 14.30 น. ผู้ว่าการมลรัฐ South Dakota ออกคำสั่งด้วยวาจาให้ดำเนินการอพยพประชาชนออกจากเมืองนั้น รวมถึงเมืองอื่นที่อยู่ใกล้เคียง พร้อมทั้งให้มีการปิดถนน และจำกัดเส้นทางเข้าออกบางเส้นทางด้วย
วันจันทร์ที่ 1 กรกฏาคม ค.ศ. 2002 เวลา 20.00 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน (Civil Authority) ประกาศยกเลิกคำสั่งนั้นเฉพาะเมือง Deadwood ให้ประชาชนสามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้ตามเส้นทางที่กำหนด ขณะที่บางเมือง บางจุดที่อยู่บริเวณใกล้เคียงคงยังตกอยู่ภายใต้คำสั่งนั้นอยู่
วันจันทร์ที่ 8 กรกฏาคม ค.ศ. 2002 เวลา 18.00 น. คำสั่งดังกล่าวทั้งหมดได้ถูกประกาศยกเลิกโดยสมบูรณ์ ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติดังเดิม
ผู้เอาประกันภัยโจทก์ได้มาเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนในส่วนของการหยุดชะงักของธุรกิจในช่วงที่มีคำสั่งอพยพ การปิดถนน และข้อจำกัดต่างที่ได้ถูกกำหนดขึ้น ซึ่งได้รับผลกระทบทางการเงินอย่างมาก ถึงแม้นคำสั่งนั้นถูกยกเลิกในไม่กี่วันถัดมา ก็ยังได้รับผลกระทบอยู่ดี เพราะบริเวณใกล้เคียง คำสั่งนั้นคงมีผลอยู่ ส่งผลทำให้ตนได้รับความสูญเสียทางการเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 288,204.53 ดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 9,966,833.16 บาท)
เนื่องด้วยบริษัทประกันภัยจำเลยได้ตอบปฏิเสธคำเรียกร้องโดยอ้างว่า ทรัพย์สินของผู้เอาประกันภัยโจทก์มิได้ถูกปิดตัวลงเกินกว่าเจ็ดสิบสองชั่วโมงตามข้อบังคับแห่งกรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาท ซึ่งได้เขียนไว้ในส่วนของความคุ้มครองเพิ่มเติมว่าด้วยความเสียหายเนื่องจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน (Civil Authority) โดยสามารถถอดความออกได้ ดังนี้
“บริษัทประกันภัยจะชดใช้ความสูญเสียอย่างแท้จริงของเงินได้ทางธุรกิจซึ่งผู้เอาประกันภัยได้รับ พร้อมกับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเพิ่มเติม อันมีสาเหตุมาจากการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนซึ่งห้ามมิให้มีการเข้าถึงสถานที่เอาประกันภัยเนื่องมาจากความสูญเสีย หรือความเสียหายทางกายภาพโดยตรงแก่ทรัพย์สิน ณ สถานที่แห่งอื่นใดที่ไม่ใช่สถานที่เอาประกันภัย ด้วยสาเหตุ หรือเป้นผลมาจากภัยที่คุ้มครอง
ความคุ้มครองสำหรับเงินได้ทางธุรกิจนี้จะเริ่มต้นขึ้นใน 72 ชั่วโมงนับแต่เวลาที่ได้มีการดำเนินการเช่นว่านั้น (begin 72 hours after the time of that action) และจะมีผลใช้บังคับในช่วงระยะเวลาไม่เกินกว่าสามสัปดาห์ติดต่อกัน ภายหลังจากเมื่อความคุ้มครองได้เริ่มต้น”
โดยบริษัทประกันภัยจำเลยแปลถ้อยคำตรงตามที่เขียน คือ จะให้ความคุ้มครองได้ต่อเมื่อมีคำสั่งของเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเมืองห้ามการเข้าถึงสถานที่เอาประกันภัยเป็นช่วงระยะเวลาเกินกว่าเจ็ดสิบสองชั่วโมง (หรือสามวัน) แล้วเท่านั้น หรืออีกนัยหนึ่ง คือ ถ้าไม่ถึงเจ็ดสิบสองชั่วโมง ก็จะไม่คุ้มครองเลย อันเป็นการแปลระยะเวลารอคอยนี้ในลักษณะเป็นระยะเวลาไม่คุ้มครอง
ขณะที่ผู้เอาประกันภัยโจทก์ตีความว่า ระยะเวลารอคอยนี้มีกลไกการทำงานเสมือนหนึ่งความรับผิดส่วนแรกมากกว่า คือ ความสูญเสียทางการเงินภายหลังจากเมื่อหักเจ็ดสิบสองชั่วโมงแรกออกไปแล้ว บริษัทประกันภัยจำเลยจำต้องรับผิด สำหรับความสูญเสียส่วนที่พ้นจากช่วงระยะเวลาแรกนั้นไป
บริษัทประกันภัยจำเลยโต้แย้งเพิ่มเติมอีกว่า นอกจากนี้ ในหน้าตารางกรมธรรม์ประกันภัยที่เกี่ยวข้องยังปรากฏถ้อยคำที่เขียนสั้น ๆ อีกด้วยว่า “No Ded.,” ในที่นี้ประสงค์จะหมายความถึง ไม่มีความรับผิดส่วนแรก (deductible) นั่นเอง
ผู้เอาประกันภัยโจทก์ก็โต้กลับไปว่า คำว่าไม่มีความรับผิดส่วนแรกนั้นเขียนเพื่อมาทำให้ช่วงระยะเวลาเจ็ดสิบสองชั่วโมงนั้น ปราศจากผลใช้บังคับได้ต่างหาก
อนึ่ง การทำให้สามารถแปลความหมายได้หลายนัยนี้ ถือเป็นความกำกวม โดยหลักกฎหมายแล้ว ต้องยกประโยชน์ให้แก่ผู้เอาประกันภัยโจทก์ซึ่งไม่ได้มีส่วนร่างถ้อยคำของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาท
ศาลชั้นต้นในคดีนี้ได้วินิจฉัยว่า
ถ้อยคำของการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนซึ่งห้ามมิให้มีการเข้าถึงสถานที่เอาประกันภัยนั้น ไม่กำกวม เพราะการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนเช่นว่านั้นมีผลใช้บังคับนับได้ไม่ถึงห้าสิบสี่ชั่วโมง คือ ตั้งแต่เวลา 14.30 น. ของวันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน ค.ศ. 2002 จวบจนถึงเวลา 20.00 น. ของวันจันทร์ที่ 1 กรกฏาคม ค.ศ. 2002 ถึงแม้นบางถนนโดยรอบของเมือง Deadwood ยังถูกปิดกั้นอยู่ก็ตาม แต่ก็ยังสามารถเดินทางเข้าถึงสถานที่เอาประกันภัยได้ เพียงอาจติดขัดไม่สะดวกเช่นเดิมเท่านั้น จึงไม่เข้าเงื่อนไขความคุ้มครองของการปิดกั้นเจ็ดสิบสองชั่วโมงดังกล่าว
ส่วนช่วงระยะเวลาเจ็ดสิบสองชั่วโมงนั้น ไม่จัดเป็นความรับผิดส่วนแรก เพราะจากพจนานุกรมศัพท์ประกันภัยอ้างอิงสากล ให้ความหมายความรับผิดส่วนแรก คือ ส่วนแรกของความเสียหายที่ผู้เอาประกันภัยจำต้องรับผิดชอบเองมาหักออกก่อนลำดับแรก โดยผู้รับประกันภัยจะรับผิดสำหรับส่วนที่เกินจากนั้นไปในลำดับถัดไป แต่ทำงานในลักษณะเป็นเงื่อนเวลาซึ่งจะให้ความคุ้มครองได้ต่อเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลานั้นไปแล้วเท่านั้น ไม่ใช่ต้องมีการจำแนกช่วงเวลาแรกกับช่วงเวลาหลังมาหักออกจากกันแต่ประการใด
อนึ่ง ประเด็นข้อโต้แย้งตรงที่เขียนว่า ไม่มีความรับผิดส่วนแรกนั้น ศาลชั้นต้นเห็นว่า ไม่ขัดแย้งกับเงื่อนเวลาดังกล่าว เพราะมีความหมายถึง เมื่อบังเกิดความคุ้มครองหลังจากพ้นเงื่อนเวลาดังกล่าวแล้ว ก็จะไม่นำความรับผิดส่วนแรกมาใช้บังคับอีก หรือถ้าเขียนว่า มีความรับผิดส่วนแรก ก็ให้นำมาใช้บังคับได้หลังจากนั้นเช่นเดียวกัน
จึงพิพากษาให้ผู้เอาประกันภัยโจทก์ไม่ได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขข้อกำหนดของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาท
ผู้เอาประกันภัยโจทก์ยื่นอุทธรณ์คัดค้านประเด็นการแปลความของความรับผิดส่วนแรก
ศาลอุทธรณ์ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เงื่อนเวลานั้นจัดเป็นระยะเวลาไม่คุ้มครอง (waiting period or clearance period)
(อ้างอิง และเรียบเรียงมาจากคดี BY Development v. United Fire & Cas., No. 06-2016 (8th Cir. 2006))
เมื่อคุณย้อนกลับไปอ่านคำนิยามต่าง ๆ ข้างต้น
คุณจะแปลความหมาย และเข้าใจเช่นไรครับ?
หมายเหตุ
สนใจศึกษาเพิ่มเติม ลองย้อนกลับไปอ่านดูบทความเก่าที่เคยเขียนไว้หลายปีแล้ว เทียบเคียงกันดูนะครับ
เรื่องที่ 113: จะเกิดอะไรขึ้นกับบริษัทประกันภัยต่อไป เมื่อมีคำพิพากษาศาลฎีกาเรื่องกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก (Business Interruption Insurance Policy) ออกมาเช่นนั้น?
บริการ
- รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
- รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com
อ่านบทความอีกชุดที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ -กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul/