เรื่องที่ 158 : การฉ้อฉลหลอกลวงทางคอมพิวเตอร์ (Computer Fraud) มีความหมายมากกว่าการแค่เพียงใช้คอมพิวเตอร์กระทำการ?
(ตอนที่สอง)
ศาลอุทธรณ์ได้วิเคราะห์คดีนี้ว่า
เมื่อพิจารณาประเด็นถ้อยคำของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาทตรงที่เขียนว่า
“ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ใด ๆ เพื่อทำการหลอกลวงให้โอนทรัพย์สินเช่นว่านั้นไปจากสถานที่เอาประกันภัย หรือที่ทำการของธนาคาร (resulting directly from the use of any computer to fraudulently cause a transfer of that property from inside the premises or banking premises)”
โดยที่ฝ่ายโจทก์ผู้เอาประกันภัยอ้างว่า ถ้อยคำนี้ตีความได้ความหมายว่า มีการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ใด ๆ ซึ่งมิใช่ของเครื่องคอมพิวเตอร์ของโจทก์ ในการก่อให้เกิดการโอนเงินโดยหลอกลวงฉ้อฉล
ขณะที่ศาลอุทธรณ์กลับเห็นว่า เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในการดำเนินธุรกรรมเกือบแทบทุกธุรกิจ ถ้าแปลความหมายของถ้อยคำนี้ให้คุ้มครองถึงการโอนเงินทุกอย่างว่า ต้องเกี่ยวข้องกับทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ และการหลอกลวงฉ้อฉลบางจุดของการทำธุรกรรมนั้น ก็จะส่งผลทำให้กรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองการฉ้อฉลหลอกลวงทางคอมพิวเตอร์ฉบับพิพาทกลับกลายเป็นกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองการฉ้อฉลหลอกลวงทั่วไป
คดีนี้ การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นเพียงการใช้อีเมลแจ้งเปลี่ยนแปลงข้อมูลการรับชำระเงินของคู่ค้า โดยแนบสำเนาจดหมายมาด้วย ครั้นเมื่อทางเจ้าหน้าที่ของฝ่ายโจทก์ผู้เอาประกันภัยได้โทรศัพท์เข้าไปยังหมายเลขที่คนร้ายจัดพิมพ์ไว้ตรงหัวจดหมายฉบับปลอมนั้น แทนที่จะโทรศัพท์กลับไปยังหมายเลขเดิมของคู่ค้าที่เคยใช้ติดต่อกัน ซึ่งถ้าได้กระทำเช่นนั้น หรือใช้กรรมวิธีการตรวจสอบอื่นอย่างระมัดระวังแล้ว เชื่อว่า ฝ่ายโจทก์ผู้เอาประกันภัยคงจะไม่ยินยอมเปลี่ยนแปลงข้อมูลการรับชำระเงินให้แน่
การใช้อีเมลเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนการ อันก่อให้เกิดการโอนเงินโดยผู้มีอำนาจกระทำการเท่านั้น การติดต่อสื่อสารด้วยการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์กับระบบโทรศัพท์นั้นมีความยากลำบากในการขีดเส้นแบ่งกั้นมาก (ศาลอุทธรณ์มิได้กล่าวเพิ่มเติมในประเด็นตรงนี้) แต่ได้วินิจฉัยว่า ถ้อยคำดังกล่าวของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาทเพียงคุ้มครองถึงความเสียหาย อันเป็นผลโดยตรงจากการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ มิใช่จากการได้รับอีเมลโดยหลอกลวงฉ้อฉล ฉะนั้น การใช้อีเมลโดยหลอกลวงฉ้อฉลจึงมิใช่เป็นการก่อให้เกิดผลโดยตรงของการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ดังที่กำหนดไว้นั้นเอง เนื่องจากการโอนเงินนั้นเกิดขึ้นมาจากโอนเงินของเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจกระทำการ
จึงพิพากษากลับให้ฝ่ายจำเลยบริษัทประกันภัยไม่จำต้องรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาท
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ยกสองคดีพลิก
(อ้างอิง และเรียบเรียงจากคดี Apache Corp. v. Great American Ins. Co., No 15-20499 (5th Cir. Oct. 18, 2016))
อย่างไรก็ดี คำพิพากษาคดีนี้ก่อให้เกิดความเห็นแตกต่างมากมาย รวมทั้งแนวคำพิพากษาในคดีอื่นด้วย โปรดติดตามต่อสัปดาห์หน้า
บริการ
- รับบรรยายให้ความรู้ด้านประกันวินาศภัย
- รับแปลเอกสารกรมธรรม์ประกันภัย (อังกฤษเป็นไทย)
สนใจติดต่อ vivatchai.amornkul@gmail.com
อ่านบทความอีกชุดที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ใน พบ-ป(ร)ะ-กัน(ภัย): เป็นเรื่อง เป็นราว ใน Facebook Meet Insurance ที่ https://www.facebook.com/pomamornkul